ตอนที่ 14 ความสงสารของพญายม + ตอนที่ 15 ต้องการสังหารเธอ

สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?!

ตอนที่ 14 ความสงสารของพญายม

เมื่อเห็นเช่นนั้น ปาหู่จึงหวาดกลัว

เหลิ่งจวิ้นอวี๋ที่ยืนอยู่ตรงข้ามกับปาหู่ จึงสังเกตถึงความหวาดกลัวของปาหู่ ริมฝีปากบางสีแดงสดนั้นยกขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มอย่างเย้ยหยันออกมา

รอยยิ้มนั้นเต็มไปด้วยการดูถูก ทว่ากลับงดงามจับใจเช่นเดิม ราวดอกบัวสีแดงอันเบ่งบาน

“เจ้าอยากตายเช่นไร?”

เหลิ่งจวิ้นอวี๋เอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาเนิบนาบ แฝงด้วยความแหบแห้งเจ็ดส่วนแหนงหน่ายสามส่วน ทว่ากลับเหมือนดังพญายมที่ขึ้นมาจากขุมนรกที่เก้า ทำให้ผู้คนหวาดกลัวจนตัวสั่น

อีกทั้งคำพูดที่เขาเอ่ยออกมาคล้ายหารือ กลับทำให้ปาหู่สั่นสะท้านไปทั้งตัว ดาบเล่มใหญ่ที่วางอยู่บนคอของเล่อเหยาเหยา จึงบาดลึกลงไปจนมีเลือดไหลซึมออกมา เล่อเหยาเหยาที่อ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจจึงได้สติกลับมา

“อา เจ็บ…”

อาการเจ็บปวดที่บริเวณคอ ทำให้องคาพยพทั้งหน้าบนใบหน้าเล่อเหยาเหยายับย่น

และเสียงของเธอยังทำให้ปาหู่นึกขึ้นได้ว่าตนยังมีไพ่ไม้ตายอีกใบอยู่ในมือ!

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ปาหู่จึงรู้สึกกล้าหาญมากขึ้น ทั้งยังคิดว่าเมื่อคนรักของพญายมอยู่ในมือเขา พญายมผู้นี้คงจะไม่ทำอะไรเขาเป็นแน่

“เจ้าอย่าเข้ามานะ ไม่งั้นข้าจะสังหารนาง!”

เมื่อเล่อเหยาเหยาได้ยินคำพูดของปาหู่จึงสั่นเทาไปทั้งตัว โดยที่ไม่สนใจความเจ็บปวดที่คอ ถึงอย่างไรเธอก็ไม่อยากคอขาด ดังนั้นสายตาจึงมองเหลิ่งจวิ้นอวี๋ที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากตนเอง

เพราะชายผู้นี้วรยุทธสูงส่งแข็งแกร่ง ในตอนนี้จึงมีเพียงเขาที่สามารถช่วยเธอได้

เมื่อคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาจึงใช้ดวงตาอันงดงามที่คลอด้วยละอองน้ำคู่นั้นมองยังเหลิ่งจวิ้นอวี๋โดยไม่แม้แต่กระพริบตา หยดน้ำตาที่กลิ้งวนเวียนอยู่ภายในเบ้าตายิ่งทำให้เธอดูคล้ายลูกสุนัขตัวน้อยที่น่าสงสาร กำลังรอคอยคนอื่นยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ

ท่าทางเช่นนี้ของเล่อเหยาเหยา แม้คนที่เห็นจะมีจิตใจแข็งแกร่งดั่งหินผา ก็ย่อมต้องใจอ่อนอย่างแน่นอน

เมื่อเหลิ่งจวิ้นอวี๋เห็นเข้าในใจก็อดไม่ได้ที่จะสั่นไหวเช่นกัน สายตาที่มองยังเล่อเหยาเหยาจึงเต็มไปด้วยความสงสารเห็นใจ

ความรู้สึกที่แตกต่างจากเดิมนี้ กระทั่งตัวเหลิ่งจวิ้นอวี๋เองยังไม่รู้สึกตัวเลย แต่ปาหู่ที่ไม่ได้เผชิญหน้ากับเขากลับสังเกตเห็นได้

