“เร็วเข้า!”
“เจ้าอ้วน เร็วเข้าสิ ถ้ายังไม่ไปอีก เดี๋ยวแม่ตัวร้ายคนนั้นรู้ตัวแล้วกลับไป พวกเราจะแย่”
“ใช่ เจ้าน่ะช้าเป็นเต่าเลย รีบไปหน่อยสิ”
เสียงดังโหวกเหวกออกมาจากวังบนสวรรค์ที่งดงาม มีพื้นเป็นหยกขาว มีเสาเป็นบุษราคัม เหล่าเทพกำลังเร่งเทวดาที่รูปร่างอ้วนด้วยใบหน้าที่มีแต่ความวุ่นวาย
ตอนนี้รอบกายมีแต่ความมืดมิด แล้วก็มีความรู้สึกว่าตัวเบาๆ
นี่ฉันตายแล้วเหรอ? นางจ้องไปที่ด้านบน ซึ่งยังคงมีแต่ความมืดมิด
ทันใดนั้น จู่ๆ ตรงหน้าก็มีแสงสว่างปรากฏขึ้น
เทพหัวโล้นรูปร่างอ้วนท้วนปรากฏตัวขึ้นด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ด้านหลังมีแสงอ่อนจางๆ ดูแล้วศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างมาก
“ท่านเป็นใคร?” นางขมวดคิ้วมองเทพหัวโล้นที่จู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้น ถ้าตนเองตายแล้วอย่างแรกที่จะต้องเจอก็คือยมฑูตที่ตนหนึ่งมีหัวเป็นวัวแล้วอีกตนมีหัวเป็นม้าไม่ใช่เหรอ แล้วจากนั้นพวกเขาก็ต้องลากนางไปเจอกับพญายมราชนี่?
“ลูกเอ๋ย ไม่ต้องสงสัยหรอก ที่จริงเจ้าน่ะตายไปแล้ว แล้วตราบาปที่เจ้าได้ก่อเอาไว้ในยามที่ยังมีชีวิตอยู่นั้น เจ้าควรจะได้รับโทษให้ไปอยู่ในนรกขุมที่สิบแปดแล้ว” เทพหัวโล้นรูปร่างอ้วนท้วนที่มีแสงจางๆ คนนั้น มีรอยยิ้มปรากฎขึ้น ราวกับว่าเขาเป็นคนที่ใจดีมีเมตตาที่สุด
“ข้ายังไม่ได้ตกนรก” เธอทวนคำอย่างนิ่งๆ “แล้วก็ ข้าไม่ใช่ลูกของท่าน ท่านเป็นผู้ชาย ท่านจะให้กำเนิดลูกที่โตแบบข้าไม่ได้หรอก”
หยาดเหงื่อไหลตามด้านหลังศีรษะของเทพอ้วนหัวโล้น สีหน้าของเขาลำบากใจ เป็นอย่างที่คิดเลย แม่ตัวร้ายนี่ไม่ได้จัดการได้ง่ายๆ แม้ว่าจะสูญเสียความทรงจำก่อนหน้านี้ทั้งหมดไปแล้ว แต่ก็ยังคงทำให้ปวดหัวได้อยู่ดี ดังนั้นพวกกลุ่มเทพจึงตัดสินใจใช้วิธีการจับฉลากเพื่อจะส่งใครมาคนหนึ่ง แล้วตนก็ดันจับฉลากมาได้พอดีด้วยนี่สิ
“แค่กๆ …” เทพอ้วนหัวโล้นไอ แล้วก็ทำหน้าจริงจังก่อนจะพูดอย่างเคร่งขรึม “เนื่องด้วยเจ้ามีจิตใจที่เมตตาและมีคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยม ดังนั้นพวกเราเลยปรึกษากันแล้ว ว่าจะให้โอกาสเจ้าได้ไถ่บาป ให้เจ้าได้ไปฝึกฝนในโลกอื่นต่อไป”
อะไรนะ? มีจิตใจเมตตา? มีคุณสมบัติยอดเยี่ยม? หมายความว่ายังไง? ไถ่บาปอะไร? ให้ไปฝึกฝนต่อโลกอื่น? นี่มันอะไรกันเนี่ย?
