ตอนที่ 9 แขกกิตติมศักดิ์

ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进c化系统)

ตอนที่ 9 แขกกิตติมศักดิ์

ต่อหน้าภารกิจจำนวนมากแล้ว หวังเย่าก็อดไม่ได้ที่จะเวียนหัวขึ้นมา

พอมาคิดดู ตอนแรกเขาไม่คิดจะทำตัวโดดเด่น แต่ผ่านมาไม่นานเขากลับทำให้หลายคนหันมาสนใจเขา

โจวอวิ๋นบอกว่าตลาดมืดนั้นมีหลายคนที่ทำผิดกฎหมาย รัฐบาลของเมืองจึงสั่งจับตาดูที่นี่ไว้ตลอด

หากถูกพบตัวเข้า มันอาจจะส่งผลกระทบในระดับที่คาดไม่ถึง

แต่ตลาดมืดนั้นมีอยู่มานานแล้ว มันถึงกับมีหลายที่ พวกที่เกี่ยวข้องกับที่นี่ล้วนแต่ได้รับประโยชน์ก้อนโต

ยังไงซะตลาดมืดมันก็เสี่ยง หวังเย่าต้องระวังตัวเอาไว้

หากทำตัวโดดเด่น งั้นคงทำให้ผู้คนหันมาสนใจ พวกคนระดับสูงของที่นี่อาจจะหันมาสนใจเขาจนเกิดเป็นปัญหาใหญ่ขึ้นมาก็ได้

เมื่อคิดแบบนั้น หวังเย่าก็คิดว่าจะทำอีกภารกิจแล้วจะออกไปจากที่นี่

ต้องรีบถอย ! แต่ก็ต้องสร้างชื่อของตัวเองเอาไว้ด้วย

หวังเย่าเลื่อนดูข้อมูลต่าง ๆ ในหน้าจอ จากนั้นไม่นานก็พบกับภารกิจที่น่าสนใจ

“จ้างผู้ใช้อสูรขั้น 1 เพื่อวิวัฒนาการกิ้งก่าหลังหนามสามหัวระดับเงินของตระกูลเกา เวลาจำกัด 15 วัน  รางวัล 500,000 เครดิตกับของที่จำเป็นในภารกิจ”

‘ภารกิจนี้ดูน่าสนใจ บางทีฉันอาจจะได้ของที่ใช้ในภารกิจด้วย’

“เอาภารกิจนี้” หวังเย่าเดินเข้าไปหาลู่เจี๋ยและพูดว่า “ช่วยรายงานทีว่าฉันจะรับภารกิจที่ 1 ของหมวด C ฉันต้องไปดูแลถึงบ้านรึเปล่า ? ”

ลู่เจี๋ยตรวจสอบเนื้อหาของภารกิจก่อนที่สายตาที่อยู่ภายใต้หน้ากากจะแสดงความตะลึงออกมา

แปดเทพ….คิดจะรับภารกิจนี้จริง ๆ หรือ ?

ภารกิจนี้ไม่ว่าจะเป็นค่าตอบแทนรึความยากต่างก็สูง มันอยู่มากว่าครึ่งเดือนแล้ว แม้จะทำให้ผู้ใช้อสูรหลายคนสนใจ แต่ก็ไม่มีใครเลือกรับภารกิจนี้

นอกจากนี้แม้ว่าคนในเมืองนี้จะมีหลายคน แต่เจ้าของภารกิจนี้ก็คือคนที่โด่งดังที่สุด

นี่คือหนึ่งในระดับสูงของเมืองอรุณ ตระกูลนี้ไม่ใช่แค่ที่ร่ำรวยแต่ในรัฐบาลก็ยังมีคนของพวกเขาอยู่  พวกเขามีคนในฝ่ายรัฐกว่าสองพันคน และยังมีฉายาราชาแห่งการล่าอีกด้วย

ดังนั้นเมื่อทำภารกิจนี้สำเร็จก็จะทำให้ตระกูลใหญ่หันมาสนใจ พวกเขาอาจจะจ้างผู้ใช้อสูรต่อเลยก็ได้

แต่หากทำภารกิจนี้ไม่สำเร็จและส่งผลกระทบต่อสัตว์อสูรของพวกนั้น งั้นผลที่ตามมาก็ยากจะคาดเดาได้

