ตอนที่ 8 เตรียมตัว

ทะลุมิติทั้งครอบครัว

เพราะพ่อเป็นพ่อที่แท้จริง จึงมีความผูกพันสนิทสนมกันมาก 

 

 

ซ่งฝูหลิงเห็นเสื้อผ้าที่อยู่ในมือก็รู้สึกซาบซึ้ง ถึงแม้ครั้งที่สองเขาจะลืมหยิบยามาด้วย แต่เขาก็นำเสื้อผ้ามาให้นาง 

 

 

เป็นเสื้อผ้าที่ใส่อยู่ด้านใน ซึ่งสำคัญที่สุด นั่นคือ กางเกงขาสั้น 

 

 

ซ่งฝูหลิง แต่เดิมอยากจะพูดถึงเรื่องนี้ อยากจะเปลี่ยนเสื้อผ้า เพียงแต่ ตั้งแต่ข้ามมิติเวลามาก็ไม่ได้หยุดพักเลย แม้แต่ข้าวปลา ตอนนี้ก็ยังไม่ได้กิน จะมีแรงที่ไหนไปใส่ใจกับเรื่องพวกนั้น 

 

 

ตอนแรกที่เธอมา รู้สึกไม่เคยชิน สวมเสื้อผ้าของเจ้าของร่างเดิมแล้วรู้สึกตะขิดตะขวงใจ แต่เหตุการณ์มาถึงขั้นนี้แล้วก็ควรรู้จักกาลเทศะ ถ้ายังคิดเล็กคิดน้อยคงทำให้พ่อแม่ของนางลำบาก เพราะตอนนี้ร่างกายนี้อายุแค่สิบสามปี รูปร่างทั้งเล็กทั้งผอม เสื้อผ้าในยุคปัจจุบันคงไม่กล้าใส่และยังใส่ไม่ได้ หากไม่ชอบเสื้อผ้ายุคโบราณ ก็ต้องซื้อผ้ามาตัดใหม่ 

 

 

ไม่เช่นนั้นจะเป็นการจุกจิกจู้จี้เกินไป ข้ามมิติมาใช้ร่างคนอื่น ยังจะรังเกียจอะไรอีก 

 

 

ตอนนี้นางตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว ถึงแม้จะย้อนอดีตมายุคโบราณ ชุดเสื้อผ้ากระโปรงเหล่านี้ก็เป็นสิ่งไม่คุ้นเคย แต่ก็คงต้องปรับตัว เปิดปากร้องขอให้น้อยที่สุด พ่อกับแม่จะได้ไม่ต้องวุ่นวายใจ 

 

 

แต่ถึงจะเข้าใจดี อย่างไรก็ไม่ควรให้นางใส่กางเกงไคตังคู่แบบนี้? 

 

 

ใช่ เข้าใจไม่ผิดหรอก มันเป็นกางเกงไคตังคู่จริงๆ เป็นกางเกงเพื่อใส่ด้านในกระโปรงที่มีช่องว่างแบบสามเหลี่ยมตรงเป้า คาดว่าเพื่อความสะดวกในการทำธุระหรือเข้าห้องน้ำ ที่นี่ทั้งหญิงและชายต่างก็สวมใส่กันแบบนี้ 

 

 

เป็นครั้งแรกที่นางพบว่าชุดชั้นในเป็นแบบนี้ ก็ว่าอยู่ว่า เวลาเคลื่อนไหวทำไมถึงเย็นวาบๆ ช่างน่าอายเหลือเกิน ไม่กล้าที่จะกล่าวถึงเรื่องนี้เลย เพราะรู้ดีว่าไม่ว่านางอยากจะเอาของอะไรก็ตามจากพื้นที่พิเศษก็จะต้องผ่านทางพ่อของนางเท่านั้น 

 

 

ในที่สุดก็เข้าใจว่าทำไมกระโปรงของหญิงสาวในยุคก่อนถึงยาวแบบนี้ ทำไมยุในคโบราณ แค่เห็นกางเกงซับในที่อยู่ด้านใน ก็จะถูกผู้ชายมองว่าไม่เรียบร้อย 