“ไปเถอะ ลูกเอ๋ย หวังว่าเจ้าจะมีชีวิตที่ดีนะ” เทพอ้วนหัวโล้นไม่พูดพร่ำอีก แล้วก็สะบัดมือเบาๆ แสงสว่างสีขาวกระทบมาที่ตัวนาง พร้อมกันนั้นก็ลบความทรงจำเกี่ยวกับบทสนทนาที่พวกเขาคุยกันเมื่อกี้ทิ้งไปด้วย
จากนั้นนางก็หายไปจากที่ที่เคยอยู่ เทพอ้วนหัวโล้นถอนหายใจยาวออกมา แล้วยกมือเช็ดเหงื่อที่หน้าผากของตนเอง หลังจากนั้น รอบกายเขาก็มีเหล่าเทพจำนวนมากปรากฏตัวขึ้น แล้วต่างก็หัวเราะกันอย่างสมเพช จากนั้นตบบ่าเป็นการชื่นชมว่าเขาว่าทำงานได้ดี
“เยี่ยมมากเลย ทีนี้แม่ตัวร้ายนั่นก็จะได้อยู่ไกลๆ จากพวกเราแล้ว”
“เจ้านี่มันเหลือเกินจริงๆ คิดเหตุผลตลกยืดยาวมาขนาดนั้น เพื่อกำจัดนางออกไปได้”
“เยี่ยมมาก เยี่ยมมากเลย ข้าจะจดความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ของเจ้าไว้เลย” คนที่พูดประโยคนี้คือบุคคลที่เป็นอำนาจของสวรรค์
เทพอ้วนหัวโล้นหัวเราะไม่ออก กำจัดน่ะใช่ แต่ถ้าในวันที่แม่ตัวร้ายนั่นกลับมา คนที่จะตายคนแรกก็คือเขาเอง!
“กังวลอะไร? ถ้านางจะกลับมาอย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาฝึกฝนอีกนานมาก กว่าที่ร่างของเทพจะออกมา มันเป็นเรื่องที่ไม่อาจรู้ได้เลยว่าจะต้องใช้เวลาอีกกี่หมื่นปี” ทันใดนั้นก็มีเทพองค์หนึ่งปลอบใจขึ้นมา
มันก็จริงนะ เมื่อได้ยินแบบนั้น เทพอ้วนหัวโล้นก็หัวเราะออกมา
แม่ตัวร้าย เจ้าไปอยู่ที่โลกนั้น เจ้าก็จงมีความสุขให้มากนะ จะดีมากเลยถ้าเจ้าจะจำอะไรไม่ได้เลย แล้วก็ไม่ต้องกลับมาตลอดไปเลยก็จะดีที่สุด
…………………………
“องค์ชาย รอข้าด้วยสิ” สาวสวยผมทองคนหนึ่งใช้มือรวบกระโปรงพลางพูดด้วยเสียงเหนื่อยหอบ น้ำเสียงแทบจะทำให้ผู้ฟังขนลุกไปทั้งตัว นางรีบร้อนวิ่งไปข้างหน้าตามผู้ชายคนหนึ่งที่เดินหนีไปอย่างรวดเร็ว ผู้ชายที่อยู่ข้างหน้านั้นรูปร่างผอมบาง ผมยาวสีเกาลัดสะบัดพลิ้วดูสุภาพและสง่างาม แต่เขาไม่ได้หยุดฝีเท้าหรือหันกลับมานางอย่างมีเยื่อใย แต่สาวที่อยู่ด้านหลังก็ยังคงวิ่งตามต่ออย่างรีบร้อน
สาวสวยเห็นแบบนี้ สีหน้าก็ยิ่งร้อนใจมากขึ้น และก็ยิ่งเร่งฝีเท้าตามไป ด้านหลังของนางมีหนุ่มหล่อในชุดสีดำตามมาด้วย ชายหนุ่มก้าวเท้าและหายใจอย่างเป็นจังหวะ ที่เอวของเขามีกระบี่ห้อยอยู่ เขาตามหลังสาวสวยมาด้วยใบหน้าเรียบเฉยไม่แสดงอารมณ์แต่อย่างไร ซึ่งให้ความรู้สึกเย็นชาจนทำให้คนต้องออกห่างไปเป็นพันลี้เลยทีเดียว
“จินเหยียน ช่วยข้าหยุดองค์ชายสองหน่อยสิ! เร็วเข้า! องค์ชายจะไปแล้ว” สาวสวยหยุดฝีเท้าลง แล้วก็หันไปหาชายหนุ่มที่อยู่ด้านหลังอย่างไม่พอใจ “เจ้าไม่รู้เรื่องหรือไง? มองไม่เห็นเหรอ?”
