บทที่ 9 เสริมสร้างมิตรสหาย

ไหปีศาจ

บทที่ 9

เสริมสร้างมิตรสหาย

“หลบออกไป!”

“หลบออกไป!”

เหล่าผู้คนที่รายล้อมอยู่นอกร้านต่างก็กรูกันเข้ามา มีหลายคนตะโกนจากด้านนอกศาลาไป่หยู่ ผู้คนจำนวนมากกรูกันเข้ามาในคราวเดียว การวิวัฒนาการของสัตว์วิญญาณนั้นหาดูได้ยาก ทำให้ทุกคนต้องการเห็นว่ามันเป็นอย่างไร

“เจ้าของร้าน” หลิวหู รีบเดินเข้ามาด้วยท่าทางอ่อนน้อม “งูทองคำของข้า … ” ดวงตาของลั่วอู๋มองกวาดไปทั่วลาน

ทุกคนมองเขา

“คนมาจากไหนกันเยอะแยะ” ลั่วอู๋ ขมวดคิ้วเล็กน้อย “พวกเจ้ามาที่นี่เพื่อซื้อของรึเปล่า? ถ้าไม่ก็ออกไป อย่ามาขวางหน้าร้าน”

เหล่าฝูงชนพอได้ยินคำนั้นถึงกับพูดไม่ออก

“พวกเรามาที่นี่เพื่อซื้อของ”

มีเสียงตะโกนขึ้นมา จากนั้นผู้คนก็ตรงไปที่ส่วนร้านและหาซื้อของบางอย่าง เพื่อที่จะได้หาข้ออ้างไม่ต้องถูกไล่ออกไป

แน่นอนว่าน้ำอมฤตระดับต่ำที่ขายถูกที่สุดคือน้ำอมฤตที่ขายดีที่สุด ด้วยราคาเพียง 50 เหรียญทองแดง มันมีพลังงานต่ำ แต่ก็สามารถทำหน้าที่เป็นอาหารของสัตว์วิญญาณได้

ผู้คนมากมายซื้อ น้ำอมฤต สองถึงสามขวด เพราะเมื่อพวกเขาซื้ออะไรไปแล้ว พวกเขาก็สามารถอยู่ในร้านได้โดยไม่โดนไล่

ลั่วอู๋ยิ้มและกำกับคนงานชายคนหนึ่ง “ไปที่โกดังและเอาน้ำอมฤตออกมาเพิ่มอีกสิ”

“ขอรับ” ทั้งสามคนรีบไปหยิบของมาเติมตามคำสั่ง แม้ว่ากำไรของน้ำอมฤตจะไม่สูงนัก แต่ด้วยยอดทั้งหมดที่มีมากและขายหมดได้อย่างรวดเร็ว ผู้คนที่มากันมากมายในวันนี้จึงสร้างผลกำไรและชื่อเสียงให้กับทางร้านได้เป็นอย่างดี

หลิวหูยิ้มอย่างขมขื่นและกระซิบถามเบาๆ ว่า “น้อง ลั่ว งูทองคำของข้าเป็นยังไงบ้าง” สายตาของฝูงชนมารวมกันที่พวกเขา

“งูทองคำงั้นหรือ มันไม่มีอีกแล้ว” ลั่วอู๋ ยักไหล่

ดวงตาของหลิวหูเบิกกว้าง “เป็นไปไม่ได้น้องลั่ว อย่ามาล้อกันเล่นสิ”

ผู้คนต่างก็สงสัย

งูทองคำวิวัฒนาการล้มเหลวและได้ตายไปแล้วอย่างงั้นหรือ?

“ไม่มีงูทองคำอยู่อีกต่อไปแล้ว มีแต่เจ้านี่” ลั่วอู๋ โบกมือข้างหนึ่งแล้วจึงปล่อยงูทมิฬปีกกระดูกไปให้อีกฝ่าย

“มีแต่งูทมิฬปีกกระดูกระดับทอง เจ้าสนใจมันไหมล่ะ?”

