ตอนที่ 9 เธอและเขาก้าวข้ามคืนวันที่ยากลำบากไปด้วยกัน

ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย

ตอนที่ 9 เธอและเขาก้าวข้ามคืนวันที่ยากลำบากไปด้วยกัน 

 

 

เฉินฝานซิงแสดงท่าทีประหลาดใจ เธอกะพริบตาปริบๆ ก่อนจะระเบิดหัวเราะออกมา 

 

 

“ขอโทษที เป็นความผิดฉันเองค่ะ” 

 

 

ป๋อจิ่งชวนมองรอยยิ้มที่ประดับอยู่บนใบหน้าสวยราวกับมีกระแสคลื่นซัดสาดในดวงตา 

 

 

“คุณขำอะไร” 

 

 

“ดูเหมือนฉันไม่ค่อยเข้าใจคุณสักเท่าไหร่ นึกไม่ถึงเลยว่าคนที่อ่อนโยนและไม่ชอบเป็นจุดสนใจอย่างคุณจะพูดอะไรแบบนั้นกับเขาเป็นด้วย มันดูขัดกับภาพลักษณ์ของคุณมากเลยทีเดียว” 

 

 

“ถูกต้อง ถ้าคุณฟังประโยคนี้เข้าใจก็ไม่มีอะไรผิดพลาด” 

 

 

“แต่ว่า คุณเฉินทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีทั้งที่เป็นเนื้อแท้และเปลือกนอก เนื้อแท้ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงไปตากาลเวลา แต่เปลือกนอกจะเปลี่ยนไปตามการเปลี่ยนแปลงของเงื่อนไข ดังนั้นถ้ามัวแต่ดูสิ่งที่เป็นเพียงเปลือกนอก ก็ไม่มีวันได้เห็นหน้าตาจริงๆ ของสิ่งนั้นๆ” 

 

 

“ภาษิตว่า คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ! คุณจะมองคนที่ภายนอกจริงๆ นะเหรอ” 

 

 

เสียงหัวเราะถูกกลืนหายไปอย่างช้าๆ และถูกแทนที่ด้วยความเย็นชา 

 

 

แน่นอนว่าเธอไม่ใช่คนอย่างนั้น! 

 

 

แค่เฉินเชียนโหรวคนเดียวก็เพียงพอแล้วสำหรับบทเรียนเรื่องสังคมและธาตุแท้ของคนในชาตินี้! 

 

 

เธอสูดหายใจเข้าเต็มปอดก่อนจะพ่นลมออกมา 

 

 

“ดังนั้นนะคุณป๋อพวกเราไม่เหมาะสมกันแม้แต่น้อย…ฉันไม่เข้าใจคุณเลยจริงๆ แม้แต่เปลือกนอกของคุณฉันก็ยังมองไม่ออก แล้วจะไปเข้าใจเนื้อแท้ของคุณได้ยังไง” 

 

 

“อีกอย่างเลิกกับแฟนเก่าไม่ถึงนาที ฉันยังไม่ทันได้ทำใจอะไรเลย จู่ๆ จะให้ฉันเริ่มต้นความสัมพันธ์ครั้งใหม่ ฉันก็เกรงว่าจะทำไม่ไหว ฉันเปล่าดูถูกคุณนะ…” 

 

 

“ผมไม่ได้ต้องการคำตอบจากคุณตอนนี้ คุณถามเหตุผลที่ผมตามคุณมา ผมก็แค่ตอบคำถามของคุณก็เท่านั้น การตัดสินใจจีบคุณคือเรื่องของผม และผมก็ไม่ชอบให้ใครมาควบคุมการตัดสินใจของผมด้วย” 

 

 

ป๋อจิ่งชวนนิ่งไปสักพัก ราวกับกำลังรอดูปฏิกิริยาของอีกฝ่าย ก่อนจะเอ่ยขึ้น 

 

 

“แน่นอนว่า สุดท้ายแล้วคุณจะปฏิเสธหรือไม่นั่นก็เรื่องของคุณ แต่ผมจะปฏิเสธคำปฏิเสธของคุณ!” 

 

 

“…” 

 

 

“ผมยินดีให้คุณเข้ามาทำความรู้จักเนื้อในของผมได้ทุกเมื่อ!” 

