บทที่ 6 องค์ชาย บ่าวทำเช่นนั้นไม่ได้จริงๆ

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน

บทที่ 6 องค์ชาย บ่าวทำเช่นนั้นไม่ได้จริงๆ
เสียงของเสิ่นเอ้าฟังแล้วหนุ่มมาก แต่กลับเต็มไปด้วยกลิ่นอายของความสูงศักดิ์

ในโลกบำเพ็ญเซียน เดิมทีอัจฉริยะก็อยู่เหนือคนทั่วไป

ทว่าสิ่งที่เสิ่นเทียนคาดไม่ถึงคือ ครั้งนี้พี่หกของตนที่สูงศักดิ์สุดแสนจะเท่กลับคุยกันง่ายเช่นนี้

ตามหลักของการปูเนื้อเรื่องนิยาย ในเวลาแบบนี้เสิ่นเอ้าควรจะก้าวออกมาขวางไม่ให้เสิ่นเทียนช่วยคนไม่ใช่หรือ

หลังจากนั้นเสิ่นเทียนก็เปิดศึกต่อสู้กับเสิ่นเอ้าอย่างดุเดือด และช่วยฉินเกาไปด้วยความยากลำบากไม่ใช่หรือ

หรือไม่ก็เหมือนกับในการ์ตูนบางเรื่อง

เสิ่นเทียนโต้เถียงกับเสิ่นเอ้าอย่างชอบธรรม อาศัยฝีปากทำให้เขาเข้าใจว่าการใช้อำนาจรังแกผู้อื่นเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง จนกระทั่งปล่อยคนด้วยความรู้สึกผิด

แต่ทำไมตอนนี้ยังไม่ทันได้พบหน้าเลยด้วยซ้ำ เสิ่นเอ้ากลับยอมเสียแล้ว

นี่มันไม่สมเหตุสมผลเลย!

ฟังจากเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของผู้อื่นในพระราชวัง องค์ชายหกไม่เหมือนเจ้านายที่คุยง่ายเสียเท่าไร

……

“เช่นนี้พี่หก ท่านดูสิ ขันทีน้อยคนนี้ถูกเฆี่ยนตีจนเจ็บสาหัสเช่นนั้น ไม่ใช่ว่าตายแล้วกระมัง!

หรือไม่ก็เอาเช่นนี้ ท่านมอบโอสถเซียนรักษาบาดแผลให้ข้าสักเล็กน้อย!”

เสิ่นเทียนกวาดสายตามองฉินเกาตั้งแต่หัวจรดเท้า อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียวสันหลัง

ดูจากบาดแผลบนร่างกาย อย่างน้อยก็ต้องโดนเฆี่ยนไปแล้วเจ็ดสิบแปดสิบที บางจุดถึงขั้นมองเห็นกระดูกสีขาวโผล่ออกมา แค่เห็นก็รู้สึกปวดแล้ว

นี่มันจะสร้างความเคียดแค้นให้มากเพียงใด!

ขันทีด้านข้างได้ยินเสิ่นเทียนขอโอสถ ก็พูดออกมาโดยไม่รู้ตัว “โอสถเซียนรักษาบาดแผลขององค์ชายหกล้ำค่าอย่างยิ่ง จะนำมาใช้กับบ่าวไพร่ชั้นต่ำได้อย่างไร”

เสิ่นเทียนแสยะปาก ‘เฮ้อ ไม่รู้จักตัวกลัวตาย ข้ากำลังช่วยนายของเจ้าหลีกเลี่ยงภัยพิบัติเข้าใจหรือไม่!

มอบยารักษาบาดแผลเพียงเล็กน้อยเพื่อขจัดกรรม ไม่แน่ต่อไปเขาอาจจะแค่เฆี่ยนตีเจ้าแปดสิบทีร้อยทีเพื่อระบายความแค้น

ถ้าหากไม่ยอมมอบให้ ในอนาคตเจ้าหมอนี่พลิกชะตากลายเป็นเทพ จะบดขยี้แม้กระทั่งเถ้ากระดูกของเจ้า!’

