บทที่ 1

นครเฉิงตู กลางดึกคืนหนึ่ง

ถังหยินนั่งจิบเหล้าอยู่บริเวณเคาน์เตอร์ของลานเต้นรำที่ถูกเรียกว่า ‘เพลิงราตรี’ วันนี้เป็นวันที่ห้าแล้วที่เขาอยู่ในเฉิงตู

ชายหนุ่มชอบเหล้าและบรรยากาศภายในลานเต้นรำนี้มาก เขาชอบมานั่งฟังดนตรีที่กำลังเล่นอยู่ในขณะนี้

“มาคนเดียวเหรอคะ ? ”

หญิงสาวอายุราว ๆ 20 ปี ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ถังหยินถามพร้อมกับหันมามองเขาและยิ้ม

ถังหยินมีใบหน้าที่หล่อเหลา ผิวขาว คิ้วเข้ม และมุมปากที่ดูเหมือนว่าเขากำลังยิ้มอยู่ทั้ง ๆ ที่ทำหน้านิ่งก็ตาม ใบหน้าที่มีรอยยิ้มทรงเสน่ห์นั้นสามารถทำให้คนที่เห็นรู้สึกดีได้อย่างง่ายดาย แน่นอนว่ามันก็ดูแปลกประหลาดด้วยเช่นกัน เพราะรอยยิ้มของเขา กลับสามารถทำให้คนมองรู้สึกขนลุกได้เมื่อนึกถึงมัน

นั่นเป็นเพราะเขาคือนักฆ่า ที่ฆ่าคนได้แบบไม่กะพริบตา

ถังหยินหันไปมองหญิงสาวด้วยสายตาที่ไม่สามารถอธิบายได้ จากนั้นจึงถามเรียบ ๆ ว่า “เรารู้จักกันหรือเปล่า ? ”

ใบหน้าของหญิงสาวตรงหน้าไม่ได้สวยมากนัก แต่เธอเองก็ไม่ได้ขี้เหร่เช่นกัน ด้านบนของผู้หญิงตรงเขานั้นได้สวมเดรสโชว์สะดือพร้อมกับกางเกงขาสั้นอยู่ภายใน ซึ่งมันก็เผยให้เห็นเรียวขางามทั้ง 2 ข้าง เดรสที่หญิงสาวสวมใส่ทำให้เธอดูน่าดึงดูดมากยิ่งขึ้น เธอยิ้มเล็กน้อยแล้วส่ายหน้าพร้อมกับพูดว่า “ฉันเป็นเด็กเสิร์ฟของที่นี่ และฉันก็เห็นว่าคุณมาคนเดียวหลายวันแล้ว”

“อ๋อ!” ถังหยินแกว่งแก้วเหล้าในมือของเขา ยิ้มและไม่ได้พูดอะไรอีก ชายหนุ่มเป็นคนฉลาด อย่างน้อยก็ฉลาดมากกว่าคนทั่วไป เขานั้นสามารถจดจำใบหน้าของบุคคลที่เขาสนใจได้ แม้จะเห็นเพียบแค่แวบเดียวก็ตาม เพียงแต่ว่าในโลกนี้นั้น มีคนแค่ไม่กี่คนเท่านั้น ที่ดึงความสนใจของเขาได้

แม้ว่ารอยยิ้มของถังหยินจะดูน่าเข้าหา แต่เมื่อคุณได้สัมผัสจริง ๆ คุณจะเห็นได้ชัดถึงความเย็นชาที่อยู่ภายใต้รอยยิ้มนั้น ความเย็นชาที่ชวนให้หนาวไปถึงกระดูก

“ฟังจากสำเนียงที่พูดแล้ว คุณไม่ได้มาจากเฉิงตูใช่ไหม ? แล้วงั้นคุณมาทำอะไรที่เฉิงตูเหรอ ? หรือว่ามาทำงาน ? ” หญิงสาวดูสนใจในตัวถังหยินเป็นอย่างมาก เธอแสร้งทำเป็นเมินความเย็นชาในแววตาของชายหนุ่ม

ถังหยินมองแก้วเหล้าในมือของตัวเองและยังคงเงียบเหมือนเดิม เขาไม่อยากคุยกับใครในตอนนี้

ขณะที่หญิงสาวกำลังรู้สึกอับอาย จู่ ๆ ก็มีมือเอื้อมมาจากด้านหลังของถังหยินและกดลงบนไหล่ของชายหนุ่ม ขณะเดียวกันเสียงหยาบก็ดังขึ้นด้านหลังว่า “น้องชาย ที่ตรงนี้มีเจ้าของแล้ว ถอยไป ! ”

