ตอนที่ 5 ข้อมูล

เจ้าสาวร้อยเล่ห์

“พ่อบ้านใหญ่!” เมื่อเห็นซั่งกวนจิ่นเข้ามาในประตู เด็กรับใช้ที่ดูลักษณะก็รู้ว่าฉลาดเข้ามาโค้งคำนับเขาด้วยความเคารพทันที

“นั่งลงคุยกันเถอะ” ซั่งกวนจิ่นพยักหน้าโดยไม่ได้วางมาดอะไร แต่ยิ่งเป็นเช่นนั้น ก็ยิ่งดูแตกต่างกันมากขึ้น ทำให้ผู้คนไม่กล้าเพิกเฉย

“เจ้าค่ะ!” เด็กรับใช้คนนั้นตอบขานรับ แล้วนั่งลงข้างๆ

“ในช่วงครึ่งเดือนนี้ ข้าน้อยสอบถามข่าวคราวจากทั้งสาวใช้เล็กๆ ของไท่ไท่ตระกูลเยี่ยน เด็กรับใช้ของนายท่านตระกูลเยี่ยนและสาวใช้ตัวน้อยกับแม่นมของคุณหนูห้า ข่าวที่เราได้จากคนรับใช้ก่อนหน้านี้มีทั้งจริงและเท็จ แต่คำพูดของไท่ไท่เยี่ยน

กลับมีน้ำหนักมาก!” เด็กรับใช้คนนี้เป็นคนที่ซั่งกวนจิ่นให้เขาอาศัยอยู่ในอู๋โจวโดยเฉพาะ และไม่มีใครพอใจในการแต่งงานกับตระกูลเยี่ยนยกเว้นฮูหยิน

ซั่งกวนฮ่าวไม่พอใจ! อย่างไรก็ตามตระกูลซั่งกวนเป็นตระกูลในยุทธภพที่มีชื่อเสียงโด่งดังเช่นกัน ไม่ว่าจะอยู่ในราชสำนักหรือในยุทธภพ ก็มีสถานะที่คนอื่นไม่สามารถแทนที่ได้ ตระกูลเยี่ยนคืออะไร เป็นเพียงแค่คหบดีที่ร่ำรวยในเมืองเล็กๆ อย่างอู๋โจวแห่งนี้ซึ่งพอจะเทียบชั้นได้บ้าง นับประสาอะไรกับคุณหนูห้าที่ไม่ได้เกิดมาจากภรรยาหลวง ต่อให้จะเกิดกับภรรยาหลวง แต่ก็ยังมีสถานะห่างจากซั่งกวนเจวี๋ยราวฟ้ากับดิน นอกจากนี้ คุณหนูห้าตระกูลเยี่ยนสูญเสียมารดาไปเมื่ออายุสิบสี่ปี แม้ตอนนั้นนางจะค่อนข้างโดดเด่นแล้ว แต่ครอบครัวซั่งกวนก็ไม่ได้ต้องการลูกสะใภ้ที่โดดเด่นใช่หรือไม่? ยิ่งไปกว่านั้น ในขณะที่พูดคุยเรื่องการแต่งงานคราวนี้ ข้อมูลที่ไท่ไท่ตระกูลเยี่ยนเปิดเผยโดยบังเอิญยังทำให้ซั่งกวนฮ่าวไม่สบายใจ…หลังจากที่คุณหนูห้าตระกูลเยี่ยนสูญเสียมารดาไป นางก็นอนซมอยู่บนเตียงเป็นเวลาครึ่งปี ล้มป่วยเป็นโรคเรื้อรัง ร่างกายไม่สมบูรณ์ เกรงว่าไม่อาจจะทำงานสำคัญใดๆ ได้ ความหมายคือนางอาจมีลูกยาก ซั่งกวนฮ่าวกระโดดลุกพรวดขึ้นในเวลานั้น ซั่งกวนเจวี๋ยอายุยี่สิบสองปีแล้ว เขารออุ้มหลานชายมานาน! เมื่อสามปีก่อนเป็นเพราะคุณหนูห้าตระกูลเยี่ยนยังเด็กเกินไปจริงๆ จะพูดถึงการแต่ง งานระหว่างไว้ทุกข์คงไม่ดีนัก ฮูหยินก็บังคับไม่อนุญาตให้รับอนุภรรยาก่อนจะมีภรรยาหลวง ในตอนนั้นซั่งกวนฮ่าวต้องการยุติเรื่องแต่งงานนี้ หากไม่ใช่เพราะฮูหยินซั่งกวนยืนกราน เขาขอโทษฮูหยินมากแค่ไหน เพราะกลัวว่านางจะทำให้บ้านไม่สงบ แล้วเขาจะทนได้อย่างไร? ตอนนี้มาพูดถึงสุขภาพที่ไม่ดีอีก อาจมีปัญหาในการมีลูก นั่นไม่ทำให้ซั่งกวนฮ่าวซึ่งเดิมไม่พอใจอยู่แล้วไม่พอใจมากขึ้นไปอีกหรือ?

