ตอนที่ 8 ต้นเหตุของเรื่อง

ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด

ทั้งสามคนมองหน้ากันสักพัก ก่อนที่หญิงสาวผู้เป็นแม่จะพูดอย่างอ้ำๆ อึ้งๆ ว่า  

 

 

“เป็น…เป็นอะไรกันเสียที่ไหน นาง…นางก็แค่คนที่ข้าไปซื้อมาให้เป็นสะใภ้ของลูกชายข้าเท่านั้นเอง ข้าซื้อขายอย่างถูกต้องนะ พวกข้ามีหลักฐานที่ซื้อตัวนาง ยังมีตราประทับจากที่ว่าการด้วย” พูดจบนางก็หยิบกระดาษใบหนึ่งออกมาก ข้างบนมีประทับรอยมือ พร้อมกับตราประทับสีเดง ดูเหมือนจะเป็นตราประทับทางราชการ 

 

 

อวิ๋นเจี่ยวขมวดคิ้ว ถึงแม้จะรู้ว่านี่เป็นยุคโบราณ การค้าขายทาสเป็นเรื่องปกติ แต่ในใจกลับรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาชั่วครู่ 

 

 

“หลังจากนั้นล่ะ” ถ้าเพียงเท่านี้ แล้วอีกฝ่ายตายยังไงกัน 

 

 

“จากนั้น…จากนั้น…” สีหน้าของหญิงสาวผู้เป็นแม่ยิ่งแย่ขึ้น ก่อนที่จะเอ่ยราวกับจะแก้ตัวว่า “ต้องโทษที่นางไม่ยอมเชื่อฟัง พวกข้าใช้ถึงยี่สิบตำลึงในการซื้อนางกลับมา แต่นางกลับคิดแต่จะอู้งาน ยังหนีออกจากบ้านทั้งที่ตั้งท้องเก้าเดือน หลังจากนั้น…ก็ไม่ได้กลับมาอีกเลย” 

 

 

“ท่านเซียน” ลูกชายคนโตเอ่ยเสริม “พวกข้าขึ้นไปหานางบนเขาหลายครั้ง ไม่คิดว่านางจะ…โดยเฉพาะน้องชายข้า เขาหานางเกือบครึ่งค่อนเดือน เขาบริเวณนี้พวกข้าหาจนทั่วแล้ว ต้องโทษนางที่ใช้ไม่ได้ ไม่คิดว่า จะตายอยู่ทางเหนือ แล้วยังทำให้น้องข้ากลายเป็นอย่างนี้อีก” 

 

 

“โทษข้า! ซื้อตัวกาลกิณีกลับมา! หลายปีมานี้ไม่เคยคลอดลูกชายให้ตระกูลของเราไม่พอ ตายไปแล้วยังจะกลับมาทำร้ายลูกข้า” หญิงสาวผู้เป็นแม่ยิ่งพูดยิ่งโกรธ มองลูกชายที่นอนอยู่บนเตียงอย่างสงสาร พร้อมพูดด้วยความโกรธแค้นว่า “หากรู้ว่านางไม่รู้ดีชั่วเช่นนี้ ตายแล้วยังไม่สงบ ตอนนั้นข้าจะไม่ยอมให้นางได้ก้าวเข้ามาในตระกูลเด็ดขาด” 

 

 

ลูกชายคนโตพยักหน้าเห็นด้วย 

 

 

แม่ลูกพูดต่อว่าผีสาวสารพัด แต่ลูกชายคนรองที่อยู่บนเตียงกลับก้มหน้า ไม่พูดอะไรสักคำ 

 

 

“ท่านหมายถึงพวกท่านหานางไม่เจอ?” อวิ๋นเจี่ยวพูดด้วยแววตาเย็นชา 

 

 

“ใช่!” ลูกชายคนโตพูดอย่างมั่นใจ 

 

 

“นางต้องกลายเป็นผีร้าย เพราะว่าไม่มีคนเก็บศพเป็นแน่” หญิงสาวผู้เป็นแม่เสริม 

 