ถังหยินและหญิงสาวที่อยู่ข้าง ๆ ชายหนุ่มหันกลับไปมองพร้อมกัน

ทั้งสองเห็นกลุ่มชายหนุ่มที่แต่งตัวดูดี 4 คนยืนอยู่ข้างหลังถังหยิน ไม่มีอะไรที่ดึงความสนใจของชายหนุ่มได้ ทว่าหัวล้านใหญ่ ๆ ทั้ง 4 ที่สว่างจ้าแบบนี้นั้นกลับดูน่าประทับใจเป็นพิเศษ มันเหมือนกับว่ามีหลอดไฟใหญ่ ๆ 4 หลอดวางเรียงกันอยู่ด้านหลังของเขายังไงยังงั้น เมื่อเห็นใบหน้าของคนทั้ง 4 ชัดเจน ใบหน้าของหญิงสาวก็แสดงออกถึงความรังเกียจ แววตาของเธอมีประกายความหวาดกลัวอยู่เล็กน้อย

ถังหยินพูดนิ่ง ๆ ว่า “ฉันก็นั่งตรงนี้มาตลอด”

“ตลอดเหรอ ? ”

“ใช่!” ถังหยินเอ่ย “นี่มันก็ 5 วันแล้ว”

“เฮอะ…” ชายหัวล้านที่วางมือลงบนไหลของชายที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เขาชี้นิ้วโป้งมาทางจมูกของตัวเองแล้วพูดว่า “พวกเราพี่น้องมาที่นี่ตั้งแต่ 5 ปีแล้ว เร็วเข้าได้เด็กเวร อย่าหาเรื่อง ไม่งั้นนายเจอดีแน่ ! ” ขณะที่พูด ชายหนุ่มก็ยกชายเสื้อขึ้นเผยให้เห็นมีดที่ซ่อนอยู่

ถังหยินจ้องมองมีดเล่มนั้น หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็กลืนความเหนียมอายของตัวเองเข้าไป ยืนขึ้นและพูดพร้อมกับแย้มยิ้มว่า “ที่นั่งตรงนี้เป็นของนายจริง ๆ ด้วย” จากนั้นเขาก็หยิบแก้วเหล้ามาและเดินจากไป ทิ้งให้เคาน์เตอร์ตรงหน้าว่างเปล่า

“ฮ่า ฮาา ฮ่า…” เมื่อมองไปทางแผ่นหลังของถังหยินที่เดินหนีไป ชายหัวโล้นทั้ง 4 ก็หัวเราะออกมาอย่างลำพอง จากนั้นพวกเขาก็เดินไปนั่งรอบ ๆ หญิงสาว

หญิงสาวรู้สึกผิดหวังความกับความขี้ขลาดของถังหยินเป็นอย่างมาก เมื่อมองไปทางชายหัวโล้นทั้ง 4 สีหน้ารังเกียจบนใบหน้าของเธอก็ยิ่งชัดเจนขึ้น เธอลุกยืนขึ้นและตั้งท่าจะเดินจากไป หากแต่ชายหัวโล้นคนหนึ่งกลับคว้าข้อมือของเธอไว้และถามด้วยรอยยิ้มว่า “จะไปไหนล่ะเจียวเจียว? ทำไมพอเรามาถึงเธอก็จะไปแล้วล่ะ ? ”

หญิงสาวที่มีใบหน้าราวกับตุ๊กตาพยายามสะบัดมือออกจากชายหัวโล้นและพูดอย่างโมโหว่า “ฉันจะไปทำงานต่อ ! ”

ชายหัวโล้นที่มีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าเอ่ยขึ้นโดยไม่หุบยิ้มว่า “เมื่อกี้ที่ไอ้หน้าขาวมันนั่งอยู่ตรงนี้ เธอไม่เห็นจะไปทำงานเลย แถมเธอทั้งคุยทั้งหัวเราะกับมันด้วย แล้วทำไมตอนที่พวกเรา 4 พี่น้องมา เธอถึงจะไปทำงานกัน ? นี่เธอไม่คิดไว้หน้าพวกเราเลยนะเจียวเจียว ! ”

