อีกฟากหนึ่งของทุ่งหญ้า

เยี่ยจิ่งหานอ่อนเปรี้ยเพลียแรงและไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ ดังนั้นจึงทำได้เพียงจ้องไปยังกุ้ชูหน่วนอย่างดุดัน

“เจ้ากล้าก็ลองแตะต้องตัวข้าดู”

“อย่าใจน้อยหน่อยเลย เรื่องนี้เจ้าไม่ได้เสียเปรียบนี่”

กู้ชูหน่วนพูดอย่างมีหลักมีการจนทำให้เยี่ยจิ่งหานโมโหแทบตาย

หนึ่งคืนต่อมา……

ทิวทัศน์ยามค่ำคืนช่างหนาวเหน็บจนเส้นเลือดปูดออกมา

กู้ชูหน่วนดึงเสื้อผ้าชิ้นหนึ่ง แล้วห่มลงบนร่างของเยี่ยจิ่งหานโดยที่ในใจก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง

บุรุษผู้นี้สัมผัสได้ถึงความเป็นราชันย์ มองแว๊บเดียวก็รู้สึกว่าไม่ใช่คนธรรมดา นางคงไม่ได้เตะโดนแผ่นเหล็กหรอกนะ?

ช่างเถอะ สามสิบหกกลยุทธ์เลือกกลยุทธ์หลบหนี

กู้ชูหนวนเตรียมเท้าพร้อมจะวิ่งหนี

นางใช้เลือดของเยี่ยจิ่งหานขีดๆเขียนๆลงบนเสื้อผ้าที่สะอาดชิ้นหนึ่ง หลังจากนั้นไม่นานก็โยนเสื้อผ้ากลับคืนสู่ร่างของเยี่ยจิ่งหาน

“ร่างกายเจ้าถูกพิษหนาว ด้วยวิธีนี้ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถกำจัดพิษให้หมดไป อย่างน้อยทุกเดือนที่พิษกำเริบก็ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานมากมายนัก จากนี้ไปเราสองคนไม่ติดค้างกัน เจ้าอย่าได้ตามหาข้าอีก แน่นอนว่าถึงแม้เจ้าจะตามหา แล้วข้าก็ยืนอยู่ตรงหน้าเจ้า เจ้าก็ดูไม่ออกว่าข้ามีหน้าตาเหมือนแต่ก่อนมากเท่าใด”

มองดูด้านหลังของร่างที่จากไป

ทุกคนตะลึงงันกันถ้วนหน้า

บุรุษชุดดำสองคนก้มหัวลงต่ำมาก แทบไม่กล้ามองหน้าเจ้านายตัวเอง

เยี่ยจิ่งหานมองไปที่ใบสั่งยาบนร่างกายของเขา กระตุกมุมปากอย่างโกรธจัด

“อ๊ะ……!!หญิงผู้นี้ เข้าใจพวกข้าผิดใหญ่แล้ว!!”

กู้ชูหน่วนเขย่งเท้าวิ่งไปอย่างบ้าคลั่ง

หลังจากวิ่งมานานก็หยุดลงที่ลำธาร หายใจอย่างเหนื่อยหอบจากนั้นมีเวลาหยุดพัก

ความทรงจำที่แปลกและคุ้นเคยท่วมท้นอยู่ในใจ

กู้ชูหน่วนกลอกตาและทนไม่ไหวเลยถอนหายใจเบาๆ

ภารกิจในชาติที่แล้วของเธอถูกคนใกล้ชิดทรยศหักหลังและเสียชีวิตจากเหตุการณ์ระเบิดเหตุการณ์หนึ่ง

คิดไม่ถึงเลยว่าจะยืมศพเพื่อคืนจิตวิญญาณได้ แล้วยังทะลุมิติไปยังร่างของกู้ชูหน่วนที่มีชื่อและนามสกุลที่เหมือนกัน

กู้ชูหน่วนคุณหนูสามของจวนเสนาบดี แม้ว่าจะเป็นบุตรภรรยาเอก แต่ก็ไม่เป็นที่โปรดปรานตั้งแต่เด็ก

ว่ากันว่ามารดาของนางเป็นน้องสาวบุญธรรมของอดีตจักรพรรดิ เนื่องจากพระมารดาของนางทรงชื่นชอบศรัทธาบิดา ดังนั้นอดีตจักรพรรดิจึงทรงมีพระราชโองการสองฉบับ ฉบับหนึ่งพระราชทานสมรสให้บิดามารดา อีกฉบับหนึ่งมีรับสั่งให้หญิงคนรักวัยเยาว์ของบิดาฆ่าตัวตาย