ลู่เจี๋ยคิดสักพักก่อนจะตอบกลับว่า “มันไม่ใช่ภารกิจที่ต้องไปดูแลถึงบ้าน กิ้งก่าหลังหนามสามหัวอยู่ที่นี่ เจ้าของมันได้ให้น้ำยาวิวัฒนาการขั้นสูง 6 ขวด, น้ำยาพลังขั้นสูง 30 ขวด นายอยากจะรับภารกิจนี้จริง ๆ หรือ ? ”

หวังเย่าใจสั่นทันที ทรัพยากรเหล่านี้ไม่ใช่ว่าหากใช้กับการ์ฟีลด์จะทำให้มันไร้เทียมทานเลยรึไง ?

นี่ยังไม่รวมค่าตอบแทน 500,000 เครดิตเลย !

หากทำภารกิจนี้สำเร็จ งั้นหวังเย่าก็จะกลายเป็นหนึ่งในคนที่รวยที่สุดในโรงเรียนแล้ว

“ใช่ ฉันจะรับภารกิจนี้” หวังเย่าพยักหน้าตอบรับ

 “งั้นนายก็ต้องจ่ายค่ามัดจำ 5,000 เครดิต หากภารกิจล้มเหลว เงินมัดจำจะถูกยึดเอาไว้ สำหรับไอเทมที่ใช้ในภารกิจ นายจะต้องชดเชยมัน”

“ฉันรู้แล้ว” หวังเย่าพยักหน้าและพูดออกมาด้วยท่าทีหนักแน่น

5 นาทีต่อมา เสี่ยวเว่ยก็ได้พาหวังเย่าไปที่กรงขนาดใหญ่อันหนึ่ง

กรร !

แค่เสียงคำรามของมันก็เพียงพอที่จะทำให้พื้นดินสั่นไหวได้แล้ว !

โชคดีที่ตลาดมืดนี้มีพลังลึกลับปกคลุมเอาไว้ และกันไม่ให้เสียงดังออกไปภายนอก

ไม่งั้นแล้วเสียงคำรามนี้คงทำให้ร้านค้าด้านบนเกิดความวุ่นวายพร้อมกับลูกค้าที่ต้องหนีกันอลหม่าน

หวังเย่าหูอื้อไปชั่วขณะ  เขาใช้เวลาเรียกสติอยู่สักพักก่อนจะมองไปยังกิ้งก่าหลังหนามสามหัวในกรง

เขาเห็นส่วนหัวของมันแต่หัวที่ยาวกว่าสิบเมตร รูปร่างคล้ายจิ้งจก แต่มีหางเหมือนจระเข้

หลังของพวกมันหนาและมีหนามงอกออกมา หนามของมันคมกริบราวกับมีด จนแม้แต่เหล็กก็ยังแทงทะลุได้

“คุณแปดเทพ นี่คือสัตว์อสูรระดับเงินเลเวล 37 มันไม่ยอมให้ใครจับตัวได้ง่าย ๆ มันหงุดหงิดง่าย และยากจะควบคุมพวกมันได้ ถึงเจ้าของของมันจะอยู่ด้วยแต่พวกมันก็มักจะทำร้ายคนบ่อย ๆ และถึงกับฆ่าคนไปแล้วด้วย”

“คุณต้องระวังตัวเอาไว้ด้วย” เสี่ยวเว่ยพูดเตือนขึ้นมา

หวังเย่าพยักหน้าตอบรับด้วยตาที่เป็นประกาย ตรงหน้าเขามีข้อมูลของสไปโนซอรัสสามหัวโผล่ขึ้นมา