“คุณหนู หน้าที่รับผิดชอบของข้าก็คือการรักษาความปลอดภัยให้คุณหนูครับ” หนุ่มหล่อกล่าวอย่างเรียบนิ่งดูไม่แยแส ความรังเกียจและดูถูกที่อยู่ในดวงตานั้นหญิงสาวมองไม่เห็น แต่ความนัยที่แฝงในคำพูดชายหนุ่มนั้นชัดเจนมากว่าหน้าที่ของเขาคือการรับผิดชอบเรื่องความปลอดภัยของนาง ไม่ใช่เรื่องการช่วยนางตามติดผู้ชาย
“เจ้า!” สีหน้าของหญิงสาวฉายแววโกรธอย่างมาก นางกระทืบเท้าแล้วพูดต่อด้วยคำพูดแรงๆ “เจ้ากล้าขัดคำสั่งของข้างั้นเหรอ! เจ้าคอยดูนะ ข้าจะไปบอกท่านพ่อว่าเจ้าเป็นอัศวินของข้าแต่กลับมีท่าทีเย่อหยิ่งเช่นนี้!” หญิงสาวพูดจบ ก็รวบกระโปรงขึ้นแล้วรีบเดินไปทางประตูตามองค์ชายสองไปอย่างรีบร้อน
จินเหยียนไม่ได้เอ่ยคำใดออกมา แล้วตามไปอย่างเย็นชา เหตุการณ์เช่นนี้มักจะเกิดขึ้นบ่อยครั้ง คุณหนูท่านนี้เมื่อยามเห็นหนุ่มรูปงามก็เหมือนกับผึ้งที่ได้พบกับดอกไม้สด จะต้องตามติดไม่หยุด ทำเอาชายหนุ่มรูปงามเหล่านั้นลำบากใจมากแต่ไม่สามารถพูดออกมาได้ องค์ชายสองเองก็ถูกตามรบกวนเช่นนี้มาหลายครั้งแล้ว ครั้งนี้มาที่คฤหาสน์ของท่านดยุกแล้วได้มาพบกับคุณหนูใหญ่พอดี ซึ่งโชคไม่ดีเลยจริงๆ จินเหยียนมององค์ชายสองที่ตกใจและไม่มีทางเลือก แววตาของเขาก็ฉายแววสงสารออกมา
องค์ชายสองรีบออกไปอย่างรวดเร็ว เมื่อขึ้นรถม้าแล้วก็เร่งคนบังคับม้าให้รีบกลับวังโดยด่วน คนขับรถม้ามององค์ชายสองที่ดูเร่งรีบอย่างกังวล เมื่อเงยหน้าขึ้นมามองเห็นสาวสวยผมทองที่ตามมานั้น ก็เข้าใจได้ในทันที ที่แท้ก็คุณหนูบ้าผู้ชายแห่งตระกูลฮิลล์นี่เอง! แม้ว่าคุณหนูใหญ่บ้าผู้ชายคนนี้จะไม่ได้เป็นที่ชื่นชอบนัก แต่ว่ายังไงก็เป็นหลานสาวของท่านดยุก คนขับรถม้าเองก็เข้าใจว่าองค์ชายสองต้องเห็นแก่หน้าของท่านดยุกฮิลล์จึงไม่สามารถปฏิเสธคุณหนูบ้าผู้ชายคนนี้อย่างรุนแรงเกินไปได้ คนขับรถม้าจึงฟาดแส้ม้าให้รถม้าเคลื่อนออกไป สาวสวยตามไปถึงหน้าประตูใหญ่ด้วยความโกรธ นางเห็นรถม้าเคลื่อนออกไปก็โกรธจนหน้าแดงและเนื้อตัวสั่นเทา พอเห็นองครักษ์ที่อยู่ด้านข้างจูงม้ามาพอดี นางจึงเข้าไปกระชากบังเ**ยน กระโดดขึ้นไปบนม้า แล้วดึงบังเ**ยนอย่างรุนแรงเร่งตามไป