บิดาโทษความผิดทั้งหมดไว้ที่ตัวมารดา ตั้งแต่สมรสกันแล้วก็รับอนุภรรยาไว้มากมายอย่างเหิมเกริมและเมินเฉยต่อมารดา สุดท้ายมารดาเลยเสียชีวิตด้วยโรคซึมเศร้า

ส่วนนางก็กลายเป็นเป้าหมายที่ถูกเยาะเย้ยและกลั่นแกล้งของทุกคน

เพื่อแสดงความรักเอ็นดูที่อดีตจักรพรรดิมีต่อนาง เลยได้หมั้นหมายนางไว้ให้กับเจ๋ออ๋อง

ครั้งนี้ที่กู้ชูหลานให้ร้ายนางก็เพื่อทำลายสัญญาการอภิเษกและทำให้ชื่อเสียงของนางเสียหาย

เกี่ยวกับเหตุใดเจ้าของเดิมถึงเสียชีวิต ความทรงจำของกู้ชูหน่วนไม่สมบูรณ์เลยไม่เป็นที่ประจักษ์ชัด

เมื่อระลึกถึงความทรงจำของเจ้าของเดิม กู้ชูหน่วนยกผ้าคลุมหน้าขึ้นและส่องหน้าไปกับลำธารอันใสสะอาด

จริงตามนั้น

ใบหน้าของนางเป็นหลุมขรุขระและตุ่มหนองเต็มไปทั่ว

อย่างไรก็ตาม ในความทรงจำของเจ้าของเดิมนั้นก่อนจะอายุสิบขวบหน้าตาสระสวยงดงาม เหตุใดหลังจากสิบขวบนางเพียงแค่ถูกผึ้งต่อยเท่านั้น ใบหน้าถึงได้เน่าเปื่อยเช่นนี้?

กู้ชูหน่วนอ้าปากค้างแล้วยกมือขึ้นสัมผัสใบหน้าอันน่าเกลียดของตนเอง

ผงหนึ่งชุ่น……

เจ้าของเดิมถูกรังแกทำให้อับอายขายหน้าเพราะใบหน้านี้

ในเมื่อสาเหตุก็เพราะนางถูกคนวางยาผงหนึ่งชุ่น!

ใครกันแน่ที่ช่างโหดร้ายเช่นนี้ คิดลงมือทำลายทั้งชีวิตของเจ้าของเดิม! ?

กู้ชูหน่วนค่อยๆลดมือลง แสงเย็นวาบผ่านในดวงตา

ตอนนี้เธอคือกู้ชูหน่วน ศัตรูของเจ้าของเดิมก็คือศัตรูของเธอ!

ไม่ว่าจะเป็นใครกล้าที่จะรังแกนาง! เหยียดหยามนาง! ทำร้ายนาง!

เธอจะต้องเอาคืนเขาเป็นร้อยเท่า!

……

จวนเสนาบดี

ขณะที่กู้ชูหน่วนกลับมาก็เกือบจะเที่ยงวันแล้ว

บรรยากาศในจวนอันใหญ่โตโอ่อ่านั้นช่างแปลกประหลาด

ชิวเอ๋อร์สาวใช้ส่วนตัวของนางวิ่งเข้ามาด้วยความตื่นตระหนกพร้อมกับตัวสั่นเทาเล็กน้อย “คุณหนู เหตุใดคุณหนูเพิ่งกลับมา! คุณหนูห้าบอกว่าคุณหนูวางแผนใส่ร้ายนาง นายท่านโกรธเป็นฟืนเป็นไฟใหญ่เลย ตอนนี้ทุกคนกำลังรอคุณหนูอยู่ในห้องโถง พวกเขาจะต้องไม่ยอมปล่อยคุณหนูไปอย่างแน่นอน!”

ชิวเอ๋อร์สีหน้าวิตกกังวล ขณะที่นางพูดๆอยู่น้ำตาก็จะไหลออกมาด้วย

“ใครจะปล่อยใครยังไม่รู้เลย” กู้ชูหน่วนยิ้มเยาะครอบงำไปด้วยความน่าเกรงขาม

ชิวเออร์ตกใจ คิดไม่ถึงว่ากู้ชูหน่วนจะมีปฏิกิริยาตอบสนองเช่นนี้

คุณหนูของนางถูกผีเข้าหรือ? เหตุใดจู่ๆถึงแปรเปลี่ยนเป็นอหังการเช่นนี้?