 

 

อย่าว่าแต่ยุคโบราณเลย แม้แต่ยุคปัจจุบันก็ไม่ได้เช่นกัน เปิดกว้างแบบนี้ ไม่เรียบร้อยแน่นอน 

 

 

แต่ตอนนี้สิ่งทำให้ซ่งฝูหลิงซาบซึ้งก็คือ ถึงแม้พ่อของนางจะตื่นตระหนกแค่ไหน เขาก็ยังนึกถึงนางกับแม่ โดยการไปค้นหาเสื้อผ้ามาให้ 

 

 

เมื่อสำรวจดูอีกรอบก็พบว่าท่านพ่อนำของออกมาได้ไม่น้อยเลย 

 

 

มีชุดชั้นใน กางเกงขาสั้นของทั้งสามคน คนละสามชิ้น 

 

 

ชุดชั้นในน่าจะรื้อจนปะปนกัน มีเสื้อผ้าซับในกับเสื้อกล้าม และยังติดเสื้อเชิ้ตแขนสั้นมาสองตัว มีกางเกงขาสั้นด้วย พ่อคงคิดว่ากางเกงขาสั้นเป็นกางเกงตัวใหญ่ เอาแบบนี้ก็ได้ ใส่กางเกงซับในแล้วตามด้วยกางเกงขาสั้นอีกที 

 

 

มีถุงเท้าคนละห้าคู่ โดยเฉพาะถุงเท้าของนางที่ด้านในเป็นผ้าฝ้าย และยังมีสองคู่ที่เป็นผ้ากำมะหยี่ นางจำไม่ได้แล้วว่าก่อนหน้าเคยวางถุงเท้าไว้ที่ไหน นี่หามาได้อย่างไรกัน 

 

 

นอกจากนี้ยังมีกางเกงทั้งแบบบางและหนาอีก แต่ว่าได้มาเพียงคนละหนึ่งชิ้นเท่านั้น 

 

 

ซ่งฝูหลิงนำถุงเท้าที่เกินมากับกางเกงหนาๆ สามตัวผูกติดกัน ใส่เข้าไปในห่อผ้าที่นำผ้าปูที่นอนมาใช้แทนชั่วคราว วางรวมเข้ากับเสื้อผ้า รองเท้ายุคโบราณ 

 

 

ตอนนี้เพิ่งจะเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิไม่นาน อุณหภูมิจึงไม่อบอุ่นเท่าไร แต่ไม่รู้ว่าต้องเดินทางอีกนานแค่ไหน จำเป็นที่จะต้องเตรียมเสื้อผ้าหนาๆ ไว้ 

 

 

นำกางเกงออกกำลังกายที่พ่อนำออกมาให้สองตัววางไว้ด้วยกัน ตัวสีเทาของแม่ ตัวสีดำของตัวนางเอง 

 

 

รอพ่อออกไปก่อน นางจะใส่กางเกงซับในกับกางเกงขาสั้นแล้วค่อยใส่กางเกงแบบบางกับกางเกงออกกำลังกาย ของแม่ก็เช่นกัน ให้แม่สวมใส่แบบเดียวกับนาง แล้วถึงจะนำกระโปรงโบราณสวมทับด้านนอกอีกที แค่นี้ก็ไม่มีคนสังเกตเห็นแล้ว และยังทำให้อบอุ่นด้วย หากเจอสถานการณ์ที่ไม่สู้ดี ถอดกระโปรงออกก็สามารถวิ่งหนีได้ทันที 

 

 

เพิ่งจัดของเสร็จเรียบร้อย นางก็นำสิ่งของสำคัญ เช่น กล้องส่องทางไกล ใส่ไฟฉายเข้าไปในเป้กันฝน ซ่งฝูเซิงลืมตาตื่นขึ้นมา เขาเข้าไปพื้นที่พิเศษเป็นครั้งที่สาม ครั้งนี้เขานำยาสามัญประจำบ้านและกระติกน้ำอุ่นที่เมื่อก่อนบุตรสาวใช้ตอนไปเดินป่ากลับมาด้วย 

 

 

