บทที่ 109 ฝ่าฝืนข้อห้าม / บทที่ 110 เปิดโหมดแล้วแต่โชคชะตา

แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี

บทที่ 109 ฝ่าฝืนข้อห้าม

หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง ที่บาร์เฉียหลาน

หน้าประตูชั้นดาดฟ้าจองไว้ให้สำหรับแขก VIP ที่เหมาไว้เท่านั้น เยี่ยหวั่นหวันหยุดฝีเท้า สูดหายใจลึก บอกตัวเองว่าอีกเดี๋ยวไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นต้องใจเย็น

“คุณหนูเยี่ย เข้าไปเถอะครับ!”

สวี่อี้กำลังจะผลักประตู เยี่ยหวั่นหวันก็รีบห้ามเขา “เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งเปิดประตู ให้ฉันฟังบรรยากาศข้างในก่อน!”

เยี่ยหวั่นหวันพูดจบก็ค่อยๆ ผลักเปิดประตู จากนั้นเดินเข้าไปด้านในด้วยความระมัดระวัง

ด้านหลัง สวี่อี้เห็นท่าทางเยี่ยหวั่นหวันเหมือนขโมย มุมปากก็อดยิ้มขึ้นมาไม่ได้ แต่ขอแค่เธอยอมให้ความร่วมมือ เขาก็ขอบคุณสวรรค์แล้ว

ถึงแม้จะเตรียมใจมาไว้บ้างแล้ว ตอนที่เยี่ยหวั่นหวันแง้มประตูออก บรรยากาศข้างในก็ยังทำให้ตกใจได้

คนข้างในห้องไม่เยอะ เธอรู้จักแค่หลินเชวีย อีกหลายคนในนั้นน่าจะเป็นเพื่อนในแวดวงสังคมของซือเยี่ยหาน

เวลานี้ ซือเยี่ยหานกำลังนั่งอยู่ที่มุมหนึ่งของโซฟา ระหว่างนิ้วมีทิชชูเปียก เขาเช็ดหลังมืออย่างช้าๆ หลังมือถูกเช็ดจนแดงเป็นวงกว้าง ผิวแทบจะถลอกอยู่แล้ว แต่ชายหนุ่มก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุด

ส่วนสีหน้าของเขาเวลานี้ดูมืดมนและเยือกเย็นถึงขีดสุด ทั้งตัวเหมือนโดนกลางคืนที่มืดมิดห่อหุ้มอยู่ ไม่มีช่องว่างให้ทะลุผ่านได้เลย

ฝั่งตรงข้ามซือเยี่ยหาน มีผู้หญิงคนหนึ่งหน้าขาวซีด ยืนตัวสั่นงันงกอยู่ตรงนั้น เหมือนกับว่าวินาทีต่อมาจะโดนโทษประหารตัดหัว

ผู้หญิงหน้าตาดีมาก ดวงตาแดงก่ำ ท่าทางที่สะอื้นอยู่ดูแล้วยิ่งน่าสงสาร

แต่ว่า อยู่ต่อหน้าสาวสวยที่ดูบอบบางและมีเสน่ห์ขนาดนี้ สีหน้าซือเยี่ยหานยังคงเย็นชาเหมือนก้อนน้ำแข็ง

เห็นสถานการณ์ที่น่าประหลาดนี้แล้ว เยี่ยหวั่นหวันอดตกใจไม่ได้

นี่เกิดเรื่องอะไรขึ้น?

ขณะที่กำลังสับสนอยู่ ก็เห็นเพียงร่างของชายหนุ่มวัยรุ่นรูปร่างท้วมคนหนึ่งในนั้นเหงื่อท่วมหน้าพูดไกล่เกลี่ยให้ “คุณชายเก้า ยัยนี่ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ คุณเป็นผู้ใหญ่อย่าถือสาเด็กเลย…”

หึ ไม่ได้ตั้งใจ?