 

“งั้นหรือ” อวิ๋นเจี่ยวพูด “งั้นพวกท่านรู้ได้อย่างไรว่านางตายอยู่ทางเหนือ!” หาคนไม่เจอ แต่กลับรู้ว่าตายที่ไหน 

 

 

ลูกชายคนโตอึ้ง พร้อมทั้งหญิงสาวผู้เป็นแม่ก็ตะลึงไปสักพัก ในแววตาฉายแววร้อนรน 

 

 

“พวก…พวกข้าเดาเอา ตอนนั้นนางวิ่งไปทางนั้น” หญิงสาวผู้เป็นแม่ตอบอย่างแก้ตัว อีกทั้งยังจ้องมองนางอย่างกับคนถูกจี้ใจดำ “เจ้าเป็นแค่เด็กไร้เดียงสาจะไปรู้อะไร” จากนั้นก็หันไปถามชายแก่อย่างร้อนใจ  

 

 

“ท่านเซียน ท่านมีพลังสูงส่ง ได้โปรดช่วยพวกข้าที” 

 

 

“เรื่องนี้…” ไป๋อวี้นิ่งไปพัก ก่อนหันไปมองอวิ๋นเจี่ยวที่อยู่ด้านข้างด้วยสายตาขอความช่วยเหลือ  

 

 

เจ้าหนู เจ้าว่าเรื่องนี้…เอ๊ะ เจ้าหนู เจ้าจะไปไหน” เขาพูดยังไม่ทันจบ ก็พบว่าอวิ๋นเจี่ยวเดินหันหลังออกจากห้องไป ไป๋อวี้คิดจะเดินตามไป แต่กลับถูกแม่ลูกตระกูลหลี่นี้รั้งตัวเอาไว้ “ท่านเซียน ท่านจะไปไม่ได้นะ พวกข้าให้ค่าธูปเทียนท่านไปแล้ว” 

 

 

ชายแก่มีคำสบถอยู่เต็มหัว จะดึงเขาไว้ทำไมกัน เขาวาดยันต์ไล่ผีเล็กผีน้อยยังพอได้ แต่นั่นมันผีร้ายนะ อีกทั้งเมื่อกี้เขาก็ไม่ได้เป็นคนไล่มันไปด้วย! 

 

 

เห็นทีอวิ๋นเจี่ยวใกล้จะเดินออกจากสวนแล้ว ไป๋อวี้ร้อนใจจนจะร้องไห้ “เจ้าหนู…เจ้าหนู…” ไหนบอกว่าจะช่วยกัน จะมาหนีไปก่อนได้ยังไง 

 

 

อาจจะเป็นเพราะเสียงเรียกของชายแก่น่าเวทนาเกินไป อวิ๋นเจี่ยวชะงักเท้าที่กำลังก้าว ถอนหายใจเฮือกหนึ่งก่อนเอ่ย “ถ้าอยากมีชีวิตรอด ก็รีบหนีออกไปจากที่นี่ซะ ยิ่งไกลยิ่งดี” 

 

 

ชายแก่อึ้ง ทันใดนั้นก็เข้าใจในสิ่งที่อวิ๋นเจี่ยวพูด รีบกล่าวเสริมทันที “ใช่ๆ ! โดยปกติแล้วผีจะไม่สามารถไปห่างจากที่ที่ตัวเองตาย ถึงแม้จะเป็นผีร้ายก็ตาม อย่างมากจะไปได้แค่พื้นที่บริเวณรอบๆ หลายร้อยลี้เท่านั้น พวกเจ้าแค่ย้ายไปจากที่นี่ย่อมจะหลบมันได้” 

 

 

“นี่…” แม่ลูกทั้งสามสบตากัน แววตาเต็มไปด้วยความลังเล คงจะไม่ยอมไป 

 

 

“ท่านทั้งสาม นี่เป็นผีร้ายนะ ไม่ใช่ผีธรรมดา” ชายแก่เสริมอีก “ไปจากที่นี่เป็นทางเดียวที่จะมีชีวิตรอด ส่วนอย่างอื่น…ข้าช่วยไม่ได้จริงๆ” 

