บทที่ 10 สามเส้นทาง

ไหปีศาจ

บทที่ 10 สามเส้นทาง

พอเห็นสีหน้าที่แสดงให้เห็นว่าเรื่องที่จะเล่านั้นมีความลึกลับ ลั่วอู๋ก็อยากรู้ขึ้นมาทันที

“มีอะไรงั้นเหรอ”

หลิวหูลังเล แต่ก็พูดออกมา “จริงแล้ว ๆ ที่ข้ามายังศาลาไป่หยู่นั้น เพื่อสร้างความเดือดร้อนต่างหาก”

“ทำไมกันล่ะ” ลั่วอู๋ดูไม่ประหลาดใจเลยสักนิด เพราะจริง ๆ แล้วเขาเองก็รู้สึกบางอย่างที่ไม่เป็นปกติสำหรับเรื่องนี้

เพราะถ้าความรู้สึกนั้นเป็นความจริง ไม่ว่าใครจะบ้าบิ่นขนาดไหน ก็ไม่สามารถแสดงความก้าวร้าวได้หลังจากเข้ามาภายในร้าน

“อ๊า” หลิวหูยิ้มอย่างขมขื่น “น้องชายลั่ว ขอร้องอย่าได้โทษข้าเลย ข้าได้ใคร่ครวญเรื่องนี้ดูแล้ว และตัดสินใจที่จะบอกท่านว่าเจ้าของร้านคนเก่าขอร้องให้ข้าทำ”

ลั่วอู๋ประหลาดใจเมื่อได้ยินอย่างนั้น เจ้าของร้านคนเก่างั้นเหรอ

เดิมที ข้าคิดว่าหลิวหู ถูกส่งมาจากร้านอื่นเพื่อมากดดันศาลาไป่หยู่ แต่ใครจะคิดล่ะ ว่ามันเป็นความคิดของเจ้าของร้านคนเก่ากัน เจ้าของร้านคนเก่าต้องการอะไรกันแน่ แม้ว่าเราจะไม่เคยพบเขา เขาก็จะส่งใครบางคนมาเพื่อสร้างปัญหา จริงหรือเปล่าที่เขาต้องการต่อกรกับข้า

หลิวพูดว่า “ไม่กี่วันที่ผ่านมา ข้าได้ไปที่ศาลาไป่หยู่ของท่านเพื่อหาเจ้าของร้านคนเก่า หวังว่าจะช่วยให้ข้ารู้ถึงอาการของงูทองคำ เจ้าของร้านคนเก่าบอกข้าว่านี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย ตราบใดที่ข้ายังสามารถช่วยเขาได้เพียงเล็กน้อย ข้าก็จะได้ใช้เงิน ตอนนั้นข้าไม่ได้คิดอะไรมาก ข้าจึงตอบตกลงไป”

ลั่วอู๋ขมวดคิ้ว

“ข้าไม่คิดว่างูทองคำของข้ากำลังจะพัฒนา เลยคิดว่ามันใช่ไม่เรื่องผิดปกติ” หลิวหูนึกถึงสิ่งนี้ด้วยความรู้สึกไม่พอใจ “เจ้าของร้านคนเก่าเกือบที่จะฆ่าข้า”

ลั่วอู๋ส่ายหัว “แม้ว่าจะเป็นผู้ปรับแต่งวิญญาณ มันก็ยากมากที่จะเห็นสถานะของสัตว์วิญญาณว่ากำลังจะพัฒนา เจ้าของร้านคนเก่าอาจไม่ได้เจตนา”

หลิวหูรับรู้ เขาพยักหน้าและพูดต่อ “เจ้าของร้านคนเก่านั้นไม่ชอบท่านมากนัก และท่านควรที่จะมีคนคอยคุ้มกันท่าน ท่านควรจะระมัดระวังตัวเองเอาไว้ด้วย”

“ขอบคุณ สำหรับคำเตือนนะ” ลั่วอู๋พูด

เขารู้ว่าจะต้องมีบางสิ่งที่จะต้องแก้ไข ระหว่างตัวเขากับเจ้าของร้านคนเก่า

มันเป็นไปไม่ได้สำหรับเขาที่จะมอบสิทธิ์การดูแลร้าน

“ท่านจะปิดร้านไม่ได้นะ ข้าหวังจะได้รับส่วนลด 20% จากร้านของท่านอยู่”

“นั่นเป็นเรื่องปกติ” ลั่วอู๋ยิ้มให้

หลิวหูหันเหความสนใจไปที่กระดูก, ปีก และเกล็ดของงูวิญญาณขั้นสูง ด้วยศักยภาพของตัวเขาในตอนนี้ บางทีเขาอาจได้รับการเลื่อนขั้นเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณระดับทอง

ข่าวเรื่องงูที่เกิดวิวัฒนาการนั้นได้แพร่กระจายออกไป

ผู้คนต่างรู้ว่ามีผู้ใช้พลังวิญญาณ เดินทางมายังศาลาไป่หยู่ แถมเขายังช่วยงูทองคำพัฒนาได้สำเร็จ

อันที่จริง การวิวัฒนาการของงูทองคำไม่ได้เป็นความสามารถของลั่วอู๋เลย เขาให้ความช่วยเหลือจากภายนอกเพียงเล็กน้อย แต่เขาก็ดีใจที่เห็นว่ามันประสบความสำเร็จ

นี่เป็นสิ่งที่ดีสำหรับการพัฒนาศาลาไป่หยู่

ลั่วอู๋ นั่งบนเก้าอี้ด้านหลังห้องโถง เก้าอี้ไม้จันทน์แดงแกะสลัก ที่พักแขนราบเรียบและพื้นผิวที่ดูประณีต จะอย่างไรก็ตาม ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ธรรมดา ๆ นี่คือสถานที่ของเจ้าของร้านคนเก่า

ต้าหวงนั่งอยู่อย่างเดียวดายท่ามกลางแสงอาทิตย์หน้าประตู แม้ว่ามันจะให้ความมีชีวิตชีวา แต่มันก็ยังคงชอบวิถีชีวิตแบบนี้ มันยังคงให้ความรู้สึกเหมือนเป็นสุนัขแก่ ๆ ตัวหนึ่ง

“พวกเจ้า มานี่หน่อย!” เสียงของลั่วอู๋ดูสงบ และมีหลี่หยินยืนอยู่เงียบ ๆ คู่กับแมวผีในอ้อมแขนของนาง

ทั้งสามคนยืนต่อหน้าลั่วอู๋ และพวกเขาดูประหม่า

“พวกท่านชื่ออะไร?” ลั่วอู๋พูดอย่างเบา ๆ

“อา ฟู”

“เสี่ยว ชา”

“มู่เถา”

ลั่วอู๋เงียบไปพักหนึ่ง และพูดขึ้น “เจ้าของร้านคนเก่าอยู่ที่ไหน?”

ทั้งสามคนส่ายหัว

“พวกเราไม่รู้จริง ๆ ขอรับ”

“หืม..” ลั่วอู๋ถอนหายใจ “เจ้าของร้านคนเก่าได้ทิ้งอะไรไว้ไหม? หรือถ้ามันไม่มี มันก็หายไปแล้ว สิ่งที่จะเกิดขึ้นในร้านมันไม่สำคัญกับพวกเจ้างั้นเหรอ?”

อา ฟู และเสี่ยว ชา ส่ายหน้าแรงๆ มีเพียงแค่มู่เถาที่พูดออกมา “ที่จริงแล้ว เจ้าของร้านคนเก่าได้ฝากข้อความเอาไว้ขอรับ” อา ฟู และเสี่ยว ชาประหลาดใจ: “เราไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย”

“เจ้าของร้านคนเก่าบอกแค่ข้าคนเดียว” มู่เถายิ้มเจื่อน ๆ “เจ้าของร้านคนเก่าบอกว่า หากเจ้าของร้านคนใหม่ไม่สามารถผ่านด่านแรกไปได้ ก็ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีก”

ทั้งสามคนพากันเงียบกริบ

ทั้งสามคนนั้นอยู่ข้างเจ้าของร้านคนเก่า พวกเขาไม่เต็มใจที่จะรับเจ้าของร้านคนใหม่ ที่ได้รับมอบหมายมาจากตระกูล

ใครจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเจ้าของร้านคนใหม่ ศาลาไปหยู่จะยืนหยัดขึ้นไม่ใช่เรื่องง่าย และพวกเขาไม่เต็มใจที่จะใช้เวลาทำงานหนักทั้งปีโดยไม่ได้ผลตอบแทนอะไรเลย

แต่ผลที่ตามมาจากการไม่เชื่อฟังคำสั่งของตระกูลนั้นร้ายแรงมาก ดังนั้น วิธีที่ดีที่สุดสำหรับพวกเขาก็คือการให้เจ้าของร้านคนใหม่เข้ามาและทำพลาดไปเอง

แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเจ้าของร้านคนใหม่จะไม่เหมือนกับกองฟาง “ที่ถูกขับไล่” โดยตระกูลของเขา

ลั่วอู๋เอนหลังบนเก้าอี้เล็กน้อย “เจ้าของร้านคนเก่าได้ทิ้งคำพูดบางอย่างเอาไว้”

“เจ้าของร้านคนเก่าบอกว่า เขาได้เตรียมการเอาไว้ถึงสามทาง ถ้าท่านผ่านไปได้ มันก็หมายความว่าท่านมีความสามารถในการเป็นผู้นำของร้านนี้ ที่เจ้าของร้านสามารถทำได้ แต่ถ้าท่านทำไม่ได้ ท่านก็จะเป็นแค่นายน้อยที่ดูน่าสังเวช และท่านก็จะได้รับเงินทุกเดือนเพื่อไปใช้จ่ายและเดินชมนกชมไม้” มู่เถาพูด

