ตอนที่ 6 การทดสอบพลังเซียน

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 6 การทดสอบพลังเซียน

แม้ว่าเจี้ยนเฉินจะสามารถมองเห็นเห็นความแข็งแกร่งที่แท้จริงของชายชราคนนี้ที่ถูกซ่อนไว้ด้วยท่าทีของชายที่อ่อนแอ เขาก็ยังคงนิ่งเงียบและไม่ได้แสดงอาการอะไรบนใบหน้าของเขา เขาเลือกที่จะพยักหน้าเงียบ ๆ เป็นการแสดงความขอบคุณ ก่อนที่เขาจะก้าวแซงชายชราและเดินลงไปในทางเดินที่ยาวเหยียดทางด้านซ้าย

ในที่สุดก็เดินทางมาถึงจุดสิ้นสุดของทางเดิน ตาของเจี้ยนเฉินเริ่มที่จะทอประกาย ในขณะที่เขาเดินเข้าไปในห้องขนาดใหญ่ ไฟในห้องนี้ดูจะสดใสเป็นพิเศษ มันมากพอที่จะเปรียบได้กับแสงจากภายนอก ชั้นวางหนังสือมากมายถูกจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบ โดยภายในมีหนังสือหลายพันเล่มเรียงรายกันตามผนังของหอหนังสือ

เจี้ยนเฉินแหงนศีรษะของเขาขึ้น จ้องมองไปที่เพดาน เขารู้ว่าเหตุผลว่าทำไมแสงภายในห้องนี้ถึงสดใส มันต้องเป็นผลมาจากเพดาน เขาคิดไม่ออกว่าวัสดุที่ใช้เพดานทำจากอะไร แต่มันก็แปลกที่สามารถเรืองแสงได้เช่นนี้ แม้ว่าแสงค่อนข้างจ้าแต่มันกลับไม่ทำให้เกิดการระคายเคืองตา

แม้ว่าเพดานนั้นจะกระตุ้นความสนใจของเขา หากแต่เขาไม่เต็มใจที่จะเปลืองเวลาโดยพยายามที่จะมันคิดออกมา เขาเดินขึ้นไปชั้นวางหนังสือในที่สุดเขาก็หยิบหนังสือและเริ่มที่จะพลิกอ่านมัน

หนังสือเล่มนี้มีการเขียนอธิบายรายละเอียดค่อนข้างชัดเจนเป็นลายลักษณ์อักษรภายใน แม้ว่ามันจะไม่เหมาะแก่การเริ่มอ่านเพราะมันค่อนข้างหนา เจี้ยนเฉินใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วยามกว่าจะอ่านหนังสือเล่มนี้จบอย่างสมบูรณ์ ด้วยเหตุนี้ในที่สุด เขาก็ได้รับข้อมูลเชิงลึกบางประการเกี่ยวกับโลกที่แปลกประหลาดนี้

ทวีปนี้ได้ถูกเรียกว่าทวีปเทียนหยวนและมันจัดได้ว่าค่อนข้างใหญ่ มีหลายอาณาจักร แต่ละอาณาจักรมีเมืองมีหลายเมือง ซึ่งเมืองที่ใหญ่ที่สุดเป็นที่รู้จักกันเป็นเมืองหลวงและแต่ละเมืองที่ห่างไกลกันมากและแต่ละเมืองหลวงเหล่านี้ถูกปกครองโดยเจ้าเมือง เจ้าเมืองแต่ละคนที่มีทหารคุ้มกันตั้งแต่หลายล้านจนถึงสิบล้านคน

อย่างไรก็ตามภายในทั้งทวีปเทียนหยวนมีราชอาณาจักรเพียง 7 แห่ง และราชอาณาจักร 3 ใน  7 แห่งถูกปกครองโดยจักรวรรดิที่มีแข็งแกร่ง โดยจักรวรรดิที่แข็งแกร่งที่สุดคือจักรวรรดิคาร์ล และจักรวรรดิเฟยลี่ โดยจักรวรรดิมีราชอาณาจักรอยู่ในการดูแล 2 แห่ง และจักรวรรดิเฟยลี่มีราชอาณาจักรอยู่ในการดูแลถึง 3 แห่ง