องค์ชายหกที่อยู่ในส่วนลึกของตำหนัก ก็ดูเหมือนคาดไม่ถึงว่าเสิ่นเทียนจะหน้าด้านเอ่ยปากขอโอสถเซียนรักษาบาดแผล

เขาเงียบไปสักพักจึงกล่าวว่า “ช่างเถอะ!”

มีขวดหยกพุ่งออกมาจากส่วนลึกของตำหนัก ส่งไปถึงมือของเสิ่นเทียน

ขวดหยกใบนี้ทำมาจากหยกเหมันต์คุณภาพสูง ผิวเนียนเรียบเกลี้ยงเกลา มีลูกกลอนสีแดงถูกใส่ไว้ด้านในสิบกว่าเม็ด

มีกลิ่นหอมของสมุนไพรจางๆ ที่ทำให้รู้สึกสดชื่นลอยออกมาตั้งแต่ยังไม่ทันได้เปิดขวด

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นโอสถคุณภาพดีเยี่ยม!

“นี่คือลูกกลอนย้อนวสันต์ เป็นโอสถวิญญาณรักษาบาดแผล เอาไปเถอะ! เสี่ยวหลี่จื่อ ส่งแขก!”

……

เสี่ยวหลี่จื่อที่อยู่ข้างๆ เบิกตากว้าง บนใบหน้าเต็มความรู้สึกยากจะบรรยาย

ผู้อื่นอาจไม่เข้าใจว่าลูกกลอนวสันต์มีค่าเพียงใด แต่เขาเข้าใจดี

ลูกกลอนวสันต์รวบรวมวัตถุดิบสมุนไพรล้ำค่าเช่นเห็ดหลินจือ โสมร้อยปีในป่าลึกและอื่นๆ ผ่านการหลอมด้วยอัคคีวิญญาณขององค์ชายหกอีกสี่สิบเก้าวันจึงสำเร็จ

คนธรรมดาแม้ได้รับบาดเจ็บสาหัส ใช้เพียงหนึ่งเม็ดก็จะหายเป็นปกติในเวลาเพียงครู่เดียว

ในโลกมนุษย์ แม้ใช้ทองคำพันตำลึงก็หาซื้อได้ยาก

แต่ปรากฏว่าพอองค์ชายสิบสามเอ่ยปาก องค์ชายหกกลับมอบให้ทั้งขวดทันที

ความสัมพันธ์ระหว่างองค์ชายทั้งสองดีเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไร

เสี่ยวหลี่จื่อส่งพวกเสิ่นเทียนจากไปด้วยความสงสัย จากนั้นก็เดินกลับมาที่ตำหนัก

ประตูใหญ่ของตำหนักปิดสนิท เสี่ยวหลี่จื่อยืนอยู่ตรงประตู สีหน้าดูสับสน

ผ่านไปครู่หนึ่ง ในที่สุดเขาก็ทนไม่ไหว “องค์ชาย บ่าวมีข้อสงสัย ไม่ทราบว่าควรถามหรือไม่”

ภายในตำหนัก เสียงที่เรียบเฉยของเสิ่นเอ้าดังขึ้นอีกครั้ง “ถามมา!”

เสี่ยวหลี่จื่อกล่าว “บ่าวฉินเกาผู้นั้นทำผิดโทษประหาร องค์ชายยอมปล่อยเขาไปง่ายๆ เช่นนี้ และยังมอบโอสถวิญญาณให้รักษา บ่าวไม่เข้าใจ”

เสิ่นเอ้ากล่าวด้วยความนิ่งสงบ “บนเส้นทางการบำเพ็ญเซียน ทุกคนล้วนแต่มีโชควาสนาของตนเองอยู่ ทั้งลึกลับและลึกซึ้ง

ข้ากำลังจะเข้าสู่ระดับสร้างฐาน เมื่อสำเร็จก็สามารถฝากตัวเข้าสู่แดนเทวาดาวประกายพรึกได้ ตั้งแต่นั้นเส้นทางเซียนของข้าก็จะไร้ขอบเขต

ชะตาชีวิตของน้องสิบสามพิเศษยิ่ง ในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ ไม่เหมาะที่จะขัดแย้งกับเขา”

พูดง่ายๆ คือ…เสิ่นเทียนดวงซวยมากเกินไป

เสิ่นเอ้ากำลังอยู่ในช่วงสำคัญของการทะลวงระดับ กลัวว่าเข้าใกล้มากเกินไปจะติดเชื้อจนธาตุไฟเข้าแทรกเหมือนกับอีกฝ่าย

เสี่ยวหลี่จื่อกล่าวถามต่อ “แต่หากเรื่องแพร่งพรายออกไป บ่าวเกรงว่าจะทำให้ความน่าเกรงขามของฝ่าบาทถูกบั่นทอน!”