ซือเยี่ยหานตวัดสายตา มองมาที่ชายหนุ่มคนนั้น

ความรู้สึกกดดันที่น่ากลัวจนทำให้หายใจลำบากจู่โจมเข้ามาแบบมืดฟ้ามัวดิน ชายหนุ่มตกใจจนหัวใจเกือบจะหยุดเต้น รีบก้มหน้าหลบสายตาที่น่ากลัว หันไปขอให้หลินเชวียที่อยู่ข้างๆ ช่วย “คุณชายหลิน คุณดูนี่…”

หลินเชวียก็รู้สึกว่าซือเยี่ยหานนายโรคจิตไปแล้ว ผู้หญิงเขาแค่แตะโดนตัวนิดเดียวเอง ท่าทางเขากลับดูเหมือนรังเกียจทนไม่ไหวจะต้องตัดมือตัวเองทิ้ง แล้วยังต้องเอาเลือดมาล้างอีกรอบ

แต่จะช่วยอะไรได้ ซือเยี่ยหานเกลียดผู้หญิงเป็นเรื่องที่รู้กันไปทั่วในแวดวงสังคม ใครใช้ให้เธอไปละเมิดข้อห้ามเขาล่ะ

หลินเชวียรู้สึกหงุดหงิดใจ จ้องไปที่ฝั่งตรงข้ามอย่างอารมณ์เสีย “ไม่ต้องมามองฉัน กฎของพี่เก้าไม่ใช่ว่านายไม่รู้ นายเรียกผู้หญิงเข้ามาหมายความว่ายังไง? จงใจรนหาที่เอง!”

คิดแล้วก็โมโห งานนี้เขาเป็นพ่องาน วันนี้เดิมทีอารมณ์ของซือเยี่ยหานก็ไม่ปกติอยู่แล้ว ดันมาเล่นผิดกฎละเมิดข้อห้ามของซือเยี่ยหานแบบนี้อีก ทำให้เขาติดร่างแหไปด้วยเลย

ราวกับว่ามีลมหายใจของความตายห่อหุ้มอยู่ คนทั้งห้องกลัวตัวสั่นไม่มีใครกล้าพูดอะไร

ซุยเฮ่ายิ่งรู้สึกผิดจนลำไส้จะเปลี่ยนเป็นสีเขียวแล้ว เรื่องนี้ถ้าคิดเป็นเรื่องเล็กก็แค่เรื่องของผู้หญิงคนเดียว แต่ถ้าทำเป็นเรื่องใหญ่คือเรื่องของตระกูลซุยเลยทีเดียว

ว่ากันว่าครั้งที่แล้วตระกูลหวางวางแผนให้ลูกสาวตัวเองเข้าใกล้ซือเยี่ยหาน ภายในคืนเดียวก็โดนลบชื่อออกจากทำเนียบเลย

ผู้หญิงคนนี้ที่เขาเตรียมมาไม่สามารถเข้าใกล้ซือเยี่ยหานได้ แค่ตอนที่ยื่นเหล้าให้ไม่ทันระวังไปแตะถูกมือเข้าเท่านั้น เพียงแต่คนตรงหน้านี้คือที่สุดของความโหดร้ายและไร้มนุษยธรรม ไหนเลยจะฟังคำอธิบายของนาย!

…………………………………………

บทที่ 110 เปิดโหมดแล้วแต่โชคชะตา

คิดถึงจุดจบของตระกูลหวาง ในที่สุดซุยเฮ่าก็รับรู้ได้ถึงความน่ากลัวอย่างยิ่ง เขาถลาเข้าไปขอร้องซือเยี่ยหานด้วยสีหน้าเหมือนความตายมาอยู่ตรงหน้าแล้ว “คุณชายเก้า! ผมผิดไปแล้ว! ผมรู้ตัวแล้วว่าผิดจริงๆ! ผมไม่ควรละเมิดข้อห้ามของคุณ! ผู้หญิง… ผู้หญิงคนนี้คุณจะจัดการยังไงก็ได้! ขอแค่ให้คุณหายโกรธพอ!”

ตอนแรกเขาเห็นผู้หญิงคนนี้คุณสมบัติดีมาก ตัวเขาเองยังเสียดายไม่อยากใช้งานเลย พอเอามาส่งเป็นเครื่องบรรณาการ ใครจะรู้ว่ากลายเป็นทำร้ายตัวเอง

ซือเยี่ยหานนี่เป็นผู้ชายแน่หรือเปล่า? เจอสาวสวยขนาดนี้กลับไม่รู้สึกรู้สาอะไร!