ซั่งกวนเจวี๋ยก็ไม่พอใจเช่นกัน! สามปีก่อนซั่งกวนเจวี๋ยไม่ค่อยขัดการแต่งงานครั้งนี้มากนัก…ในตอนนั้นเขาเพียงแค่สิบเก้าปี เพิ่งเข้าสู่ในเวทียุทธภพ มีเรื่องทำนองชู้สาวกับหญิงงามที่มีชื่อเสียงในยุทธภพหลายคน แต่ในวัยที่ทนเก็บใจไว้ไม่ไหวนั้น การจะให้เขาแต่งภรรยาและมีลูกอย่างตรงไปตรงมา ก็เหมือนกับการส่งเขาไปตัดหัวที่กิโยติน แต่ก็ไม่อยากจะแตกคอกับคนในครอบครัวเพราะเรื่องนี้ พอดีมีคู่หมั้นสาวคนหนึ่งที่หมั้นหมายกันตั้งแต่ในท้อง แต่ภรรยาคนนี้ไม่เพียงอายุน้อย จึงแต่งงานไม่ได้ชั่วคราว นางเสียชีวิตหนึ่งปีก่อนทั้งที่กำลังจะได้แต่งงาน เขาจึงเป็นอิสระได้สามปี และยังปฏิบัติตามความประสงค์ของมารดาได้อีกด้วย เรียกว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว แต่คนเรามักจะเปลี่ยนไปเสมอ ในเดือนแปดปีกลาย ซั่งกวนเจวี๋ยได้พบกับหญิงสาวที่มีชื่อเสียงหลายคนจากยุทธภพโดยบังเอิญ แล้วอ้างว่าเป็นคนสนิทรู้ใจของเขา ในระหว่างพวกนางแม้จะต่อสู้กันทั้งในที่ลับและที่แจ้งอยู่ตลอดเวลา แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรกับซั่งกวนเจวี๋ยและรู้ว่าจะกลายเป็นอนุภรรยาของซั่งกวนเจวี๋ย อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ภรรยาเอกต้องเป็นบุตรสาวของครอบครัวที่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับยุทธภพ หรือเป็นบุตรสาวของพ่อค้า พวกนางจึงไม่ยอม แต่ละคนพูดนินทากรอกหูซั่งกวนเจวี๋ย ขาดแต่ไม่ได้ส่งคนมาฆ่าภรรยาเอกที่จะเข้าพิธีนี้ก่อน ดังนั้นก่อนจะไปหาตระกูลเยี่ยนเพื่อพูดคุยเรื่องการแต่งงาน ซั่งกวนเจวี๋ยเปิดเผยว่าต้องการเลือกหนึ่งในสาวงามคนสนิทที่มีความสามารถ รูปร่างหน้าตาและภูมิหลังของครอบครัวที่โดดเด่นมาเป็นภรรยาเอก แล้วตั้งใจจะแต่งงานกับภรรยาคนอื่นๆ เป็นผิงชี แต่ก็แข็งข้อขัดมารดาไม่ได้ที่ตีโพยตีพายโวยวายและหาเรื่อง แม้เขาตกลงจะแต่งงานครั้งนี้ แต่เขาก็รู้สึกดีกับภรรยาคนนี้ที่ไม่เคยผ่านการออกเรือนมาก่อนจริงๆ

คุณหนูใหญ่ซั่งกวนหลิงหลงก็ไม่พอใจ! นางเคยได้ยินมาว่า คุณหนูห้าตระกูลเยี่ยนคนนี้ หนึ่งคือไม่เป็นวรยุทธ์ สองไม่รู้วิชาแพทย์ สามไม่เป็นอาวุธลับ สี่ไม่รู้เล่ห์เหลี่ยม ห้าไม่เป็น…ทำได้แค่เย็บปักถักร้อย เล่นพิณ ตรวจสมุดบัญชี เป็นบุตรสาวพ่อค้าธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น นางถือสิทธิ์อะไรมาแต่งงานกับพี่ชายที่เพียบพร้อมด้วยความสามารถทั้งบุ๋นบู๊ ท่าทีสง่างาม องอาจห้าวหาญและเฉลียวฉลาด?