“คุณหนู!” จินเหยียนที่อยู่ด้านหลังสีหน้าค่อยๆ เปลี่ยนไป คุณหนูบ้าผู้ชายคนนี้ นางลืมไปแล้วหรืออย่างไรว่านางขี่ม้าไม่เป็น?! นี่อยู่ดีๆ นางก็สามารถปลดปล่อยศักยภาพที่ซ่อนเร้นขึ้นมาเพื่อไล่ล่าผู้ชายได้เลยงั้นเหรอ? จินเหยียนฮึมฮัม ในใจของเขาได้แต่คิดดูถูกแต่ก็ต้องรักษาความปลอดภัยของนาง เขาจึงเตรียมที่จะตามไป แต่ที่หน้าประตูกลับไม่มีม้าเหลืออยู่ ส่วนคุณหนูก็ยิ่งห่างออกไปเรื่อยๆ แล้วด้วยเช่นกัน
องครักษ์ที่อยู่หน้าประตูมองดูเหตุการณ์อยู่อย่างอึ้งๆ ทำอะไรไม่ถูก ใครจะไปคาดคิดว่าคุณหนูใหญ่จะปลดปล่อยศักยภาพในการขี่ม้าออกมาเพื่อจะไปไล่ตามผู้ชาย ในฐานะที่เป็นคนของตระกูลฮิลล์ คุณหนูท่านนี้ทำชื่อเสียให้ตระกูลฮิลล์ไม่น้อย ทักษะต่างๆ อะไรก็ไม่มี ทั้งยังเกลียดการเรียน สรุปก็คือสิ่งที่ควรเรียนรู้ก็ไม่เรียน นี่คือเหตุผลที่ท่านดยุกฮิลล์จึงไม่ชอบนาง
จินเหยียนขมวดคิ้วแล้วจะตามนางไป แต่ไม่นานคุณหนูใหญ่บ้าผู้ชายก็ถูกม้าสะบัดตกลงมา ในขณะที่นางส่งเสียงร้องออกมา ร่างเล็กๆ ของนางก็ตกลงที่พื้น ส่วนรถม้าขององค์ชายสองนั้นก็ห่างไปตั้งไกลแล้ว
จินเหยียนขมวดคิ้วแล้วรีบเข้าไปช่วย เมื่อมาถึงตัวคุณหนูใหญ่ เขามองดูคุณหนูใหญ่ที่สลบไปแล้วบนพื้น คิ้วของจินเหยียนก็ขมวดเข้าหากัน ครั้งนี้ตนเองผิดพลาดในหน้าที่ คิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าคุณหนูใหญ่จะทำเรื่องที่ไม่คิดไตร่ตรองแบบนี้
หลังจากพาคุณหนูใหญ่กลับมาที่คฤหาสน์ ในคฤหาสน์ก็วุ่นวายกันไปหมด ท่านกอร์ตั้น ท่านปู่ของนางซึ่งมียศเป็นดยุกฮิลล์ไม่อยู่ ท่านพ่อของคุณหนูใหญ่เองก็ไม่อยู่ มีเพียงแค่ท่านแม่ของคุณหนูใหญ่เท่านั้นที่อยู่
บนเตียงแบบสี่เสาขนาดใหญ่และหรูหราชุบด้วยทองในห้องนอนที่สวยตระการตา คุณหนูใหญ่นอนสลบด้วยใบหน้าซีดเซียวอยู่บนที่นอนที่หุ้มด้วยผ้าปูหนานุ่มผู้หญิงผมสีทองที่มีใบหน้างดงามนั่งอยู่ข้างเตียงมองไปยังคนที่นอนอยู่บนเตียงด้วยความเป็นห่วง ใบหน้าที่มีความคล้ายคลึงกันอย่างมากของทั้งสองแค่มองก็สามารถรู้ได้เลยว่าหญิงผู้นี้คือท่านแม่ของคุณหนูใหญ่อย่างแน่นอน…… นางชื่อว่าแคทเธอรีน ฮิลล์ ซึ่งแตกต่างกับคุณหนูใหญ่บ้าผู้ชายที่อยู่บนเตียงนี้อย่างสิ้นเชิง นางเป็นผู้หญิงที่งดงามและอ่อนโยน เวลานี้นางกำลังเป็นห่วงหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงเป็นอย่างมาก ในใจก็รู้สึกหมดหนทาง ท่านพ่อและท่านปู่ของนาง หรือกระทั่งพี่ชายของนางเองก็ไม่ค่อยชอบนางเท่าไหร่นัก เหตุผลก็เนื่องด้วยนิสัยของนาง ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเด็กคนนี้นิสัยเหมือนใคร