ภายใต้ราชอาณาจักร มีอาณาจักรซึ่งมีขนาดเล็กกว่าราชอาณาจักร ตามปกติแต่ละราชอาณาจักรจะมีอาณาจักรอย่างน้อย 1 แห่งและอาณาจักรจะมีทหารประจำการ 1,000,000 คน ภายใต้การปกครองของอาณาจักร มีเมืองชั้นหนึ่งที่มีทหารประจำการเพียง 800,000 คน รองลงมาเป็นเมืองชั้นสองซึ่งมีทหารประจำการเพียง 400,000 คน ภายใต้การปกครองของเมืองชั้นสองนี้ มีหมู่บ้านมากมายซึ่งมีทหารประจำการไม่ถึง 50,000 คน แต่พวกเขามีความแข็งแกร่งมาก

ทวีปเทียนหยวน ผู้คนล้วนแล้วแต่ฝึกฝนบางสิ่งที่เรียกว่า “พลังเซียน” เมื่อพลังเซียนก้าวถึงระดับ 10 ซึ่งเป็นรากฐาน พลังเซียนจะถูกบีบอัดให้กลายเป็นอาวุธเซียนที่มีมากกว่า 1,000 รูปร่างโดยขึ้นอยู่กับผู้เชี่ยวชาญแต่ละคน

อันเป็นผลมาจากอาวุธเซียนที่ขึ้นรูปมาจาก “พลังเซียน” เมื่อมันเกิดขึ้นรูป มันจะถูกเชื่อมโยงพิเศษกับผู้เชี่ยวชาญ บางคนที่มีความโดดเด่นจะได้รับอาวุธเซียนที่มีคุณสมบัติพิเศษ คุณสมบัติเหล่านี้แบ่งออกเป็นชนิดแตกต่างกัน นั่นคือ ลม น้ำ, ไฟ, แสงสว่างและความมืด ในบรรดาองค์ประกอบเหล่านี้ แสงสว่างและความมืดไม่ค่อยถูกพบเห็น แต่มันกลับทรงพลังเป็นอย่างมาก

ธาตุแสงมีความแข็งแกร่งอย่างมากในด้านการรักษา และผู้ซึ่งได้ธาตุแสงมาเป็นอาวุธถูกกล่าวขานฉายาว่าผู้อมตะในทวีปเทียนหยวน พวกเขาได้รับชื่อนี้เนื่องจากความจริงที่ว่าในขณะที่อยู่ในสนามรบที่พวกเขาสามารถฟื้นฟูการบาดเจ็บใด ๆ ในสนามรบได้อย่างง่ายดาย ถ้าพวกเขาไม่ได้ถูกฆ่าตายจากการโจมตีเพียงครั้งเดียว ซึ่งแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเอาชนะพวกเขา

ผู้ที่มีธาตุความมืด มีธรรมชาติของมันคือความเสื่อมสลาย ไม่เพียงแต่ธาตุนี้จะหาได้อย่างยากลำบากเท่านั้น แต่ผู้ที่มีธาตุมืดยังเป็นที่ต้องการด้วย ในเวลากลางคืนที่พวกเขาจะมาและไปตามที่พวกเขาต้องการ ฉายาของพวกเขาคือราชารัตติกาล ราวกับค่ำคืนนั้นอยู่ภายใต้คำสั่งของพวกเขา

ส่วนที่เหลือของ 4 ธาตุ แต่ละอันมีจุดแข็งของตัวเองที่สอดคล้องกัน ปริมาณของพลังงานที่พวกเขาได้ขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของตัวเองและการตัดสิน แน่นอนในทวีปเทียนหยาน ผู้ที่มีอาวุธเซียนที่มีคุณสมบัติพิเศษมีเพียง 1 ใน 10 จากผู้ที่มีอาวุธเซียน ในสงคราม ผู้ถือครองอาวุธเซียนที่มีคุณสมบัติล้วนแต่ยากที่จะต่อกรมากกว่าผู้ครอบครองอาวุธเซียนที่ไม่มีคุณสมบัติ

อาวุธเซียนจัดเป็นอาวุธที่แข็งแกร่งมากในสงคราม อาวุธเซียนที่สามารถเรียกใช้ได้อย่างอิสระที่จะให้ความช่วยเหลือแก่เจ้าของมันเพื่อก้าวข้ามขีดจำกัด ในเวลาเดียวกันอาวุธและเจ้าของล้วนแล้วแต่ถูกผสานเข้าหากัน หากอาวุธเกิดความเสียหาย มันจะถูกสะท้อนกลับไปที่เจ้าของด้วยเช่นกัน ถ้าหากอาวุธของเขาแตกสลายลง เจ้าของจะได้รับบาดเจ็บร้ายแรงเช่นเดียวกัน หากอาการบาดเจ็บร้ายแรงก็อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ถึงแก่ชีวิต.