กู้ชูหน่วนอ้อมตัวชิงเอ๋อร์เดินเข้าไปในห้องโถง

ในห้องโถง กลุ่มคนยืนอย่างหนาแน่นอยู่แล้ว

แกนนำก็คือบิดาของนาง เสนาบดีกู้นั่นเอง

ส่วนข้างกายเสนาบดีกู้ยังมีฮูหยินใหญ่ ซานอี๋เหนียง อู่อี๋เหนียง รวมทั้งพี่สาวน้องสาวจากภรรยาเอกและอนุภรรยาอีกหลายคนของนาง ฉากนี้ช่างตระการตายิ่งนัก

“ท่านพ่อ นางนี่แหละ! นางเป็นคนวางแผนใส่ร้ายข้า! นางเป็นคนล่อลวงข้าไปที่วัดร้างเล็กๆนั่น!” กู้ชูหลานซึ่งคุกเข่าอยู่บนพื้นระเบิดขึ้นทันทีที่เห็นกู้ชูหน่วนกลับมา

ใบหน้าของกู้ชูหน่วนทรุดลงราวกับกระต่ายสีขาวตัวเล็กๆที่ตื่นตระหนก ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นกลัว “น้องพี่ เจ้ากำลังพูดถึงอะไร? เมื่อวานเจ้าเป็นคนให้พี่ไปที่วัดร้างไม่ใช่หรือ? หรือว่าเจ้าโกรธที่พี่ไม่ได้ไป?”

“น้องพี่ เจ้าอย่าได้โกรธเลย……เมื่อวานเป็นวันครบรอบวันตายของท่านแม่พี่ พี่ไปไหว้เคารพท่านแม่พี่ที่วัดอวิ๋นชิง……คราวหน้า คราวหน้าพี่จะไปแน่นอน!”

เมื่อกู้ชูหลานได้ยินดังนั้นก็โกรธจนใบหน้าบิดเบี้ยวทั้งหน้า

เจ้านี่มันนังสถุลแพศยา จะพูดจาโป้ปดเมื่อใดก็ไม่รู้จักร่างคำเอาไว้?

“กู้ชูหน่วน เจ้าพูดปด! เห็นได้ชัดว่าตอนนั้นเจ้าเป็นคนบังคับให้ข้าดื่มเหล้าเมาพันวัน!”

กู้ชูหลานอาละวาดคลุ้มคลั่ง ความบริสุทธิ์ผุดผ่องในชีวิตของนางเองถูกกู้ชูหน่วนทำลายหมดสิ้นแล้ว นางกลับยังทำท่าไร้เดียงสาราวกับกระต่ายน้อยขาวแทน

กู้ชูหลานโมโหยิ่งนัก ลุกขึ้นแล้วกำลังจะบีบคอกู้ชูหน่วน

ผู้ใดจะรู้ว่ายามนี้เสนาบดีกู้ตบโต๊ะและโกรธจัดขึ้นมา

“บังอาจ”

ทุกคนต่างตกใจยกเว้นกู้ชูหน่วน

อู่อี๋เหนียงดึงตัวกู้ชูหลานแล้วคุกเข่าลงเสียงพรึ่บ “นายท่านอย่าได้โมโห! หลานเอ่อร์ถูกคนใส่ร้ายเช่นนี้ ท่านจะต้องจัดการให้หลานเอ่อร์นะเจ้าคะ!”

ฮูหยินใหญ่และซานอี๋เหนียงพร้อมด้วยคนอื่นๆ หัวเราะเยาะออกมา

มีคนจงใจ? หมายถึงพวกเขาหรือ?

อู่อี๋เหนียงอาศัยว่าเป็นที่โปรดปรานของนายท่าน ปกติก็ทำตัวโอ้อวดต่อพวกนางไม่น้อยเลย ตอนนี้ลูกสาวของนางสูญเสียความบริสุทธิ์ พวกนางก็อยากจะดูว่านางยังจะสามารถหาคลื่นพายุอะไรออกมาได้อีก

“ท่านพ่อ ท่านต้องสั่งสอนนังแพศยานี้ให้ดี! นางไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียว!”

กู้ชูหลานอยู่ในอ้อมแขนของอู่อี๋เหนียง ส่งเสียงเห่าหอนแทบขาดใจ

จนถึงตอนนี้ นางยังคงทุกข์ทรมานราวกับเจ็บปวดไขกระดูกเช่นนั้น

ทั้งหมดนี้ต้องโทษกู้ชูหน่วน!