หมอมาถึงอย่างรวดเร็ว พอตรวจอย่างละเอียดแล้วก็ได้ผลสรุปว่าร่างกายของคุณหนูใหญ่ไม่ได้เป็นอะไร เพียงแค่รอให้คุณหนูฟื้นขึ้นมาเท่านั้นเอง
“นายหญิง เป็นที่ผมเอง ผมผิดพลาดในหน้าที่ทำให้คุณหนูใหญ่ต้องมาเจอกับเหตุการณ์เช่นนี้” จินเหยียนก้มหน้ายืนอยู่อีกฝั่งกล่าวยอมรับผิดด้วยน้ำเสียงเรียบ “นายหญิงลงโทษผมเถอะครับ”
“ไม่ จินเหยียน” แคทเธอรีนยิ้มน้อยๆ พร้อมส่ายหน้า น้ำเสียงไม่ได้แฝงอะไร “เด็กคนนี้นิสัยเป็นเช่นไร ข้ารู้ดี ไม่ได้เกี่ยวกับเจ้าหรอก เจ้าลงไปได้แล้ว”
จินเหยียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็ก้มหัวขอตัวออกไป จึงเหลือเพียงแค่แคทเธอรีนที่อยู่เฝ้าเพียงผู้เดียว พอตกดึก ในที่สุดมือของหญิงสาวบนเตียงก็มีการขยับ ดูเหมือนว่านางจะฟื้นแล้ว
“แคลร์!” แคทเธอรีนที่นั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียงตลอดเวลาส่งเสียงร้องอย่างดีใจ แล้วก็จับมือของคนที่อยู่บนเตียง พร้อมทั้งเรียกชื่อของนาง
หญิงสาวที่อยู่บนเตียงค่อยๆ ลืมตาขึ้น โดยไม่ได้พูดอะไรออกมา
“แคลร์ ลูกเป็นอย่างไรบ้าง? ให้แม่ดูหน่อยสิ” แคทเธอรีนพยุงหญิงสาวที่อยู่บนเตียงให้ลุกขึ้นนั่ง แล้วถามอย่างร้อนใจ
แต่หญิงสาวที่อยู่บนเตียงก็ยังไม่พูดอะไรออกมา แคทเธอรีนจึงกอดหญิงสาวที่อยู่บนเตียงเอาไว้ พลางพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ แคลร์ ลูกรักของนางเกิดอุบัติเหตุจนสลบไปกลับไม่มีใครมาดู ไม่แม้แต่ปู่ พ่อ หรือแม้กระทั่งพี่ชายของนาง หลังจากที่กลับมาเมื่อตอนเย็นก็ไม่มาดูเลยสักนิด การปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมเช่นนี้ทำให้นางรู้สึกเศร้าใจเป็นอย่างมาก
หญิงสาวผมทองที่อยู่บนเตียงลืมตาขึ้น นางมองไปรอบๆ อย่างเย็นชา ในแววตามีความสับสนและสงสัย แต่แล้วแววตานั้นก็หายไปทันที แล้วแทนที่ด้วยความเย็นชาและลึกล้ำ
…………………………………………………………………………………………..
← ตอนก่อน