แต่อย่างไรก็ตามอาวุธเซียนก็ยากต่อการทำลาย ตราบใดที่อาวุธเซียนของอีกฝ่ายไม่แข็งแกร่งเกินกว่ากัน มันไม่มีทางที่จะเกิดอันตราย

หลังจากอาวุธเซียนก่อเป็นรูปร่าง จากนั้นวิธีการบ่มเพาะพลังจะทำได้ด้วยการดูดซับพลังปราณจากโลกจนแข็งแกร่ง นี่เป็นวิธีการที่จะพัฒนาความแข็งแกร่งของแต่ละคน

เมื่ออาวุธเซียนก่อตัวเป็นรูปร่าง ผู้เชี่ยวชาญนั้นจะถูกเรียกว่า “เซียน” ในเทียนหยวน เซียนจะแบ่งออกเป็น 9 ระดับที่แตกต่างกัน ได้แก่ เซียน เซียนระดับสูง เซียนผู้เชี่ยวชาญ เซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษ เซียนปฐพี เซียนสวรรค์ เซียนผู้คุมกฎ เซียนระดับราชา และเซียนระดับจักรพรรดิ ภายในแต่ละระดับ จะถูกแบ่งออกเป็น 3 ขั้น คือ ต่ำ กลาง และสูง

ภายในทวีปเทียนหยวน มีเทือกเขาที่กระจายออกไปทั่วทวีปที่เรียกว่า เทือกเขาสัตว์อสูร ทิวเขาที่เต็มไปด้วยสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก สัตว์อสูรเหล่านี้ยังถูกแบ่งออกเป็น 9 ระดับ โดยระดับ 1 เทียบเท่ากับเซียน ในขณะที่ระดับ 2 เทียบเท่ากับเซียนระดับสูง อย่างต่อเนื่อง ในระดับ 8 เทียบได้กับเซียนระดับราชา และสุดท้ายก็เป็นระดับ 9 ที่เทียบได้กับเซียนระดับจักรพรรดิ

ในเวลาเดียวกัน, ทวีปเทียนหยวน มีอาชีพที่โดดเด่นมากเรียกว่าทหารรับจ้าง จากที่หนังสือเล่มนี้บอกไว้ทวีปเทียนหยวนมีทหารรับจ้างจำนวนมาก ทหารรับจ้างเหล่านี้จะรับทำภารกิจต่าง ๆ เพื่อเงิน ทหารรับจ้างจำนวนมากจะเข้าสู่เทือกเขาสัตว์อสูรเพื่อที่จะล่าสัตว์อสูรและขายแกนอสูรเป็นเงิน.

แม้ว่าอันตรายจะมีมากมายแต่รางวัลนั้นก็ย่อมสูงตามไปด้วย เนื่องจากแกนอสูรมีมูลค่าสูงในทวีป ยิ่งแกนอสูรระดับสูงมีระดับสูงมากเท่าไร ราคาของมันก็ยิ่งสูงขึ้นไปเท่านั้น ในบางครั้งแกนอสูรระดับสูงก็ไม่สามารถซื้อมาได้ด้วยเงินเพียงอย่างเดียว

แกนอสูรเป็นหนึ่งในรายการที่ต้องการมากที่สุดในทวีป ภายในแกนอสูรประกอบด้วยพลังงานบริสุทธิ์ซึ่งมนุษย์สามารถดูดซับได้และเพิ่มความเร็วในการบ่มเพาะพลังขึ้นไปอีก  ในการดูดซับพลังงานจากแกนอสูรนั้นมันเร็วกว่าการดูดซับพลังงานจากโลกเข้าสู่ร่างกาย แต่การใช้แกนอสูรเพื่อเพิ่มความเร็วในบ่มเพาะพลัง ไม่ได้เป็นวิธีการที่คนทั่วไปสามารถทำได้โดยไม่ต้องสิ้นเปลืองเงิน