เสิ่นเอ้ายิ้มเล็กน้อยแล้วกล่าว “เมื่อเทียบกับเส้นทางเซียนที่ไร้จุดหมาย การแก่งแย่งชิงดีกับอำนาจของจักรพรรดิเป็นเพียงหมู่เมฆาที่ลอยผ่านไป เหตุใดต้องไปใส่ใจ”

เสี่ยวหลี่จื่อกล่าวชื่นชม “วิสัยทัศน์ขององค์ชายกว้างไกลยิ่งนัก บ่าวรู้สึกนับถืออย่างสุดซึ้ง บ่าวกระจ่างแล้ว!”

เสิ่นเอ้าพยักหน้า “ในเมื่อกระจ่างแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็ไปเถอะ! กลับไปชำระล้างให้สะอาด ก่อนข้าจะออกจากการปิดด่านฝึกบําเพ็ญ ห้ามเข้าใกล้สถานที่แห่งนี้เด็ดขาด”

……

ในเวลานี้ เสิ่นเทียนไม่รู้เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในตำหนักขององค์ชายหก

ตอนนี้เขากำลังขบคิด ตนเองควรจะจัดการกับฉินเกาอย่างไรดี

รับไว้ปรนนิบัติตนเองหรือ

ไม่เข้าท่า โดยทั่วไปคนที่มีวงรัศมีของตัวเอกก็ล้วนแต่มีรัศมีของความเคียดแค้นอยู่ในตัวด้วย

ไม่เห็นหรือ ทั้งอาจารย์ สำนัก คนรักอะไรพวกนี้ของตัวเอก แต่ละคนเอะอะก็ได้รับบาดเจ็บ ตกอับ ถูกทำลายล้าง!

ดวงไม่กินบิดา ไม่กินมารดา ไม่กินเจ้านาย ไม่กินสำนัก แบบนี้ยังจะเรียกต้นแบบของพระเอกได้หรือ

เสิ่นเทียนรู้สึกว่าชะตาชีวิตที่อับโชคในตอนนี้ของตนเองแบกรับบุตรแห่งโชคชะตาผู้นี้ไม่ไหว

ไม่โดนดวงกินจนตายสิถึงจะแปลก!

แต่จะให้ปล่อยไปทั้งอย่างนี้โดยไม่ถามไม่สนใจหรือ

นี่ก็ไม่เข้าท่า เจ้าหมอนี่ถูกคนของเสิ่นเอ้าเฆี่ยนตีหนักเช่นนั้น ไม่แน่อาจจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นในอนาคตก็เป็นได้

ยิ่งไปกว่านั้น ในฐานะเป็นบุคคลที่มีโชคอันประเสริฐเพียงหนึ่งเดียวที่เสิ่นเทียนเคยพบ ฉินเกามีค่าคู่ควรให้เสิ่นเทียนศึกษามาก

อย่างไรเสียนอกจากฉินเกาแล้ว เสิ่นเทียนก็ยังไม่เคยพบว่าเหนือศีรษะของผู้อื่นมีภาพนิมิตของโชคลิขิตปรากฏออกมาให้เห็น

ถ้าปล่อยเขาไปเช่นนี้ เสิ่นเทียนจะไปหาวิธีแก้ดวงชะตาชีวิตของตนเองจากไหน

……

ในเวลาเดียวกัน ฉินเกากลืนลูกกลอนย้อนวสันต์ไปหนึ่งเม็ด บาดแผลบนร่างกายฟื้นฟูกลับมาแล้วเจ็ดแปดส่วน