เพราะความสนใจของปาหู่จับจ้องอยู่บนตัวชายที่อันตรายผู้นี้ตลอดเวลา เขากำลังพนันถึงความสำคัญของขันทีน้อยที่อยู่ในมือตนที่มีต่อหัวใจของพญายมผู้นั้น

เพราะฉะนั้นหลังปาหู่เห็นความสงสารเห็นใจภายในดวงตาของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ ในใจก็พลันถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนที่ใบหน้าจะดูอวดดีมากยิ่งขึ้น

“ฮ่าๆ คิดไม่ถึงว่ารุ่ยอ๋องผู้สง่างาม จะชมชอบขันทีผู้หนึ่งเข้า น่าขันเสียจริง! ฮ่าๆ แต่ก็ไม่แปลก ขันทีน้อยนี้หน้าตาดีผิวพรรณเรียบเนียน ถ้าเป็นสตรี ข้าก็คงชื่นชอบเขาเช่นกัน!”

ปาหู่ที่กำลังหัวเราเยาะเย้ย ทันใดนั้นก็คล้ายนึกอะไรได้ขึ้นมา ก่อนจะสีหน้าจะเปลี่ยนเป็นเย็นชา

“เหลิ่งจวิ้นอวี๋ ถ้าเจ้าไม่อยากให้ขันทีน้อยนี้ตาย ต้องเตรียมหนึ่งแสนตำลึงทองและม้าฝีเท้าดีให้ข้าเร็วที่สุด ไม่งั้นข้าจะไม่รับประกันว่ามือข้าจะอยู่นิ่ง แล้วชีวิตน้อยๆ ของคนรักเจ้าจะปลอดภัย!”

ปาหู่เอ่ยตะโกนอย่างรุนแรง ทำเอาเล่อเหยาเหยาที่ได้ฟังตัวสั่นเทิ่มอย่างควบคุมไม่ได้

ขณะเหลิ่งจวิ้นอวี๋ที่ได้ยินกลับมีสีหน้าเรียบเฉย

ในขณะเดียวกันเหล่าองครักษ์ที่พอได้ทราบเรื่องก็พากันเดินเป็นแถวยาวบุกเข้ามาและล้อมด้านในเรือนหย่าเฟิงเอาไว้ โดยไม่ให้มีผู้ใดเล็ดรอดหนีออกไปจากเรือนหย่าเฟิงได้

หลังเหลิ่งจวิ้นอวี๋มองเห็นองครักษ์ของตนเข้ามา ใบหน้าที่หล่อเหลานั้นยังคงเรียบเฉยไร้ความรู้สึก

ไม่แสดงปฏิกิริยาใดๆ ต่อคำพูดของปาหู่

อีกทั้งสีหน้าเห็นอกเห็นใจยามมองเล่อเหยาเหยาของเขา แค่พริบตาเดียวก็กลับมานิ่งเฉยเช่นเดิม ราวกับความสงสารและเห็นใจเมื่อครู่ เป็นเพียงดอกถานฮวาที่เบ่งบานเพียงชั่วค่ำคืน

……………………………………………………………

ตอนที่ 15 ต้องการสังหารเธอ

หลังจากนั้นไม่นานมุมปากของเหลิ่งจวิ้นอวี๋โค้งขึ้น ก่อนจะเอ่ยอย่างไม่รีบร้อน

“เจ้าคิดว่า แค่ขันทีน้อยเพียงคนเดียวใช้ข่มขู่ข้าได้?! ช่างน่าขันเสียจริง!”