ซั่งกวนจิงอิ๋งก็ไม่พอใจเช่นกัน! เหตุผลของนางนั้นง่ายมาก ทั้งบิดา พี่ชายและพี่สาวล้วนไม่พอใจ แล้วทำไมนางต้องพอใจด้วยเล่า? นอกจากนี้มารดาได้ทำหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่สมเหตุสมผล เพื่อให้แต่งงานกับคุณหนูห้าตระกูลเยี่ยนที่เต็มไปด้วยข้อบกพร่อง! นางยังไม่ได้เข้าประตูวิวาห์ก็ด้วยเหตุนี้ ถ้าเข้าประตูวิวาห์ มันจะไม่อารมณ์เสียเหรอ? สิ่งสำคัญที่สุดคือซั่งกวนเจวี๋ยโอ๋นางมากที่สุด แต่พูดตามสุภาษิตที่ว่ากันว่าถ้าแต่งงานได้สะใภ้แล้วลืมมารดา เมื่อถึงเวลานั้นพี่ใหญ่ยังจะจำนางที่เป็นน้องสาวได้อยู่หรือเปล่าเล่า!

ซั่งกวนอิงก็ไม่พอใจ! แต่เขาไม่ได้แสดงความคิดเห็น นั่นเป็นเพราะฮูหยินซั่งกวนพูดอย่างเฉียบขาดไว้คำหนึ่งว่า “อย่างไรนางก็ต้องเป็นลูกสะใภ้ของข้าแน่นอน ลูกชายคนไหนก็ได้!” เด็กอายุสิบสี่ปีผู้น่าสงสาร ตกใจกลัวจึงวิ่งมาหลบซ่อนที่บ้านของหวงฝู่เป็นเวลาครึ่งปีโดยไม่กล้าปรากฏตัว เพราะกลัวว่าพี่ชายคนโตจะเปลี่ยนใจหรือปั้นน้ำเป็นตัวอะไรออกมา ทำให้เขาเข้าไปพัวพันด้วย ตอนนี้เขายังอยู่ที่บ้านของหวงฝู่ โดยอ้างว่าจะกลับบ้านอย่างเชื่อฟังหลังจากที่พี่ชายคนโตแต่งงาน!

เกรงว่าจะมีแค่อนุภรรยาไม่กี่คนกับนายน้อยสองคนที่เกิดจากอนุภรรยาจะมีความสุขอย่างเงียบๆ กับการแต่งงานครั้งนี้จริงๆ! ไม่ว่าในกรณีใด ตระกูลซั่งกวนจะยังคงแต่งงานกับตระกูลชนชั้นสูงอื่นๆ อีกหลายตระกูล หากไม่มีซั่งกวนเจวี๋ยที่เป็นคู่ต่อสู้ที่ทรงพลังที่สุดคนนี้ โอกาสของพวกเขาก็มีมากขึ้น บางทีอาจจะแต่งงานกับภรรยาผู้สูงศักดิ์ก็เป็นได้!

ดังนั้น เมื่อซั่งกวนจิ่นจากอู๋โจวไปเมื่อหนึ่งเดือนก่อน ก็ได้ทิ้งคนที่น่าเชื่อถือไว้คนหนึ่ง หลังจากกำหนดวันแต่งงานเสร็จแล้วก็จะสอบถามสถานการณ์ของคุณหนูห้าตระกูลเยี่ยนให้เรียบร้อยอีกครั้ง หากนางทำให้ผู้คนไม่พอใจขนาดนั้นจริงๆ การส่งตัวในระหว่างทางก็อาจจะเกิดปัญหานิดหน่อย

ซั่งกวนจิ่นจิบชาไปคำหนึ่งอย่างไม่เร่งรีบ แล้วรอให้เด็กรับใช้รายงาน

“คุณหนูห้าตระกูลเยี่ยนมีโรคประจำตัวหลังจากที่มารดาเสียชีวิตไปจริงๆ แต่นางมีแม่บุญธรรมที่มากฝีมือคนหนึ่ง แค่ได้รับการบำรุงสุขภาพเพียงครึ่งเดือนก็หายดี ไม่ว่าจะเป็นก่อนหรือหลังก็ตาม คุณหนูห้าตระกูลเยี่ยนแทบจะไม่ป่วยเลย ทว่ากลับถูกไท่ไท่ผู้ดูแลลอบทำร้ายอย่างลับๆ หลายครั้ง และเพราะความเฉียบแหลมของแม่บุญธรรม นางจึงไม่ถูกฆ่า!”