“ท่านพ่อ ทำไมเอามันออกมาด้วย แค่ถังใส่น้ำมันที่ด้านนอกเป็นพลาสติก กล้องส่องทางไกล ก็ทำให้คนตื่นตระหนกกันแล้ว ท่านต้องหาคำพูดมาโกหกอีก นอกเสียจากทิ้งซื่อจ้วง เหล่าหนิว และหมี่โซ่วไว้ที่นี่ ไม่ต้องเผชิญหน้ากับพวกเขาก็มีแค่เราสามคน” 

 

 

ซ่งฝูเซิงโบกมือ “จะใส่ใจมากมายไปทำไม เอาชีวิตรอดให้ได้ก่อนสำคัญที่สุด” 

 

 

“แต่กระติกน้ำเป็นแสตนเลส ยุคโบราณที่ไหนกันมีแสตนเลส มองดูแล้วมันหรูหราเกินไป ท่านนี่จริงๆ เลย ไฟฉายกับกล้องส่องทางไกลเป็นสิ่งจำเป็นในการดำรงชีวิต แต่ของพวกนี้สามารถหาของสิ่งอื่นมาทดแทนกันได้ ข้าก็ลืมบอกท่านไป” 

 

 

“อย่าพล่ามมากเลย ลูกรัก ข้าเอามันกลับไปไม่ได้ ข้าจะโกหก มีอะไรเดี๋ยวข้าจะโกหกเอง มา เรามาคุยเรื่องที่มีประโยชน์กันหน่อย นี่ยา” 

 

 

“ท่านไม่ต้องพูดแล้ว” 

 

 

ซ่งฝูหลิงรีบบอกให้หยุด เพราะพ่อของนางเมื่อเวลาเจอนางกับแม่แล้วเขาก็มักจะพูดไม่หยุด 

 

 

เมื่อก่อนก็เหมือนกัน เวลาอยู่ข้างนอก เขาจะดูเป็นคนใจกว้างอารมณ์ดี แต่พอกลับมาบ้านก็จะมาเล่าเรื่องนินทาคนอื่นให้นางกับแม่ได้ฟังว่าใครเป็นอย่างไร พูดออกไปก็ไม่มีใครเชื่อว่าเขาเป็นคนเช่นนี้ ถ้าใช้คำพูดของแม่ก็คือ พ่อของเจ้าเป็นคนใจแคบ ชอบคิดเล็กคิดน้อยกับคนอื่นและยังพูดมาก แต่พออยู่ข้างนอกก็อดกลั้นมาตลอด 

 

 

“นี่คือยาช่วยชีวิตของบ้านเรา กินครั้งหนึ่งให้หมดหนึ่งกล่อง โดยเฉพาะยาแก้อักเสบ ถ้าไม่มีมัน พวกเราที่ติดอยู่ในยุคนี้ก็ไม่มีหลักประกันอะไร ต่อไปจะร่ำรวยขนาดไหนก็ไม่สามารถหาซื้อได้ ข้าจะไม่เป็นคนดีจนเกินไป และจะดูแลท่านแม่ไม่ให้เป็นคนขี้สงสาร ข้าเข้าใจแล้ว” 

 

 

ซ่งฝูเซิง “…” 

 

 

เขายังไม่ได้กล่าวอะไรเลย บุตรสาวพูดไปหมดแล้ว 

 

 

“อันนั้น?” 

 

 

“อย่าอันนั้นอันนี้เลย ท่านพ่อรีบเข้าไปอีกรอบ บ้านเรามีที่เก็บของท่านพ่อก็รู้ ในห้องแต่งตัวที่กั้นเป็นห้อง ท่านหาบันไดปีนขึ้นไป ข้างบนสุดของตู้ ตรงประตูบานที่สองมีที่รองนั่งกันความชื้นอยู่” 

 

 

“เจ้าออกไปเที่ยวกับคนอื่นแล้วใช้เต็นท์ชุดนั้น ใช่แล้ว เต็นท์ของเจ้า ข้าทิ้งไว้ที่โรงรถ จะทำอย่างไรดี โรงรถก็ไม่ได้ตามมาในพื้นที่พิเศษเสียด้วย ถ้าข้ารู้ตั้งแต่แรก” 