สิ่งแปลกประหลาดเพียงไม่กี่สิ่ง ในที่สุดเจี้ยนเฉินก็เริ่มที่จะเข้าใจหลายสิ่งหลายอย่างเกี่ยวกับโลกนี้ โลกนี้เต็มไปด้วยความโหดร้ายและสงครามนั้นเกิดขึ้นได้ทุกที่ คนของโลกนี้เป็นอันตรายมากขึ้นเมื่อเทียบกับโลกเก่าของเขา หากเขาไม่แข็งแกร่ง พวกเขาก็จะพบว่ามันยากที่จะอยู่รอด ส่วนใหญ่ของคนในทวีปเป็นผู้บ่มเพาะพลังอย่างสม่ำเสมอ มันเป็นไปไม่ได้เลย ถ้าพวกเขาไม่ได้มีการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอและมีการสนับสนุน แม้ว่าความแข็งแกร่งของผู้ฝึกฝนจะมีมาก แต่คนธรรมดาจะไม่สามารถบ่มเพาะพลังเซียนได้ถึงระดับ 10 และกลายเป็นอาวุธเซียนได้  หากคนเหล่านี้ไม่ได้รับการฝึกฝนและการสนับสนุนที่เหมาะสม พวกเขาจะยังคงอยู่ในระดับต่ำสุดซึ่งคล้ายกับชาวนาในภูเขา

หลังจากอ่านหนังสือเสร็จ ในที่สุดเจี้ยนเฉินก็เข้าใจ โลกใหม่ได้ดียิ่งขึ้น ทั้งในเรื่องของอาวุธเซียน ธาตุและคุณสมบัติ สัตว์อสูร แกนอสูรและทหารรับจ้าง ทุกอย่างเป็นประสบการณ์ใหม่ ที่ทำให้หัวใจของเจี้ยนเฉินเต็มไปด้วยความสั่นไหว เขากำลังมองไปข้างหน้ายังโลกใบใหม่และเต็มไปด้วยความปรารถนาที่จะออกจากคฤหาสน์เจียงหยางทันที เพื่อที่จะได้สัมผัสโลกภายนอกซึ่งแปลกใหม่

อย่างไรก็ตามเจี้ยนเฉินรู้ดีว่าเขาจะไม่สามารถที่จะตอบสนองความต้องการของเขาในเร็ววัน ครอบครัวของเขาไม่มีทางที่จะอนุญาตให้เด็กอายุ 3 ขวบออกจากบ้านของพวกเขาไปยังโลกภายนอก แม้ว่าเขาจะได้ออกจากบ้านของเขา เขาก็ยังไม่สามารถที่จะปกป้องตัวเองได้

หลังจากครุ่นคิดเป็นเวลานาน เจี้ยนเฉินตัดสินใจที่จะใช้ความพยายามมากยิ่งขึ้นในการฝึกฝนของเขา นอกเหนือจากอาหารประจำวันของเขา เวลาในชีวิตประจำวันคือการใช้เวลาฝึกฝนด้วยตัวคนเดียวในห้องของเขา เขายังคงไม่ประสบความสำเร็จในขั้นแรกของบัญญัติกระบี่นภา ดังนั้นเมื่อดูดซับพลังงานโลกและมันกระจายไปทั่วร่างกาย ผ่านเข้าไปในเซลล์แต่ละเซลล์ในร่างกายของเขา

ในเมื่อร่างกายของเขาไม่ได้แข็งแกร่งพอที่จะตัดผ่านไปยังขั้นที่สอง ที่ซึ่งเขาเริ่มจะฝึกพลังปราณที่แท้จริง เจี้ยนเฉินยังจัดว่ามีร่างกายที่เหนือกว่าคนธรรมดานัก แต่อย่างไรก็ตาม บางพื้นที่ในร่างกายของเขาที่ซึ่งเคยเก็บสะสมพลังงานในโลกเก่า มันก็ยังคงว่างเปล่า

ในโลกของเขาก่อนหน้า เจี้ยนเฉินสามารถบ่มเพาะพลังได้ตั้งแต่ปีแรก ในเมื่อพลังงานโลกนั้นแข็งแกร่งขึ้นอย่างน้อยเป็นสองเท่า ดูเหมือนว่าเขาอาจจะต้องใช้เวลามากกว่า 2 ปีที่จะทำให้การพัฒนาร่างกายของเขาให้แข็งแกร่งและแข็งแรง ร่างกายของเขาในปัจจุบันมีศักยภาพที่จะแข็งแกร่งยิ่งกว่าร่างกายของเขาก่อนหน้านี้มากนัก