เหลิ่งจวิ้นอวี๋แค่นหัวเราะออกมาหลังเอ่ยจบ เผยให้ความเย่อหยิ่งและสูงศักดิ์บนใบหน้า

เมื่อปาหู่ได้ยินเช่นนั้น จึงมองท่าทางเยือกเย็นดังน้ำค้างแข็งของเหลิ่งจวิ้นอวี๋อีกครั้ง ก่อนจะเริ่มไม่สบายใจขึ้นมา

ชายผู้นี้เหมือนดังบ่อน้ำพันปีที่คาดเดาไม่ได้

ขณะที่เล่อเหยาเหยา เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ของเหลิ่งจวิ้นอวี๋จึงนัยน์ตาเบิกกว้างอย่างคาดไม่ถึง

เมื่อครู่ชายผู้นี้ยังเอ่ยพูดกับเธอด้วยสีหน้าที่ห่วงใยว่ามีเขาอยู่ทั้งคน ตอนนี้เพียงผ่านไปไม่นานเขากลับเปลี่ยนท่าทีไปแล้ว

สีหน้าเย็นชาและน้ำเสียงไม่ยินดียินร้าย เอาแน่เอานอนไม่ได้เช่นนี้ เหมือนดังในข่าวลือที่ว่าเย็นชาไร้ความรู้สึกจริงๆ

ขณะที่กำลังคิดในใจ กลับเห็นว่าเวลานี้ชายที่งามพริ้งตรงหน้าได้ถือคันธนูไว้ในมือ โดยธนูคันนั้นรูปร่างโค้งงอดังพระจันทร์ และทำออกมาอย่างประณีต

ถ้าเปลี่ยนเป็นก่อนหน้านี้ เล่อเหยาเหยาต้องถือเป็นศิลปกรรมที่น่าชื่นชมอย่างแน่นอน ทว่าเวลานี้เมื่อเห็นธนูคันนั้น เธอจึงรู้สึกเพียงหนาวเย็นยะเยือกตั้งแต่ปลายเท้าแล่นตรงสู่ศีรษะ

เพราะคันธนูนั้นไม่ได้ชี้ไปที่คนอื่น แต่เป็นเธอ!

ในใจเล่อเหยาเหยาจึงรู้สึกหนาวสั่น เมื่อชายหน้าตาหล่อเหลาตรงหน้านั้นส่งยิ้มให้เธอ ทว่าคำพูดที่เอ่ยออกมากลับเย็นชาเหลือเกิน

“เจ้าทายสิ ธนูลูกนี้ของข้า จะยิงครั้งเดียวได้นกสองตัวหรือเปล่า!?”

คำพูดของชายหนุ่มทุ้มต่ำน่าฟัง เปี่ยมด้วยเสน่ห์ที่ดึงดูดใจ ทว่าแฝงเร้นด้วยไอสังหาร

วันนี้ท้องฟ้าแจ่มใสไร้เมฆปกคลุม  ทั่วพื้นดินจึงปกคลุมด้วยแสงแดดอันอบอุ่นที่สาดส่องลงมา

ทว่าในตอนนี้เล่อเหยาเหยากลับรู้สึกดังตกเข้าไปในธารน้ำแข็งที่เย็นยะเยือกไปถึงกระดูก กระทั่งหัวใจก็ล้วนหนาวเหน็บ

สายตางดงามที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจคู่นั้น ก็ไม่ได้เคลื่อนย้ายไปจากตัวของชายผู้งามพริ้งตรงหน้า

เมื่อเห็นชายผู้นั้น ที่แม้บนร่างกายจะสวมเพียงเสื้อคลุมบางเบา แต่ความสูงส่งและน่าเกรงขามที่แผ่ออกมาจากทั่วร่างกาย ทำให้ดูราวกับว่าเขาสวมชุดมังกร แล้วยืนอยู่บนยอดเขาอย่างสง่าผ่าเผย

อีกทั้งด้วยร่างกายอันสูงใหญ่ที่แม้กระทั่งท่าทางในการยกคันธนู ก็ทำให้ผู้คนต้องตกตะลึงในความงดงามนั้น

แต่เมื่อเห็นคันธนูที่อยู่ภายใต้แสงอาทิตย์อันเจิดจ้าไร้ความเย็นยะเยือก เล่อเหยาเหยากลับตกตะลึงอย่างมาก

หรือว่าชายผู้นี้จะสังหารเธอจริงๆ !?

เขาโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว!

แต่ทว่าเธอยังไม่อยากตาย!

เมื่อคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาจึงมองยังปาหู่ที่จับตนเป็นตัวประกัน แม้จะรู้ชัดว่าเขาไม่ใช่คนดี แต่ตอนนี้เธอไม่มีหนทางอื่นแล้ว ถ้าจะร้องขอชีวิตจากพญายมที่สังหารคนนับพัน สู้ร้องขอชีวิตจากมือสังหารไร้คุณธรรมที่จับเธอเป็นตัวประกันดีกว่า

ดังนั้นเล่อเหยาเหยาจึงไม่สนใจสิ่งใดแล้ว เพื่อให้มีชีวิตรอดต่อไป เธอจึงกัดฟันแน่นอย่างเงียบๆ ดวงตาพลันเอ่อคลอไปด้วยละอองน้ำและนัยน์ตาสอดส่ายไปมา ท่าทางนั้นราวกับเป็นลูกสุนัขตัวน้อยที่ถูกเจ้าของทอดทิ้ง ไม่ต้องพูดว่าน่าสงสารมากเพียงใด

แม้คนที่เห็นจะจิตใจแข็งแกร่งดังหินผา ก็ย่อมปวดใจเป็นที่สุด

“ฮือๆ พี่ชายท่านนี้ ท่านอยากสังหารก็สังหารเขาเถอะ ข้าเป็นผู้บริสุทธิ์ ขอร้องท่านปล่อยข้าไปเถอะ ข้าจะตายเช่นนี้ไม่ได้ ข้ายังมียายอายุแปดสิบและน้องสาวน้องชายสามสี่ขวบต้องเลี้ยงดู ฮือๆ…”

เล่อเหยาเหยาร้องไห้ออกมาได้ตามที่ต้องการ หยาดน้ำตานั้นไหลหยดลงมาจากนัยน์ตาของเธอไม่หยุดราวกับเขื่อนแตก ช่างเหมาะสมกับประโยคที่ว่าผู้หญิงเกิดมาจากน้ำ

ส่วนปาหู่พลันแสดงสีหน้ารำคาญออกมาทันที หลังได้ยินบทพูดเรื่องภาระที่ท่องจำจนขึ้นใจของเล่อเหยาเหยา

แต่ทว่าเมื่อเห็นใบหน้าเรียวที่งดงามประณีตและนัยน์ตาที่กลมโตอย่างประหลาดของเธอ บัดนี้เต็มไปด้วยน้ำตาเนื่องจากกำลังร้องห่มร้องไห้อยู่อย่างน่าสงสาร แม้เขาที่สังหารคนวางเพลิงทำชั่วมาทุกรูปแบบ ยังรู้สึกผิดในใจขึ้นมายามมองเห็นเธอ

ขณะที่ปาหู่กำลังคิดที่จะปล่อยตัวขันทีน้อยตรงหน้านี้ไป เพราะยังไงเธอก็ไม่ได้มีประโยชน์แล้ว

ทว่าในขณะเดียวกันเหลิ่งจวิ้นอวี๋ที่อยู่ตรงข้ามกลับรีบใช้โอกาสนี้ยิงลูกธนูในมือออกไป

เสียง ‘ฟิ้ว’ ดังขึ้นทว่าเป้าหมายของลูกธนูกลับมุ่งตรงมาที่เล่อเหยาเหยา!

“อา…”

เนื้อ เสียงลูกธนูที่ทะลุเข้าไปในเนื้อดังขึ้น ผู้คนต่างอกสั่นขวัญแขวน

ทันใดนั้นเลือดก็พุ่งกระจายไปทั่วทุกหนทุกแห่ง เล่อเหยาเหยาดวงตาเบิกกว้าง เวลานี้หัวใจคล้ายหยุดเต้น สมองขาวโพลน เห็นเพียงเลือดสาดกระเซ็นตรงหน้า

จากนั้นนัยน์ตาทั้งสองข้างเหลือกขึ้น แล้วหมดสติไป…

………………………………………………………………..