 

 

“หยุดก่อน ท่านพ่ออย่าพูดเรื่องที่ไม่มีประโยชน์ ฟิล์มอลูมิเนียมที่ซื้อรถแล้วร้าน 4S แถมให้แบบนั้น รู้หรือไม่? มันเบามาก ป้องกันทั้งความร้อนและความเย็น รถของท่านก็มีอยู่ชิ้นหนึ่ง ที่สำคัญยังสามารถบังฝนได้ด้วย ข้าต้องการโปรส่งฟรีเลยซื้อม้วนใหญ่มายี่สิบแปดหยวน ท่านไปเอาออกมาด้วย มันไม่กินเนื้อที่พวกเราและสามารถเอามาใช้นอนตอนอยู่ข้างนอกได้” 

 

 

“ยังมีอะไรไหม” ซ่งฝูเซิงรู้ว่าตนเป็นคนมีความสามารถแต่ก็ต้องการคนมาคอยช่วยเหลือ การที่ลูกสาวมาช่วยเขาด้วยยิ่งทำให้ทุกอย่างสมบูรณ์ขึ้น 

 

 

“เอาเกลือมาอีกสองถุง ก่อนที่พวกเราจะหลุดมิติมาเป็นช่วงใกล้ฉลองปีใหม่แล้ว ท่านแม่มีนิสัยชอบเก็บตุนสิ่งของ นางคงมีเกลือกักตุนไว้ ท่านพ่อลองหาดูดีๆ… 

 

 

…เอาพวกอาหารออกมาให้หมด…  

 

 

…พวกเราไม่รู้ว่าจะต้องเดินทางอีกนานแค่ไหน คนหกคนเดินทางก็ต้องกินข้าว แล้วยังต้องอยู่ด้วยกันตลอดเวลาอีก ท่านไม่ต้องเอาของออกมาแล้วโดยเฉพาะของขนาดใหญ่ แม้แต่หมี่โซ่วยังไม่สามารถจะแอบซ่อนได้… 

 

 

…ข้าจะอาศัยจังหวะตอนนี้เอาถุงที่ใส่ทิ้งไปในเตาไฟ เปลี่ยนมาเป็นถุงกระสอบแทน นำมารวมไว้กับอาหารที่บ้านนี้” 

 

 

ซ่งฝูเซิงพูดตัดบทลูกสาว “อาหารยังไม่ต้อง ไม่ใช่แค่หกคน พวกเรายังต้องไปบ้านท่านย่าของเจ้าอีก ต้องหนีไปทางนั้น” 

 

 

พูดจบก็นั่งสมาธิเพื่อเข้าพื้นที่พิเศษ 

 

 

อะไรนะ? ไปบ้านท่านย่า ซ่งฝูหลิงถึงกับตาโต ก่อนที่จะเริ่มเข้าใจ ใช่สิ ถ้าต้องไปเป็นทหาร ท่านลุงทั้งสองและพี่ชายอีกหลายคนก็คงหนีไม่พ้น อยู่ในร่างของคนอื่นก็ต้องกตัญญูรู้คุณ 

 

 

แต่เสียดายที่นางไม่รู้ มันเป็นความเข้าใจผิด พ่อของนางไม่ได้มีความคิดเช่นนั้น แต่เป็นเพราะ หนึ่ง บ้านเกิดอยู่ด้านข้างของเขตการปกครองของราชการ ผ่านตรงนั้นไปถึงจะพ้นอาณาเขตการปกครองของท่านอ๋องฉี สอง คนเยอะ มีกำลังมาก ระหว่างทางจะได้ไม่ถูกปล้น ถูกฆ่า 

 

 

อยากจับกลุ่มตีสัตว์ประหลาดในเกม ยังต้องใช้ความสามารถที่มีมารวมกัน หรือไม่ก็ใช้ญาติตามสายเลือด เมื่อถึงสถานการณ์คับขัน ญาติที่มีสายเลือดเดียวกันจึงถือเป็นกลุ่มคนที่น่าเชื่อถือมากที่สุด