“ไท่ไท่ผู้ดูแลทำร้าย? เพราะเหตุใดกัน?” ซั่งกวนจิ่นขมวดคิ้ว แต่ก็ไม่แปลกใจ เขาเคยพบเยี่ยนไท่ไท่หลายครั้ง นางเป็นผู้หญิงที่เจ้าเล่ห์มาก และก็ใจดำอำมหิต จึงเป็นเรื่องปกติที่นางจะลงมือทำร้ายฆ่าลูกเลี้ยงของนาง

“ว่ากันว่าเป็นเพราะสัญญาหมั้นหมายของคุณหนูห้าตระกูลเยี่ยนกับคุณชายใหญ่ นางไม่ได้คิดให้ดีว่านี่เป็นเพียงสัญญาหมั้นหมายระหว่างคุณหนูห้าตระกูลเยี่ยนกับตระกูลซั่งกวน แต่คิดว่าเป็นสัญญาหมั้นหมายระหว่างตระกูลเยี่ยนกับตระกูลซั่งกวน คิดจะวางยาพิษคุณหนูห้าตระกูลเยี่ยนให้ตาย แล้วให้ลูกสาวของนางเข้ามาแทนที่! แต่แล้วนายท่านเยี่ยนก็เอ่ยขึ้นสองสามคำ จึงไม่มีการเคลื่อนไหวใหญ่โตใดๆ!”

“ผู้หญิงโง่เง่า! ยังมีอีกหรือไม่?” ซั่งกวนจิ่นอยากจะรู้ว่าผลเป็นอย่างไร ไม่เพียงสัญญาหมั้นหมายกับตระกูลซั่งกวนจะหายไป แต่ยังอาจกระตุ้นความโกรธของฮูหยิน และนำหายนะมาสู่ตระกูลเยี่ยนอีกด้วย

“แม้คุณหนูห้าตระกูลเยี่ยนจะไม่สนใจผู้คน แต่ก็มีนิสัยอ่อนโยน คนรับใช้รอบตัวนางแทบจะไม่ถูกลงโทษเลย นางปฏิบัติต่อผู้คนอย่างดี หน้าตาสะสวย เมื่อพิจารณาจากคำอธิบายของสาวใช้ตัวน้อยประจำตัวนาง อาจจะถือว่าเป็นหญิงงามที่สวยสะคราญหาได้ยากยิ่ง”

ก็เป็นไปได้เช่นกัน! ซั่งกวนจิ่นพยักหน้าเงียบๆ มารดาของคุณหนูห้าตระกูลเยี่ยนเป็นเพียงเด็กผู้หญิงที่เพิ่งอายุครบสิบสองปีในขณะที่ออกจากเซิ่งจิง แต่ไม่ว่าจะสวยหรือเก่งแค่ไหน นางก็เป็นที่รู้จักของเซิ่งจิงอยู่แล้ว เล่ากันว่าในตอนนั้นอ๋องเหยี่ยน ตกหลุมรักนาง แต่ช่างน่าเสียดาย…ฮูหยินซั่งกวนก็เป็นสาวงามที่หายาก และไม่ยอมใครหน้าไหนเช่นกัน แต่เมื่อนางพูดถึงเพื่อนซี้คนนั้น นางมักจะชื่นชมและเสียใจ คุณหนูห้าตระกูลเยี่ยนสูญเสียมารดาไปตอนอายุสิบสี่ปี นางได้เรียนรู้เสน่ห์ของมารดามากมายและได้รับการถ่ายทอดรูปร่างหน้าตาอันสวยงาม

“คุณหนูห้าตระกูลเยี่ยนมีความเชี่ยวชาญในพิณ หมากรุก การเขียนพู่กันและวาดภาพทุกแขนง ว่ากันว่านางได้รับการสอนจากมารดาที่เสียไปแล้ว เพื่อไม่ให้นางอับอายหลังจากที่แต่งเข้าตระกูลซั่งกวน!”