 

 

เฉินฝานซิงตกอยู่ในความงงงวย ขณะที่มองป๋อจิ่งชวนเดินจากไปแต่ก็ไม่ได้พูดสิ่งใดออกมา 

 

 

หลังจากที่ห้องทั้งห้องเหลือเพียงเธอคนคนเดียว เป็นเวลาเนิ่นนานกว่าเธอจะค่อยๆ ตื่นจากภวังค์ 

 

 

ใบหน้าที่ไม่สื่ออารมณ์ใดๆ มาตลอด จู่ๆ มุมปากก็ได้ค่อยๆ แย้มขึ้นอย่างเบาบาง 

 

 

ปฏิเสธหรือไม่ปฏิเสธเป็นเรื่องของเธอ ปฏิเสธคำปฏิเสธของเธอคือเรื่องของเขา? 

 

 

แล้วเธอเลือกอะไรได้บ้าง 

 

 

หมายความว่าที่คุยกันตั้งนานสองนานเมื่อครู่สรุปสั้นๆ ได้ประโยคเดียวคือ… 

 

 

เธอตกลง? 

 

 

ผู้ชายคนนี้เนี่ยจริงๆ เลย… 

 

 

เฉินฝานซิงส่ายหน้าอย่างขบขัน ก่อนจะหันไปสอดกายเข้าไปใต้ผืนผ้าห่ม 

 

 

เธอถอนหายใจออกเฮือกใหญ่เมื่อพบว่าน้ำย่อยในกระเพาะเริ่มทำงานแต่ห้องของเธอแม้แต่โซฟาเสริมสักตัวยังไม่มี 

 

 

เธอยืดกายขึ้นกดน้ำจากกาน้ำร้อนข้างเตียง ยกน้ำขึ้นมาดื่มหนึ่งแก้วก่อนเอนตัวลงไปนอนอย่างเดิม 

 

 

ทุกๆ อย่างชวนให้เธอคล้อยหลับไปเองโดยที่เธอไม่ได้สังเกตเลยว่าในเวลาแบบนี้คือเวลาที่ต้องการใครสักคนคอยอยู่ข้างกายมากที่สุด 

 

 

ความเคยชินทำให้ทุกอย่างกลายเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับเธอไปแล้ว ตั้งแต่กลับมาจากฝรั่งเศสเมื่อสามปีก่อนเธอก็ได้ซื้อคอนโดอยู่เพียงลำพัง 

 

 

ป่วยก็ป่วยเอง เฝ้าไข้ก็เฝ้าเอง ฉีดยา ให้น้ำเกลือก็ทำเองทั้งนั้น 

 

 

ถึงแม้เธอจะมีซูเหิง แต่ก็มีบ้างที่เธอต้องดูแลตัวเอง 

 

 

สามปีก่อนสกุลซูถูกฟ้องร้องเพราะปัญหาคุณภาพผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง หลังจากชดใช้ค่าเสียหายจำนวนมหาศาลหนี้สินก้อนโตก็ตามมา 

 

 

ในตอนนั้นเธอเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศได้ไม่นาน แม้แต่บริษัทพีอาร์เพียงหนึ่งเดียวที่แม่ของเธอทิ้งไว้ให้ก็ไม่ทันได้เข้าไปรับช่วงต่อเธอก็มาทำงานให้กับบริษัทของซูเหิงเลย 

 

 

ในช่วงแรกเธอติดตามเขาไปออกงานสังคมทุกประเภท จนสุดท้ายทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไปออกงานสังคมของตัวเอง 

 

 

ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งที่เธอถูกพวกนักลงทุนหลอกชุบมือเปิบ! 

 

 

ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งที่เธอดื่มจนเมาเละและอ้วกออกมาจนหมดไส้หมดพุง! 

 

 

และไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งที่ในลิ้นชักคอนโดหรือบริษัทของเธอเต็มไปด้วยยาแก้โรคกระเพาะ! 

 

 

เธอทั้งต้องดูแลบริษัทพีอาร์ที่แม่ของเธอทิ้งไว้ให้ อีกตั้งต้องยื่นมือไปช่วยบริหารงานฝ่ายพีอาร์ของบริษัทสกุลซู ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังต้องรับผิดชอบเป็นผู้นำทีมนักปรุงน้ำหอมของแผนกพัฒนาของบริษัทสกุลซูของเขา