****

ชื่อเรียก : กิ้งก่าหลังหนาม

ระดับ : เงินขั้นสูง

เลเวล : 37

อายุ : 6.5 ปี

ค่าประสบการณ์ : 72,000/75,000

บ่อประสบการณ์ : 72,000

ความสามารถ : คลื่นเสียง, ฟาดหาง, ฉีกหิน, ยิงหนาม

จุดแข็ง : ผิวที่หนาและยากจะแทงทะลุได้, ขนาดใหญ่อย่างกับรถถัง

จุดอ่อน : ไม่สามารถมองแสงได้โดยตรง มันหงุดหงิดง่ายและยากที่จะควบคุมได้

หมายเหตุ : กิ้งก่าหลังหนามนั้นไม่ได้ฉลาดมากนัก ระบบทำให้มันสับสนได้ง่าย ๆ ดังนั้นจึงสามารถใช้วิวัฒนาการได้ เนื่องจากอายุถึงเกณฑ์และอยู่ระดับเงิน แค่ช่วยเพียงเล็กน้อยก็เพียงพอที่จะทำให้มันวิวัฒนาการได้ โดยแลกเปลี่ยนกับเลือดเจ้าของ 50 หยดหรือเลือดของสัตว์อสูร 500 หยด

*****

ระดับเงินขั้นสูง ?

หวังเย่ามองไปที่ข้อมูลส่วนนี้แล้วครุ่นคิด

ดูเหมือนว่ามันจะมีความต่างระหว่างระดับอยู่

อาจจะเป็นเพราะ…ความแตกต่างระหว่างสายพันธุ์ ยกตัวอย่างเช่นกบระดับเงินเลเวล 10 กับกิ้งก่าระดับเงินเลเวล 10 แน่นอนว่ากิ้งก่าย่อมแกร่งกว่า

เพราะกบอยู่ขั้นต้นของระดับเงิน ส่วนกิ้งก่าอยู่ขั้นสูงของระดับเงิน

นี่เพราะความแตกต่างทางสายพันธุ์

“คุณมั่นใจหรือไม่ ? ” เสี่ยวเว่ยทั้งคาดหวังและกังวล ยังไงซะหวังเย่าก็สุภาพต่อเธอมาโดยตลอด

หวังเย่ายิ้มออกมาและพูดขึ้น “ไม่เป็นไร”

จากนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป

“ต้องวิวัฒนาการเจ้าโง่แบบนี้ ช่างสิ้นเปลืองความสามารถของฉันจริงๆ”

หวังเย่ากัดฟันแน่นพร้อมกับโยนยาวิวัฒนาการออกไป ค่าประสบการณ์ของกิ้งก่าเพิ่มขึ้นทันทีกว่า 30,000 หน่วย ซึ่งทำให้มันสามารถผ่านเงื่อนไขในการวิวัฒนาการได้ จากนั้นเขาก็ตะโกนออกมา “ถ้าแกไม่วิวัฒนาการตอนนี้แล้วจะวิวัฒนาการตอนไหน ? ”

เมื่อพูดจบตัวของกิ้งก่าหลังหนามก็สั่นไหวพร้อมกับเนื้อที่ฉีกออกและฟื้นฟูขึ้นอย่างรวดเร็ว ผ่านไป 5-6 อึดใจ กรงนั้นก็ไม่อาจจะขังพวกมันได้อีก ท่อนเหล็กงอด้วยความเร็วที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า

จากนั้นตัวของกิ้งก่าหลังหนามก็เปล่งแสงออกมา แต่ละหัวต่างก็แผ่พลังของสัตว์อสูรระดับทองออกมา

จากนั้น….ปัง ปัง ปัง !

กิ้งก่าที่เหมือนกับมังกรได้ยิงหนามที่หลังของมันออกมา

หนามที่ใหญ่กว่าเดิมหลายเท่าถูกยิงออกมาพร้อมกับกรงเหล็กที่หักออก ส่วนหนามที่เหลือนั้นถูกยิงเข้าใส่กำแพงจนทำให้เกิดหลุมขึ้นมาที่กำแพง

ความวุ่นวายแบบนั้นทำให้ผู้ดูแลหันมาสนใจทันที

“เกิดอะไรขึ้นกัน ? ” ผู้ดูแลที่ชื่อสปินเนอร์เดินเข้ามาและถามขึ้น

เสี่ยวเว่ยรับรู้ได้ถึงแรงกดดันจากสปินเนอร์ เธอตัวสั่นและรีบตอบกลับ “กิ้งก่าหลังหนามได้รับการวิวัฒนาการ ตอนนี้เจ้าของของมันไม่อยู่ และมันเพิ่งจะวิวัฒนาการ พวกมันเลยหงุดหงิดและไม่มีที่ให้ระบาย ดังนั้น… ”