อืม…แม่ของคุณหนูห้าตระกูลเยี่ยนก็มองการณ์ไกล และไม่ได้ทำให้ลูกสาวของนางกลายเป็นคนธรรมดาทั่วไปเช่นกัน

“คุณหนูห้าตระกูลเยี่ยนหายจากอาการป่วยแล้วเป็นอย่างไรบ้าง? เจ้าบอกว่านางสุขภาพดีไม่ใช่หรือ?” ซั่งกวนจิ่นนึกถึงเรื่องที่พบกับคุณหนูห้าตระกูลเยี่ยนในครั้งนี้ได้ในทันใด จากพฤติกรรมของนางก็ไม่ได้ถึงขั้นคอยจับผิด แต่ฟังนางพูดจาแล้วการหายใจยังไม่เพียงพอ เห็นได้ชัดที่บอกว่าหายจากโรคร้ายแรงจึงไม่ใช่คำแก้ตัว

“คุณหนูห้าตระกูลเยี่ยนไม่ได้ป่วย!” ในขณะที่เด็กรับใช้พูดถึงเรื่องนี้ก็มีความชื่นชมเล็กน้อยบนใบหน้าแล้วเล่าว่า “ป้าโม่แม่บุญธรรมของคุณหนูห้าตระกูลเยี่ยนก็สุขภาพอ่อนแอมาตั้งแต่เดือนแปด เมื่อยี่สิบกว่าวันก่อน อาการแย่ลงมาก คุณหนูห้าตระกูลเยี่ยนคอยปรนนิบัติอยู่ข้างๆ เกือบทุกวัน แม้สถานะของนางจะอยู่ที่นั่น ก็ไม่อาจทำอะไรเป็นการส่วนตัวได้ แต่หัวใจของนางก็รักใคร่มากเช่นกัน ในยามค่ำคืนเมื่อสี่วันก่อนป้าโม่จากไป คุณหนูห้าตระกูลเยี่ยนไปเผาศพป้าโม่เอง…หญิงสาวอ่อนแอที่ต้านทานลมไม่ได้คนหนึ่ง ไม่นึกเลยว่าจะจุดไฟอย่างไม่ขลาดกลัวแม้แต่น้อย แล้วรอจนกว่าจะเผาป้าโม่เสร็จสิ้น บางทีอาจจะเศร้าเกินไป จากนั้นป้าโม่ก็ถูกเผาศพเรียบร้อย คุณหนูห้าตระกูลเยี่ยนก็เป็นลมล้มพับไป แล้วฟื้นขึ้นมาตอนที่พ่อบ้านใหญ่มาเยี่ยมบ้านของตระกูลเยี่ยนนั่นแหละ”

“ดูท่านางจะเป็นหญิงสาวที่มีน้ำใจและมีคุณธรรม!” ซั่งกวนจิ่นอดชื่นชมเล็กน้อยไม่ได้ สิ่งที่ผู้คนในยุทธภพให้ความ สำคัญมากที่สุดก็คือคำว่าน้ำใจ จากจุดนี้จะเห็นได้ว่าเยี่ยนมี่เอ๋อร์เป็นคุณหนูที่ดีคนหนึ่ง

“ป้าโม่ก็อาศัยโสมคนยื้อชีวิตมานานกว่ายี่สิบวันนี้เสียเป็นส่วนใหญ่ คุณหนูห้าตระกูลเยี่ยนไม่มีเงินติดมือมากนัก นายท่านเยี่ยนกับไท่ไท่นั้นควบคุมเข้มงวดมาก คุณหนูห้าตระกูลเยี่ยนจึงต้องนำเครื่องประดับศีรษะหลายชิ้นไปจำนำในครึ่งเดือนนี้ คนที่ออกหน้าจัดการเองก็คือจื่อหลัวสาวใช้ประจำตัวนาง ถ้าไม่ใช่เพราะหมอผู้นั้นรู้สึกค่อนข้างแปลกประหลาด จึงบอกข้าว่า ให้ข้าสังเกตดูอย่างละเอียดสักครั้ง เรื่องนี้ยังมีลับลมคมใน เมื่อดูจากจุดนี้ คุณหนูห้าตระกูลเยี่ยนก็เป็นคนที่รอบคอบและคล่องแคล่วอีกด้วย!”