ทันทีที่งูทมิฬปีกกระดูกปรากฏตัวขึ้น มันก็พ่นลมหายใจแรง งูทมิฬปีกกระดูกที่ดุร้ายกระพือปีกและแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่ง อวดทุกคนให้เห็นเกล็ดสีดำขลับ ร่างกายที่หนาขึ้น ปีกของกระดูกอันสูงส่ง

โบกปีกกระดูกไปมา, งูทมิฬปีกกระดูกล่องลอยไปมาในอากาศ

“มันบินได้!” มีเสียงกรีดร้องดังขึ้นรอบๆ

สวรรค์โปรด!

มันวิวัฒนาการขึ้นมาได้จริง ๆ ช่างเป็นลมหายใจที่ทรงพลัง สมกับเป็นสัตว์วิญญาณ ระดับทองอันสมบูรณ์ ผู้คนมอง หลิวหู อย่างอิจฉา เขาช่างโชคดีจริงๆ

ทันทีที่งูทมิฬปีกกระดูกปรากฏตัวขึ้น หลิวหู ก็ใจเต้นตึกตักด้วยความดีใจ เขารู้สึกถึงความเชื่อมโยงกับสัตว์วิญญาณตัวนั้น

“นี่คืองูทองคำของข้า” หลิวหูมองอย่างตกตะลึง งูทมิฬปีกกระดูกร่อนลงมาจากท้องฟ้าอย่างช้า ๆ ลงไปเกาะบนมือของเขา

“ฟ่อ”

งูทมิฬปีกกระดูกถูตัวกับฝ่ามือของหลิวแล้วพับปีกกระดูกขึ้นราวกับว่ามีกระดูกหนาสองชิ้นยึดติดกับร่างกายทั้งสองข้างของมัน จากนั้นมันก็เลื้อยตามแขนของหลิวหูแล้วคลานลงมาวนรอบเอวของเขา

นี่เป็นสถานที่ที่มันคุ้นเคยที่สุด

น่าเสียดายที่เอวของหลิวหูป่องออกมา จึงไม่ได้ทำให้เขาเป็นคนรูปร่างดีแม้จะมีร่างที่สูงใหญ่ก็ตาม

แต่หลิวหูก็ไม่ได้สนใจ มือของเขาสั่นด้วยความดีใจและเชยชมงูทมิฬปีกกระดูก เขาตื่นเต้นมาก

“มันวิวัฒนาการจริง ๆ ด้วย งูทมิฬปีกกระดูกสินะ”

หลังจากวิวัฒนาการถ้างูทมิฬปีกกระดูกถูกนำไปประมูลราคาอาจพุ่งสูงไปถึง 300,000 หินวิญญาณซึ่งไปไกลเกินกว่ามูลค่าของ สัตว์วิญญาณในระดับเดียวกันมาก

การที่สามารถบินได้ มีรูปร่างที่ดูดุดันทรงพลังและผ่านการทะนุถนอมอย่างดี คงมีสัตว์วิญญาณแบบนี้เพียงไม่กี่ตัวบนโลก มันจึงเป็นสิ่งหายากและใคร ๆ ต่างก็ต้องการให้สัตว์วิญญาณของตนมีเอกลักษณ์กันทั้งนั้น

สายตาทุกคนที่มองไปยัง ลั่วอู๋ ดูเปลี่ยนไป

เจ้าของคนใหม่ของศาลาไป่หยู่นั้นเป็นผู้ปรับแต่งพลังวิญญาณที่สามารถช่วยให้สัตว์วิญญาณ ระดับเงินวิวัฒนาการระดับเป็นทองคำได้

ในปีที่ผ่านมาธุรกิจของ ศาลาไป่หยู่นั้นไม่ค่อยดีนัก เนื่องจากการผูกขาดของทีมหวงชา แม้ว่าเจ้าของร้านเก่าจะเป็นผู้ปรับแต่งพลังวิญญาณฝึกหัด แต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรมันดีขึ้น