แม้ว่าโดยปกติ เจี้ยนเฉินจะใช้เวลาตลอดทั้งวันหมกตัวอยู่ในห้องของเขาเพื่อที่จะบ่มเพาะพลัง ครอบครัวของเขาก็ไม่ได้แสดงออกมาว่าสับสนหรือกังวลหรืออย่างใด เหตุผลนี้เป็นเพราะในคฤหาสน์เจียงหยาง พ่อแม่มักจะสอนเด็กเกี่ยวกับวิธีการหายใจและให้พวกเขาในการฝึกฝนปีหนึ่ง โดยในปีที่สามเด็กเหล่านี้ถูกทดสอบความแข็งแกร่งของพลังเซียน เพื่อประเมินศักยภาพของพวกเขาเช่นเดียวกับความถนัดของพวกเขา เมื่อเจี้ยนเฉินอายุ 2 ปี ไป๋หยุนเทียนได้สอนเขาวิธีการหายใจเช่นเดียวกับเด็กคนอื่น ๆ ได้เรียนรู้ อย่างไรก็ตามเจี้ยนเฉินที่ได้รับวิธีการหายใจนี้ เขาไม่ได้ใส่ใจแต่อย่างใด สำหรับเจี้ยนเฉิน เขามีความรู้สึกว่าการฝึกฝนนี้เป็นเหมือนการให้ผู้ใหญ่เล่นของเล่นของเด็ก

เป็นผลให้เจี้ยนเฉินได้ขังตัวเองอยู่ในห้องของเขา  ซึ่งผู้คนก็คิดเพียงแค่เจี้ยนเฉินฝึกฝนการหายใจและไม่ได้ให้ความสนใจในตัวเขานัก

ในยามเช้า ในที่สุดเจี้ยนเฉินก็ฝึกฝนการบ่มเพาะพลังในยามค่ำคืน วันนี้เป็นวันพิเศษสำหรับเขาเพราะมันเป็นวันครบรอบวันเกิดของเขาในปีที่ 3 ในขณะเดียวกัน ในวันเดียวกันนี้จะเป็นวันที่เขาจะได้รับการทดสอบเช่นเดียวกับเด็กอายุ 3 ปีคนอื่นในทวีปเทียนหยวน ในการทดสอบพลังเซียน

เขามาพร้อมกับแม่ของเขา ไป๋หยุนเทียน ไปยังห้องโถงรับประทานอาหาร เจียงเฉินก็ถูกพาตัวไปที่ห้องโถงหลักตระกูลเจียงหยาง

คฤหาสน์เจียงหยางมีอาณาเขตที่กว้างใหญ่และเมื่อเทียบกับบริเวณเจี้ยนเฉินคุ้นเคย เขามีประสบการณ์เพียงแค่ในห้องเล็ก ๆ เจี้ยนเฉินเดินไปตามถนนมองไปที่คฤหาสน์โดยไม่หยุด เป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี เจี้ยนเฉินได้ใช้เวลาส่วนใหญ่ในการอยู่ในห้องพักของตัวเองและบ่มเพาะพลัง น้อยมากที่เขาจะเดินเล่นรอบคฤหาสน์

ภายในคฤหาสน์เจียงหยาง ยามกลุ่มใหญ่ในเครื่องแบบกำลังเดินอยู่รอบ ๆ พื้นที่ ตาแหลมคมของคนหลายคนกำลังจ้องมองไปรอบ ๆ จากทุกพื้นที่ที่ซ่อนอยู่และแม้ว่ามันจะเป็นเวลากลางวันพวกเขาก็ไม่ได้แสดงความรู้สึกของการผ่อนคลาย

ในขณะที่เจี้ยนเฉินเดินกลุ่มผู้ฝึกฝน ความเยาว์วัยและเสียงตะโกนดึงดูดความสนใจของเขา มันเป็นกลุ่มเล็ก ๆ ของเด็กอายุ ราว 10 ปีที่ได้รับการสอนการฝึกฝนวิทยายุทธโดยชายวัยกลางคน

เจี้ยนเฉินเข้าใจในทันที ว่าศิษย์เหล่านี้เกิดจากครอบครัวในสายตรง ตระกูลเจียงหยางมีถึง 1,000 ครอบครัวรอง แม้ว่าครึ่งหนึ่งในนั้นจะเป็นผู้คุ้มกันและข้ารับใช้ อีกครึ่งหนึ่งนั้นเป็นสมาชิกที่ซึ่งเกิดจากสายรอง

เมื่อเดินผ่านสนามฝึกฝน ไป๋หยุนเทียนได้นำลูกชายของเธอไปบริเวณตรงกลางของห้องโถงหลักของตระกูลเจียงหยาง

นี่คือสถานที่ที่เจี้ยนเฉินจะทำการทดสอบพลังเซียน