“แล้วเจ้าคิดว่านางคู่ควรกับคุณชายใหญ่หรือไม่?” ซั่งกวนจิ่นพูดมาคำหนึ่งอย่างคาดไม่ถึง

“เอ่อคือ พูดตามจริง ข้าน้อยก็ไม่ทราบ! แต่สิ่งที่ข้าน้อยได้เห็นและได้ยินในเดือนนี้ คุณหนูห้าตระกูลเยี่ยนนั้นดีจริงๆ!” สิ่งเหล่านี้สามารถประเมินได้ตามต้องการเลย

“เอาล่ะ! หาโอกาสบอกคุณหนูรองเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ก่อนที่ฟ้าจะมืด!” ความรู้สึกซั่งกวนจิ่นแน่ชัดอยู่ในใจ การประเมินแบบนี้แสดงให้เห็นว่าทุกอย่างอยู่ในสายตาของเด็กคนนี้แล้ว แม้จะไม่แน่ใจว่าคุณหนูห้าตระกูลเยี่ยนคู่ควรกับนายน้อยของเขาหรือไม่ แต่ก็เป็นคู่ครองที่ดีคนหนึ่ง เด็กคนนี้ไม่เพียงเป็นคนที่ตัวเองส่งมาเพื่อสืบข่าว แต่ยังเป็นหูเป็นตาให้นายน้อยอีกด้วย หากพูดเช่นนั้นได้ ก็น่าจะพอใจกับคุณหนูห้าตระกูลเยี่ยน แต่เกรงว่าจะไม่ชอบเหล่าอนุภรรยามากหน้าหลายตาที่ไปไหนมาไหนกับนายน้อย

“เข้าใจขอรับ!” เมื่อได้ยินชื่อของคุณหนูรอง เด็กรับใช้ก็กลัวหัวหดครู่หนึ่งอย่างเห็นได้ชัด คุณหนูรองผู้นี้น่าปวดเศียรเวียนเกล้ายิ่งนัก ยกเว้นฮูหยินแล้ว ใครที่พบเจอต่างต้องการจะถอยหนีไปสักสามฉื่อ

“คุณชายใหญ่รู้เรื่องเหล่านี้หรือยัง?” ซั่งกวนจิ่นถามขึ้นทันที เมื่อเขาเห็นเด็กรับใช้เดินออกไปไกล โดยไม่ได้คาดคิดว่าจะเห็นเด็กรับใช้ตัวแข็งทื่อ

“นี่คือ…” เด็กรับใช้ลังเลไม่น้อย เขารู้ว่าสิ่งที่เขาทำไม่มีทางปิดบังพ่อบ้านใหญ่ที่เฉลียวฉลาดได้ แต่นึกไม่ถึงว่าพ่อบ้านใหญ่จะถามออกมาตรงๆ

“หือ?” ซั่งกวนจิ่นรอคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ เขาดูสงบนิ่ง แต่คนที่รู้จักเขาดีจะรู้ว่า นั่นหมายความว่าเขาให้ความ สำคัญกับมันมาก และจะต้องได้รับคำตอบ

“ข้าน้อยได้รายงานคุณชายใหญ่ไปแล้ว” เด็กรับใช้รู้สึกอึดอัดใจ แต่ก็พูดออกมาโดยไม่ได้ขัดขืนมากจนเกินไป ตำแหน่งของซั่งกวนจิ่นในตระกูลซั่งกวนนั้นอยู่ในระดับสูงเป็นพิเศษ เขาคอยดูแลทุกอย่าง ยกเว้นเจ้านาย จึงไม่มีใครที่ไม่กลัวซั่งกวนจิ่น

“ตั้งแต่เมื่อไร?” ซั่งกวนจิ่นรู้ว่ามันจะเป็นแบบนี้

“สองวันก่อนขอรับ!”

“เอาล่ะ ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าออกไปได้!” ซั่งกวนจิ่นพยักหน้า ดูเด็กรับใช้จากไปเหมือนยกภูเขาออกจากอก แล้วครุ่นคิดอย่างเงียบๆ อยู่ในใจว่า ‘ดูท่าคุณหนูห้าตระกูลเยี่ยนคนนี้จะมีความสามารถมากจริงๆ เพียงแต่ไม่รู้ว่านางจะมัดหัวใจของคุณชายใหญ่ได้หรือไม่ก็เท่านั้น!’

————————————————