“ใช่ นั่นสิ ! ” ชายหัวโล้นอีก 3 คนที่เหลือต่างเห็นด้วย

หญิงสาวรู้จักทั้ง 4 คนนี้ดี และรู้ว่าพวกเขาโด่งดังมากในละแวกนี้ แท้จริงแล้วทั้ง 4 คนนี้นั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับแก๊งภายในเขตนี้ เพราะงั้นถึงแม้ทั้ง 2 จะไม่ลงรอยกัน แต่เธอก็ไม่กล้าที่จะทำอะไรพวกเขาอยู่ดี หญิงสาวหายใจเข้าลึก ๆ และพูดว่า “นายต้องการจะทำบ้าอะไร ! ”

ชายหัวโล้นยิ้มและตอบว่า “ฉันไม่ได้มีความหมายอื่น ฉันก็แค่อยากจะชวนดื่มเหล้าด้วยกันสักแก้วเท่านั้น” จากนั้นเขาก็หันไปพยักหน้าให้กับพวกของตน ชายหัวโล้นอีกคนพยักหน้าเข้าใจ เขาหยิบขวดเหล้าออกมาจากกระเป๋าและรินจนเต็มแก้ว จากนั้นจึงส่งมันให้หญิงสาว

หญิงสาวเปลี่ยนสีหน้าเล็กน้อย เธอส่ายหน้าและบอกว่า “ฉันไม่ดื่ม…”

เขาไม่รอให้อีกฝ่ายพูดจบ ชายหัวโล้นพูดแทรกขึ้นมาว่า “ฉันชวนเธอดื่ม อย่างน้อยก็ดื่มมันสักจิบก็ได้ ไม่อย่างนั้นจะถือว่าไม่ไว้หน้ากัน ! ”

หญิงสาวรู้ดีว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดของคนพวกนี้ก็คือหน้าตาของพวกเขา ถ้าหากวันนี้เธอไม่ดื่มเหล้าตรงหน้า คนพวกนี้ก็จะไม่มีทางยอมแพ้แน่ เธอทำอะไรไม่ได้นอกจากพูดว่า “ถ้าอย่างนั้น…สักจิบก็แล้วกัน”

“ได้ ! ได้สิ.. ได้ ! ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ชายหัวโล้นหัวเราะออกมาอย่างพอใจและพยักหน้า

หญิงสาวรับแก้วเหล้ามา เธอรวบรวมความกล้าของตัวเองทั้งหมดและจิบของเหลวในแก้ว

รสชาติที่รุนแรงของเหล้าไหลลงสู่ท้องของเธอ หญิงสาวรู้สึกว่าตอนที่เธอหายใจออกมา เหมือนเธอจะพ่นไฟออกมาด้วย ใบหน้าขาวสวยของเธอเปลี่ยนเป็นแดงเถือก ซึ่งมันทำให้เธอดูสวย งดงาม และน่าสัมผัสยิ่งกว่าเดิม ดวงตาของชายหัวโล้นมองอย่างเปิดเผย ในที่สุด เธอก็ตกอยู่ในมือของพวกเขา จากนั้นเขาก็หัวเราะและพูดว่า “นี่ของดีเลยนะ ของดี ฮ่า ฮ่า ฮ่า ดื่มอีกสักอึกสิ ดื่มอีกเร็ว ! ”

“ฉัน…” หญิงสาวอยากจะปัดมันออก แต่ชายหัวโล้นก็ยกแก้วเหล้าขึ้นและเทมันเข้าปากเธอ เหล้าที่เหลืออีกครึ่งแก้วนั้นไหลลงสู่ท้องของเธอทันที สีหน้าของเธอแดงขึ้นกว่าเดิม หญิงสาวเช็ดคราบเหล้าที่อยู่บริเวณมุมปากของตัวเองและพูดอย่างยากลำบากว่า “ฉันไปได้หรือยัง ? ”

ชายหัวโล้นและพรรคพวกมองหน้ากันและยิ้มออกมา จากนั้นก็พยักหน้าและเอ่ยว่า “เอาสิ ! ไปเลย ! ”

เมื่อได้ยินแบบนั้น หญิงสาวก็รู้สึกโล่งอกและรีบลุกขึ้น แต่ทันทีที่เธอยืนขึ้น เธอกลับรู้สึกหัวหมุน ราวกับว่าโลกทั้งใบกำลังจะหลุดลอยไป