พวกเขายินดีที่จะไปที่ร้านค้าของ ทีมหวงชา

บางคนในตระกูลลั่ว เสนอให้เลิกการแข่งขันทางธุรกิจในพื้นที่นี้ แต่ก็ไม่มีข้อสรุปใด ๆ ทว่าตอนนี้มันไม่เหมือนกัน ผู้ปรับแต่งพลังวิญญาณสองคนนี้มีความสามารถที่แตกต่างกันอย่างมาก อย่างน้อย ๆ ก็ในแง่ของชื่อเสียง

หลิวหูตื่นเต้นมาก จนเขาทำอะไรไม่ถูก “ขอบคุณมาก เจ้าของร้านขอบคุณมาก”

งูทมิฬปีกกระดูกทำให้ความแข็งแกร่งของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก ด้วยที่พลังวิญญาณและพลังปราณของทั้งคู่ต่างเติมเต็มให้กันและกัน

“ไม่เป็นไร ๆ” ลั่วอู๋ ไม่คิดว่ามันเป็นบุญคุณอะไร นี่มันเป็นเพียงแค่ธุรกิจ เป็นการค้าขายตามปกติ

ลั่วอู๋หยิบหินวิญญาณมูลค่า 5000 ออกมา “ด้วยเพราะว่าเจ้าไม่ได้ทำอะไรเลยที่ผิดกฎ เจ้าปฏิบัติตามกฎของของข้า และข้าพอใจมาก นี่คือ 5000 หินวิญญาณของเจ้า เอาคืนไปซะ”

หลิวหูตกตะลึง ฝูงชนที่อยู่รอบร้านก็พากันงงงวย

ธุรกิจแบบนี้มีการคืนเงินด้วยเหรอ

“ไม่ ไม่ ทำไมเป็นแบบนั้นล่ะ” หลิวหูอึ้งไปสักพักใหญ่ ๆ สีหน้าของเขาดูแตกตื่นตกใจมาก

ลั่วอู๋ พูดเบา ๆ “รับไปเถอะน่า ส่วนใหญ่การที่งูทองคำวิวัฒนาการได้เป็นเพราะตัวของมันเอง ข้าเพียงแค่ให้ความช่วยเหลือบางอย่าง ดังนั้นข้าจึงไม่จำเป็นต้องใช้เงินมาก ศาลาไป่หยูของเราเป็นมิตร พวกเราไม่เคยคิดจะเอาเปรียบลูกค้า”

มันเป็นความจริงที่ว่าเขาไม่จำเป็นต้องคิดเงินมากนัก ที่เขาเสนอ 10,000 หินวิญญาณ เพราะลั่วอู๋คิดจะลงโทษเขา เพราะว่าเขาตะโกนซ้ำแล้วซ้ำเล่า เหมือนการพูดตะโกนกันในร้านค้าเป็นเรื่องธรรมดา

อย่างไรก็ตามหลิวหูได้เรียนรู้บทเรียนอย่างชัดเจน ไม่ว่าเขาจะกังวลแค่ไหนเขาก็เลือกที่จะไม่สร้างปัญหาหรือบุกเข้าไปในลานหลังร้าน ซึ่งลั่วอู๋ พอใจกับสิ่งนี้มาก เขาปฏิบัติตนตามกฎขึ้นทีละนิด

ด้วยการทำให้หลิวหูเป็นตัวอย่างกับทุกคนด้วยวิธีที่ชาญฉลาด ทำให้ผู้คนน่าจะรู้แล้วว่า พวกเขาควรปฏิบัติตามกฎของศาลาไป่หยู่

นอกจากนี้เขายังสามารถใช้โอกาสนี้ในการเผยแพร่ชื่อของศาลาไป่หยู่ เพื่อให้ทุกคนรู้ว่า ศาลาไป่หยู่ เป็นร้านค้าที่ราคาถูกและมีคุณภาพดี

หลิวหูลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ยังรับเงินไป

เขายินดีที่จะใช้หินวิญญาณหมื่นก้อน เพื่อให้งูทองคำวิวัฒนาการ แต่มันไม่ใช่เงินของเขาเองทั้งหมด บางส่วนเขาก็ยืมมาจากพี่ชายของเขา

“ได้ ข้ารอรับเงินคืน”

หลิวหู พูดขึ้นต่อหน้าฝูงชน “เจ้าของร้านลั่ว เป็นคนซื่อตรงและข้าหลิวหูเชื่อว่า ข้าจะใช้บริการที่นี่อีกในอนาคต ข้าจะไม่มีทางลืมไปจนวันตายเลย”

ทุกคนเริ่มแยกย้ายกันไปเมื่อจบเรื่องแล้ว คนอย่าง หลิวหูให้ความสำคัญกับความมุ่งมั่นซื่อสัตย์เป็นที่สุด หากเขากล้าที่จะพูดว่าไม่มีทางลืมไปจนวันตาย นั่นก็เป็นเรื่องจริง นอกจากนี้เขายังเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณที่มีชื่อเสียงในเมืองแห่งความพินาศ ตอนนี้งูทองคำได้พัฒนาขึ้นและคาดว่าเขาจะได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในผู้ใช้พลังวิญญาณชั้นนำในเมืองหวงชาที่ 23

คำสัญญาของเขาจึงมีค่ามาก

ในอนาคตหากมีคนคิดจะเล่นงาน ศาลาไป่หยู่ พวกเขาควรระวังหลิวหูไว้

ลั่วอู๋ หัวเราะ “ท่านหลิวพูดเร็วไปแล้ว หากในอนาคตเจ้าหรือพี่ชายของเจ้าจากทีมล่าสัตว์มาที่ศาลาไป่หยู่ของเรา ข้าจะให้ส่วนลด 20%”

นี่คือข้อดีของการเป็นคนซื่อสัตย์ ในตอนที่อีกฝ่ายปรากฏตัวขึ้นลั่วอู๋ไม่สนใจได้ที่จะเป็นเพื่อนกับเขาเลยด้วยซ้ำ

สีหน้าของหลิวหูสดใสขึ้น จำนวนเม็ดยาวิญญาณที่ทีมของพวกเขาต้องใช้นั้นเยอะมากมาก คำสัญญาดังกล่าวจะช่วยให้พวกเขาประหยัดเงินได้มากในอนาคต

คนงานในร้านทั้งสามคนหลังจากเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างต่างก็เริ่มเชื่อมั่นในตัวลั่วอู๋

สิ่งนี้เทียบเท่ากับการได้รับความช่วยเหลือจากศาลา ไป่หยู่สำหรับผู้ใช้พลังวิญญาณ หากพวกเขามีแหล่งวัตถุดิบที่มั่นคง ทีมล่าสัตว์ของหลิวหู อาจจะได้รับการยอมรับจากศาลา ไป่หยู่ในอนาคต

ผู้ชมทุกคนประหลาดใจกับงูทมิฬปีกกระดูก

ทำให้ข่าวนั้นแพร่กระจายออกไปเหมือนสายลม

เมื่อฝูงชนได้ดูจนพอใจแล้ว ผู้คนก็เริ่มแยกย้ายกันไปเรื่อย ๆ โดยปกติแล้ว ศาลาไป่หยู่ ทำเงินได้ไม่ดีนัก จึงไม่เพียงพอเท่าไหร่ แต่วันนี้พวกเขาขายได้จำนวนมาก อีกทั้งยังได้รับความนิยม

เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่รอบ ๆ แล้ว หลิวหูก็ดึงตัวลั่วอู๋ไปยังมุมหนึ่งแล้วกระซิบ

“น้องชายลั่ว ข้ามีเรื่องจะเล่าให้ท่านฟัง”