 

 

พูดจบก็ชักมือกลับ พร้อมหันหลังเดินออกจากประตูอย่างรวดเร็ว สับเท้าวิ่งตามอวิ๋นเจี่ยวไป ไปเร็วๆ ! ผีร้ายอะไรนี่ น่ากลัวจริงๆ 

 

 

รอแม่ลูกสามคนนั้นรู้ตัวอีกที ทั้งสองคนก็หายเข้าไปในป่าไม่มีแม้แต่เงาแล้ว 

 

 

กระทั่งก้าวเข้าไปยังเขตเขาขุยซาน ชายแก่ถึงโล่งอก หันไปมองคนที่อยู่ด้านข้าง ก่อนจะอดไม่ได้เอ่ยปากพูด “เจ้าหนู เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าผีไม่สามารถอยู่ห่างไกลจากที่ที่ตัวเองตายได้” 

 

 

อวิ๋นเจี่ยวหันกลับไปมองเขา ใบหน้ายังคงเคร่งขรึมจริงจัง “ท่านบอกข้าเอง” 

 

 

“ฮะ?” เขาพูดเรื่องพวกนี้เมื่อไหร่กัน 

 

 

อวิ๋นเจี่ยวกลับยัดตำราเล่มหนึ่งใส่มือเขา ไป๋อวี้ก้มลงมอง นี่มันตำราที่เขาเอามาท่องคาถาเมื่อกี้ นางเก็บขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไร เดี๋ยวในเล่มนี้มีพูดถึงเรื่องนี้ด้วยเหรอ 

 

 

“หน้าสามสิบแปด บรรทัดที่สาม” อวิ๋นเจี่ยวเตือน 

 

 

ไป๋อวี้พลิกไปหน้าดังกล่าว เห็นตัวหนังสือเขียนไว้อย่างชัดเจนว่า: ผู้เป็นผี เป็นร่างที่รวบรวมไว้ซึ่งแต่พลังงานหยิน อาศัยในสถานที่ที่ตนเองตาย สามารถเดินทางได้ภายในร้อยลี้ 

 

 

มีจริงด้วย! 

 

 

ภายในสำนักมีคัมภีร์เช่นนี้เยอะแยะมากมาย ถึงแม้จะรู้อยู่แล้วว่าเจ้าหนูจะเอามาพลิกดูยามว่าง แต่ไม่คิดว่านางจะจำได้ ขนาดอยู่หน้าไหนยังรู้ ความจำจะดีไปไหม 

 

 

“ไม่มีอะไรทำก็หัดอ่านตำราบ้าง!” อวิ๋นเจี่ยวเสริม 

 

 

ชายแก่: “…” นี่คือดูถูกใช่ไหม ต้องใช่แน่ๆ! ความจำดีแล้ววิเศษหรือไง! 

 

 

ไป๋อวี้มองนางอย่างตัดพ้อ แต่พอคิดถึงเรื่องเมื่อกี้ก็อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น “เจ้าหนู เจ้าไม่ชอบแม่ลูกโง่…ถุย แม่ลูกตระกูลหลี่นั่นใช่หรือไม่” 

 

 

“ดูออกเหรอ”  

 

 

“ใช่สิ!” ชายแก่พยักหน้า ถึงแม้เขาจะรู้จักนางเพียงไม่กี่วัน แล้วก็รู้ว่าถึงแม้ภายนนอกนางจะดูเย็นชา แต่เป็นคนที่จิตใจดีชอบช่วยเหลือคน ไม่งั้นตอนนั้นก็คงไม่ช่วยเขา หลายวันนี้ก็ช่วยเขาทำความสะอาด ทำกับข้าว ซ่อมโต๊ะเก้าอี้ แล้วยังซ่อมหลังคาอีก แต่เรื่องเมื่อกี้มันเกี่ยวกับชีวิตคนสามคน นางกลับหันหลังเดินจากมา ท้ายสุดถึงจะเตือนให้สามคนนั้นหนีไป “เพราะอะไร” 