สำหรับการมาช่วยชีวิตตนเองในช่วงความเป็นความตายขององค์ชายสิบสาม ฉินเกาเต็มไปด้วยความซาบซึ้ง

แต่สิ่งที่ไม่กล่าวถึงไม่ได้ก็คือ ตอนนี้เสิ่นเทียนเอาแต่จ้องฉินเกาตาไม่กะพริบ ทำให้ฉินเการู้สึกตื่นตระหนก

หรือว่าองค์ชายสามจะเป็นคนประเภทนั้นจริง

ฉินเกาเป็นคนรู้จักตอบแทนบุญคุณ องค์ชายสิบสามช่วยชีวิตของเขา แสดงว่าเป็นผู้มีพระคุณของเขา

ถึงต้องปรนนิบัติองค์ชายสิบสามไปชั่วชีวิต บุกน้ำลุยไฟเพื่อองค์ชาย หรือแม้กระทั่งไปตาย ฉินเกาก็จะไม่มีทางพูดคำว่า ‘ไม่’ เด็ดขาด!

แต่ถ้าเป็นเรื่องเช่นนั้น ฉินเกาทำไม่ได้จริงๆ

ถึงแม้องค์ชายสิบสามมีรูปลักษณ์ที่สง่างามอยู่เหนือสามัญ สามารถทำให้สตรีนับหมื่นนับพันต้องคลั่งไคล้

แต่ฉินเกาไม่ใช่ผู้หญิง เขาเป็นผู้ชาย!

นอกจากนั้นยังเป็นลูกผู้ชายอกสามศอกด้วย

เขาไม่มีทางตอบตกลงทำเรื่องเช่นนั้นเด็ดขาด!

‘แต่ว่าถ้าองค์ชายใช้วิธีการบังคับให้อยู่ต่อ ข้าควรจะทำเช่นไรดี’

ต้องยอมรับว่าฉินเกาเริ่มสับสนแล้ว

เขาลังเลอยู่สักพัก สุดท้ายก็ตัดสินใจถาม “องค์ชาย เหตุใดท่านถึงมาช่วยข้า!”

เสิ่นเทียนได้ยินคำถามของฉินเกา ก็ดึงสติกลับมา

“เหตุใดถึงช่วยเจ้า? อืม เป็นเพราะเจ้ากับข้ามีวาสนาต่อกัน”

องค์ชายกล่าวว่าเขากับข้ามีวาสนาต่อกัน?

คำพูดของเสิ่นเทียนทำให้สีหน้าฉินเกาแปลกพิลึกอย่างยิ่งทันใด “องค์ชาย ท่านกำลังล้อเล่นใช่หรือไม่”

“ใครล้อเล่นกับเจ้ากัน” เสิ่นเทียนโบกมือ “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเจ้ามาพักที่ตำหนักใจพิสุทธิ์เถอะ! และไม่ต้องทำงานอะไร แค่ทำตัวดีๆ ให้ข้าเรียกหาเจ้าได้ตลอดเวลาก็พอ”

คิดอยู่สักครู่ เสิ่นเทียนก็ตัดสินใจให้ฉินเกาอยู่ที่นี่ก่อน จะได้เฝ้าสังเกตติดตามผลสะดวก

ส่วนปัญหาดวงชะตาไม่กินกัน ถ้าไม่ให้ฉินเกาทำงาน แสดงว่าเขาย่อมไม่ใช่บ่าวไพร่อีก

เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็น่าจะไม่โดนวงรัศมีของพระเอกกินหัวจนตายแล้วกระมัง!

ความคิดของเสิ่นเทียนนั้นเรียบง่ายมาก แต่ฉินเกาหาได้คิดเช่นนั้นไม่

ไม่ต้องทำงาน แค่ทำตัวดีๆ ให้องค์ชายสามารถตามตัวเจอได้ตลอดเวลา

นี่ไม่ใช่วิธีการปฏิบัติต่อขันที!

ฉินเกาแทบจะร้องไห้แล้ว นี่เขาเพิ่งออกจากถ้ำเสือก็เข้ารังหมาป่าอีกแล้วหรือ

องค์ชาย บ่าว… บ่าวทำเช่นนั้นไม่ได้จริงๆ!

……………………………………………………