เธอไม่สามารถยืนได้ ร่างของเธอสั่น จนสุดท้ายก็นั่งลงบนเก้าอี้ตามเดิม หัวของเธออื้อและความเจ็บก็เพิ่มขึ้นอีกครั้ง ในเวลานี้ หญิงสาวตระหนักได้แล้วว่ามีบางอย่างผิดปกติ เพราะต่อให้เธอจะเป็นคนคออ่อนมากแค่ไหน แต่มันก็ไม่น่าจะแย่ขนาดนี้ บางอย่างที่เหมือนกับยาอีถูกใส่เข้าไปในเหล้า ทว่ามันก็สายไปแล้วที่เธอจะมานึกถึงมันตอนนี้ สติของหญิงสาวเริ่มหายไปทีละน้อย เธอนั่งอยู่บนเก้าอี้ ตัวสั่น หัวตื้อ และปัดป่ายคนรอบตัวบ้างเป็นครั้งคราว

เมื่อเห็นแบบนี้ รอยยิ้มบนใบหน้าของชายหัวโล้นทั้ง 4 ก็กว้างกว่าเดิม ทั้งหมดขยิบตาให้กันและกัน คนทั้งหมดพยุงหญิงสาวถูกเอาไว้และพูดออกมาเป็นครั้งคราวว่า “ดื่มเยอะเกินไปแล้ว ! อย่าดื่มอีกเลย ถ้าเธอไม่ไหวแล้ว งั้นพวกเราจะพาเธอไปพักเอง ! ”

ชายหัวโล้นทั้งกลุ่มเดินผ่านลานเต้นรำไปยังประตูหลังของห้องโถมพร้อมกับร่างที่ไม่ได้สติของหญิงสาว

ถังหยินที่อยู่ไม่ไกลนักมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นอีกฟากของลานเต้นรำอย่างชัดเจน เขาอยากจะพุ่งออกไปหยุดคนพวกนั้น แต่เขาก็ต้องข่มความต้องการของตัวเองเอาไว้ เขาไม่ใช่คนดี ดังนั้นมันจึงไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะต้องช่วย

และถึงแม้ว่าเหตุผลจะเป็นแบบนั้น แต่ภาพของหญิงสาวก็ปรากฏขึ้นในหัวของเขาอยู่ดี ซึ่งมันทำให้เขารู้สึกเสียใจเล็กน้อย

เวรเอ๊ย ! ถังหยินสบถในใจ เขาเกลียดความรู้สึกของแรงกระตุ้นที่ไม่สามารถควบคุมได้ที่สุด เขาเงยหน้าขึ้นและดื่มเหล้าที่อยู่ในแก้วจนหมด จากนั้นก็ยกมือขึ้นโบกไปมา

เด็กเสิร์ฟสาวที่อยู่ไม่ไกลเดินมาและถามด้วยรอยยิ้มว่า “จะรับอะไรเพิ่มรึเปล่าคะ ? ”

“เหล้า ! ” ถังหยินเอ่ยสั้น ๆ

“แบบไหนคะ ? ” หญิงสาวหัวเราะและเดินมา

“ขอแรง ๆ ! ”

“วอดก้า ? ”

“ใช่ ! ”

“หนึ่งแก้วนะคะ ? ”

“หนึ่งขวด ! ”

หญิงสาวนิ่งอยู่ครู่หนึ่งและมองถังหยินอย่างสงสัย จากนั้นจึงพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ได้ค่ะ กรุณารอสักครู่นะคะ ! ”

หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง หญิงสาวก็เดินกลับมาพร้อมกับถาดหนึ่งใบ เธอวางขวดวอดก้าลงตรงหน้าถังหยินและมองเขาอย่างลึกซึ้ง ก่อนจะเดินจากไปอย่างช้า ๆ

หลังจากที่เปิดฝาออก ถังหยินก็รินมันใส่แก้ว และทันทีที่เขาเงยหน้าขึ้น เขาก็ดื่มเหล้าในแก้วจนหมด

ด้วยระดับความเข้มข้นของแอลกอฮอล์ที่สูงมากในท้องของเขา มันทำให้ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนกับมีมีดจำนวนนับไม่ถ้วนแทงมาที่ร่างกายของเขา ชายหนุ่มหลับตาและเคาะนิ้วบนโต๊ะ เขาค่อย ๆ ลืมตาขึ้น ในเวลานี้ มันดูราวกับว่ามีแสง 2 สายที่พุ่งออกไปจากด้วยตาของเขา แต่มันก็เพียงแค่ชั่วแวบเดียว ก่อนจะหายวับไป

หลังจากดื่มวอดก้าทั้งขวดหมด ถังหยินก็ลุกขึ้นยืน !