 

 

อวิ๋นเจี่ยวชะงักเท้า สีหน้าราวกับมีความจริงจังมากขึ้น สูดหายใจเข้าหนึ่งทีก่อนจะหันไปมองไป๋อวี้ “ท้องของผีสาวตนนั้นถูกคว้านออก” 

 

 

“ข้ารู้!” ชายแก่นึกถึงภาพของเครื่องในเต็มเตียงที่ได้เห็นไป อดไม่ได้ที่จะสั่นทีหนึ่ง “แต่นี่มันเกี่ยวกับตระกูลหลี่ยังไง” 

 

 

“บนตัวนางมีแผลมากมาย แต่ที่ทำให้นางเสียชีวิตคือแผลที่ท้องนั้น ตั้งแต่หน้าอกถึงท้องล่าง จากข้างในขยายออกมาข้างนอก นี่เป็นหลักฐานว่าท้องนางเคยถูกคว้านออก อีกทั้งแผลยังมีลักษณะเป็นเส้นตรงเส้นเดียว ชัดเจนว่าถูกของมีคมกรีดออก” อวิ๋นเจี่ยวพูดทีละคำอย่างชัดเจน 

 

 

“ของมีคม?” ชายแก่ตอนแรกยังไม่เข้าใจ สักพักถึงได้สูดหายใจเข้าด้วยความตกใจ พร้อมเอ่ยด้วยใบหน้าตกตะลึงว่า “เจ้าจะบอกว่า…นาง…นางถูกคนคว้านท้อง…” ทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่?! 

 

 

“ตอนนั้นนางตั้งท้องเก้าเดือนแล้ว ท่านคิดว่าใครที่จะสนใจลูกในท้องของนาง” อวิ๋นเจี่ยวถามอย่างตรงๆ 

 

 

“ตระ…ตระกูลหลี่!” ชายแก่ตาโตกว่าเดิม ใบหน้าเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ “ดังนั้น…ผีสาวตอนมีชีวิตอยู่นั้นก็เป็นไปได้ว่าโดนพวกเขาฆ่า?” แล้วยังเป็นการฆ่าเพื่อคว้านท้องเอาลูกด้วย 

 

 

“ไม่เพียงเท่านั้น” อวิ๋นเจี่ยวหันหน้าก่อนจะเอ่ยเสริม “ที่สำคัญคือ…เมื่อกี้ท่านเห็นเด็กไหม” 

 

 

“…” ชายแก่ตัวสั่น ไม่กล้าที่จะคิดต่อ เด็กคนนั้นคงจะตายก่อนวัยอันควรไปแล้ว ก็ไม่แปลกที่หญิงสาวคนนั้นจะกลายเป็นผีพยาบาท “แต่ว่า…หญิงสาวนั้น ทั้งที่แบกท้องโตขนาดนั้น ทำไมถึงวิ่งขึ้นเขาไปทางเหนือกัน?” 

 

 

อวิ๋นเจี่ยวกำมือแน่น ก่อนที่จะนึกถึงแม่ลูกตระกูลหลี่นั้น ตอนที่พวกเขาเห็นนาง ในแววตานั้นเต็มไปด้วยความดูถูก ตอนแรกนางยังไม่เข้าใจว่าทำไม ต่อมาถึงได้รับรู้จากการพูดของพวกเขา นั่นคือการไม่เห็นค่า ไม่ใช่ไม่เห็นค่าในฐานะที่นางเป็นศิษย์เสวียนเหมิน แต่ไม่เห็นค่าในความเป็นหญิงของนาง พวกเขาดูถูกผู้หญิง นั่นก็หมายความว่า… 

 

 

“ลูกที่เอาออกมาก่อนหญิงสาวตายนั้น…คงจะไม่ใช่ลูกคนแรกของนาง” 

 

 

ไป๋อวี้: “…” 

 

 

แม่เอ้ย!