ในฐานะนายน้อยผู้น่าสังเวช ก็ควรจะไปเดินใช้จ่ายและเดินชมนกชมไม้ทุกวันเถอะ

แต่ลั่วอู๋ไม่ต้องการ

หากเขาต้องการสร้างตัวในเมืองแห่งความพินาศ เขาต้องควบคุมศาลาไป่หยู่โดยปกติ

เขาต้องการกลับไปหาตระกูลลั่วสักวันหนึ่ง พร้อมกับต้าหวง, หลี่หยิน เขาจะมีที่ยืนอย่างมั่นคง, สร้างพันธสัญญากับสัตว์วิญญาณขั้นสูง และตามหาคนที่คิดทำร้ายตน

“เตรียมเอาไว้สามทาง อะไรคือทั้งสามทาง?” ลั่วอู๋ถามอย่างสงสัย

มู่เถาส่ายหัว “ข้าเองก็ไม่รู้”

ตระกูลลั่วเริ่มต้นจากการปรับแต่งวิญญาณ หากเจ้าของร้านคนใหม่ไม่มีวิสัยทัศน์เกี่ยวกับมิติวิญญาณ เจ้าของร้านคนเก่าก็จะไม่คาดหวังอะไรจากเขาเลย

นอกจากนี้ ก็ยังมีสิ่งที่เจ้าของร้านคนเก่าไม่สามารถมองเห็นได้ว่างูทองคำของหลิวหูนั้นอยู่ในช่วงเวลาที่สำคัญของการวิวัฒนาการ ในสายตาของเจ้าของร้านคนเก่า งูทองคำนั้นมีปัญหาแค่เรื่องเล็กน้อย

ลั่วอู๋ถอนหายใจ ถ้าไม่ใช่เพราะไหปีศาจที่เขาครอบครอง เขาก็คงไม่สามารถดูข้อมูลทั้งหมดของวิญญาณได้ เขาอาจคิดว่างู ทองคำแค่รู้สึกทรมานจากความหนาวเย็น ซึ่งมันเป็นแค่เรื่องเล็กน้อยจริงๆ

“มีอีกสองระดับนะ มันดูตลกดี” ลั่วอู๋พูดพร้อมกับรอยยิ้ม เขาคาดหวังในใจ “งั้น ข้าจะรอนะ” ลั่วอู๋ยื่นมือและพาหลี่หยินไปที่สวนด้านหลัง เขากำลังจะไปเลือกห้องสำหรับพักผ่อน

ทั้งสามคนสงสัย “เจ้าของร้านคนใหม่ เราจะต้องอย่างไรกันดี?”

“ทำสิ่งที่ต้องการตามปกติ ถ้าเจ้าต้องการอะไร ก็เรียกข้า” เสียงของลั่วอู๋ดังแว่วมา

ทั้งสามคนมองหน้ากัน นี่คือเจ้าของร้านงั้นตัวจริงอย่างนั้นเหรอ

ลั่วอู๋มีความเชี่ยวชาญเรื่องธุรกิจไม่มาก เขาตรวจสอบบัญชีทันทีหลังเข้าร้าน เขาต้องการที่จะเข้าใจร้านแห่งนี้โดยเร็วที่สุด แต่ตอนนี้ ดูเหมือนว่าเขาเพิ่งจะต้องปรับตัวให้อยู่ในระดับที่จากเจ้าของร้านคนเก่ามอบให้ไว้ ซึ่งทำให้เขากังวลอย่างมาก

“เราจะทำอะไรกันต่อดีเจ้าคะ นายน้อย?” หลี่หยินถามอยากรู้อยากเห็น

ลั่วอู๋เลือกห้องและหาวออกมา “โดยปกติ ข้าคิดว่าควรพักก่อนดีกว่า หลังจากนั่งรถม้ามาเกือบครึ่งเดือน ในที่สุดข้าก็สามารถนอนหลับได้เต็มอิ่มสักที”

“แต่ เรายังไม่ได้มอบหมายงานภายในร้านให้เลยนะ เจ้าคะ … ” หลี่หยินสนใจในสิ่งนี้อย่างมาก

“มอบงานให้พวกเขางั้นเหรอ พวกเขานั้นเป็นคนงานเก่า พวกเขาทำธุรกิจได้ดีกว่าพวกเราอยู่แล้ว เจ้าไปพักผ่อนก่อนเถอะ และยังไม่ต้องมารับใช้ข้า”

ลั่วอู๋หลับสนิทในที่สุด เมื่อเห็นแบบนั้น หลี่หยินพยักหน้าให้กับตัวเองและเดินออกจากห้องไป