“อะไรนะ ? กิ้งก่าหลังหนามวิวัฒนาการงั้นหรือ ? ! ”  สปินเนอร์ช็อก “การวิวัฒนาการสัตว์อสูรต้องให้อาหารมันก่อนเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับมัน จากนั้นก็อัดแน่นพลังแล้วลองวิวัฒนาการ แต่โอกาสที่จะวิวัฒนาการสำเร็จนั้นมีโอกาสแค่ 20-30% แต่…แต่…เขากลับทำให้พวกมันวิวัฒนาการสำเร็จได้จริง ๆ หรือ ! ”

“ใครพอบอกเหตุผลฉันได้บ้าง ? ”

“นี่….ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน…..คุณควรถามคุณแปดเทพจะดีกว่า” เสี่ยวเว่ยตอบกลับด้วยเสียงที่สั่น

สปินเนอร์อดไม่ได้ที่จะมองไปยังชายหนุ่มผอมแห้งที่อยู่ไม่ไกลด้วยสายตาสงสัย เขาพูดขึ้นมาด้วยท่าทีที่สุภาพกว่าเดิม “คุณแปดเทพ สวัสดี ผมคือผู้ดูแลฝ่ายสัตว์อสูร มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ? ”

หวังเย่าขมวดคิ้ว เขาแสดงสายตาไม่พอใจออกมา เขายักไหล่ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“ขอโทษด้วย ฉันแค่รับผิดชอบในการทำภารกิจ ไม่ได้รับผิดชอบเรื่องการอธิบาย นายต้องเคารพกฎข้อนี้ด้วย”

สปินเนอร์ได้สติกลับมา เขารู้ตัวทันทีว่าทำผิด ตามกฎแล้วเขาไม่มีสิทธิ์ที่จะไปสอบสวนใคร

ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็กลัวว่าแปดเทพคนนี้จะไม่ใช่คนธรรมดา เมื่อรวมกับความสามารถที่โดดเด่นที่ทำให้สัตว์อสูรวิวัฒนาการขึ้นมา….เขาไปเอาความกล้าแบบไหนที่จะไปตรวจสอบคนแบบนี้ ?

“สปินเนอร์ มีเรื่องอะไรกัน  ฉันกำลังดื่มชาอยู่แต่กลับได้ยินเสียงดังที่นี่  ! ” ชายคนหนึ่งวิ่งเข้ามาด้วยท่าทีไม่พอใจ เขาคือหัวหน้าฝ่ายสัตว์อสูรของตลาดมืด เขาคือเย่เหยียน

สปินเนอร์ทำความเคารพเย่เหยียนและสูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้น

เย่เหยียนแสดงสีหน้าช็อกออกมา เขาแทบไม่เชื่อว่านี่จะเป็นเรื่องจริง

“นี่มัน…น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว ฉันทำธุรกิจนี้มา 30 ปี แต่กลับไม่เคยเห็นเรื่องแบบนี้มาก่อน ”

หลังจากที่ตรวจสอบเรื่องนี้แล้ว เย่เหยียนก็ได้มองไปที่แปดเทพด้วยท่าทีเคารพ “คุณแปดเทพ ผมขอเรียกคุณอย่างนี้ก็แล้วกัน แม้ว่าคุณจะเพิ่งเข้ามาในตลาดมืดเป็นครั้งแรก แต่ดูจากระดับของคุณแล้ว คุณคงผ่านเงื่อนไขการเป็นผู้ใช้อสูรขั้น 5 รึ 6 ได้ง่าย ๆ อย่างแน่นอน”

หวังเย่าพยักหน้าตอบรับ เขาไม่คิดจะปฏิเสธ

เย่เหยียนราวกับคิดว่าถูกแล้ว เขากลืนน้ำลายด้วยท่าทีลังเลราวกับกำลังตัดสินใจ

จากนั้นเย่เหยียนก็พูดขึ้นด้วยท่าทีแน่วแน่ “ผมขอเชิญคุณแปดเทพให้มาร่วมงานกับเราในฝ่ายสัตว์อสูรของตลาดมืด ด้วยตำแหน่งผู้อาวุโส”