“พอแล้ว ชูหน่วนเจ้าพูดซิว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เจ้าเป็นคนกรอกเหล้าเมาพันวันให้น้องสาวเจ้าหรือไม่?”

กู้ชูหน่วนหัวเราะเยาะ

คำหนึ่งก็นังแพศยา ถ้านางเป็นนังแพศยา แล้วตาเฒ่ากู้เป็นอะไร?

บิดาแพศยา?

แม้ว่าจะถูกดูแคลนแต่กู้ชูหน่วนก็ยังกล่าวอย่างทุกข์ใจ “น้องพี่บอกว่าใช่ งั้น……งั้นใช่ก็ได้”

กู้ชูหลานจุกอกจนกล้ามเนื้อหัวใจเกือบจะวายตาย หากไม่ใช่เพราะอู่อี๋เหนียงรั้งไว้นางคงจะคุมตัวเองไว้ไม่อยู่ตั้งแต่แรกแล้ว

“ถึงจะเป็นวันครบรอบวันตายของแม่เจ้า เจ้าก็สามารถพาคนใช้สักสองสามคนตามไปด้วย ดึกดื่นยามวิกาล หญิงสาวผู้เดียวไปทำอะไรข้างนอก?”

“ลูกก็อยากจะพาคนใช้ไปด้วยสองสามคน แต่ว่า……แต่ว่าน้องห้าบอกว่านางพาคนไปตั้งมากมาย ข้าก็ไม่ต้องพาไปแล้ว ตอนนั้นที่น้องห้ากล่าวเช่นนี้ คนตั้งมากมายอยู่ในเหตุการณ์ ไม่เชื่อท่านก็ลองถามพวกเขาดู”

ซานอี๋เหนียงซึ่งเล่นเล็บของตนเองอย่างเกียจคร้านอยู่กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “คุณหนูห้ากล่าวเช่นนี้จริงแล้วยังให้คนรั้งชิวเอ๋อร์ไว้ด้วย”

ทันใดนั้น

เสนาบดีกู้สีหน้าหมองลง แววตาทั้งคู่ดับมืดลงไร้สิ่งใดเทียบได้

“นายท่าน……”

อู่อี๋เหนียงสับสนวุ่นวายอยู่ในใจ

เสนาบดีกู้ท่าทีเกรี้ยวกราด “เจ้าหุบปากซะ หากมิใช่เพราะปกติเจ้าตามใจนางอย่างมืดฟ้ามัวดิน จะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นได้เช่นไร!?”

วัดร้างเล็กๆ……

เหล้าเมาพันวัน……

เสนาบดีกู้ก็ไม่ใช่คนโง่เขลา ฟังถึงตรงนี้จะยังไม่รู้หรือว่ากู้ชูหลานกำลังโกหกอยู่

เพียงแต่เขาไม่ต้องการที่จะพูดถึงหัวข้อนี้อีกต่อไป ดังนั้นจึงผลักความผิดทั้งหมดไปไว้ที่ตัวกุ้ชูหน่วน

“ทั้งหมดต้องโทษเจ้า หากไม่ใช่เจ้าที่ยืนกรานจะไปวัดอวิ๋นชิงเพื่อไหว้เคารพแม่เจ้าก็จะไม่เกิดเรื่องนี้ขึ้น ต่อไปหากต้องการกราบไหว้ก็ไหว้ที่บ้าน”

กู้ชูหน่วนเหล่เล็กน้อย เหยียดหลังตรง ในปากแฝงด้วยการประชดประชันที่ไม่ได้ยิน

“ท่านแม่ข้าบอกว่านางอยู่ใต้พื้นดินอย่างโดดเดี่ยว ปีนั้นก็ตายอย่างอนาถ นางอยากจะขึ้นมาหาท่านพ่อ แล้วมาพบหน้าพี่ๆน้องๆอี๋เหนียงทั้งหลาย”

“พบพวกข้าทำไมกัน?” อู่อี๋เหนียงรู้สึกเย็นวาบขึ้นที่หลัง

“ท่านพ่อพอแต่งงานกับท่านแม่ปุ๊ป ก็รับพวกท่านมาเป็นอนุเลย แน่นอนว่าต้องดูว่าพวกท่านมีความเป็นอยู่ดีหรือไม่ รักกันมากหรือไม่”

สีหน้าทุกคนแปรเปลี่ยนไปบ้างเล็กน้อย

เมื่อนึกถึงสายตาคู่อาฆาตแค้นก่อนตายของแม่ของกู้ชูหน่วน ก็ขนลุกขนพองขึ้นในใจ