ผู้หญิงข้างๆ ได้ฟังคำนี้ สีหน้าก็เต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อและหมดหวัง คิดไม่ถึงว่าตัวเองจะถูกขายแบบนี้ แต่ด้วยสถานะของเธอ เวลานี้กลับพูดอะไรไม่ได้เลยสักคำ ทำได้เพียงนั่งลงร้องไห้อยู่ที่พื้นอย่างสิ้นหวัง

เวลานี้ บนโซฟา ชายหนุ่มที่กำลังใช้กระดาษทิชชูเปียกฆ่าเชื้อเช็ดหลังมือไม่หยุด จู่ๆ ก็มองไปทางประตูด้วยสายตาดุดัน

หลินเชวียมองตามสายตาซือเยี่ยหานไป ขมวดคิ้วเล็กน้อย “ใครแอบอยู่ตรงนั้น?”

เยี่ยหวั่นหวันหลังแข็งทื่อ โดนสายตาเยือกเย็นราวน้ำแข็งของซือเยี่ยหานจ้องจนตกใจถลาตัวเข้าไปข้างใน

วินาทีที่เยี่ยหวั่นหวันพุ่งเข้าไปในห้องวีไอพีนั้น เสียงร้องขอความเมตตาและเสียงร้องไห้ในห้องก็เงียบลงทันที

ซุยเฮ่านิ่งอยู่ตรงนั้น ยังอ้าปากค้างอยู่ เขาอึ้งไปหมด ผู้หญิงคนนั้นก็มีสีหน้าอึ้งเช่นเดียวกัน

เห็นแต่ผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาในห้องโดยไม่ทันตั้งตัว ผมดำสวมกระโปรงสีขาวผิวราวหิมะ ดวงตาทั้งคู่สดใสเป็นประกาย

หลินเชวียเห็นเยี่ยหวั่นหวัน สีหน้าดูไม่ดีขึ้นมาเล็กน้อย ตัวปัญหาใหญ่นี่มาได้ยังไง?

“คุณ…คุณชายเก้า…ฉันมาแล้ว” เมื่อโดนจับได้ว่าแอบดู เยี่ยหวั่นหวันจับมุมเสื้ออย่างกระอักกระอ่วน จากนั้นเดินไปทางซือเยี่ยหาน

ทุกคนมองไปทางผู้หญิงที่จู่ๆ ปรากฏตัวขึ้นด้วยสีหน้าตกตะลึง ต่างคาดเดากันถึงสถานะของเยี่ยหวั่นหวัน

ซือเยี่ยหานรังเกียจผู้หญิงไม่ใช่หรือ? ทำไมตัวเองถึงเรียกผู้หญิงมา?

พวกเขายังคิดว่าคนของซุยเฮ่าเกรดพรีเมียมแล้ว แต่เทียบกับผู้หญิงตรงหน้าคนนี้กลับไร้สีสันลงไปทันที

มองดูชายหนุ่มบนโซฟาที่ท่าทางเหมือนกำลังจะกินคน เยี่ยหวั่นหวันถอนหายใจยาว

ซวยจริงๆ ทำไมถึงได้มาเจอตอนเขาโมโหอยู่พอดี

เธอพอเข้าใจสถานการณ์แล้ว ซือเยี่ยหานรังเกียจที่ผู้หญิงมาโดนตัวถึงขีดสุด เหมือนผู้ป่วยโรคย้ำคิดย้ำทำ

ผู้ป่วยโรคย้ำคิดย้ำทำบางคนสามารถล้างมือได้ทั้งวัน ซือเยี่ยหานก็ไม่ต่างกัน โดนแตะต้องนิดเดียวเขาเช็ดมือจนผิวแตกเลือดออกได้เลย

ตอนแรกที่เพิ่งรู้ว่าซือเยี่ยหานเป็นโรคนี้ เธอยังแปลกใจ คิดอยู่ในใจว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงหรือไง ทำไมเธอถึงไม่เป็นอะไร?

ซือเยี่ยหานมองไปยังหญิงสาวที่ยืนอยู่ห่างจากเขาประมาณสามก้าว สีหน้ายิ่งเคร่งขรึมขึ้น

เห็นสีหน้าซือเยี่ยหานดูไม่ดี เยี่ยหวั่นหวันรีบสลัดความคิดทิ้งไป เดินอย่างรวดเร็วไปนั่งข้างซือเยี่ยหาน ก่อนเปิดโหมดแล้วแต่โชคชะตาจะพาไป

เธอเงยหน้าขึ้น มองไปทางสวี่อี้แล้วพูด “มียาฆ่าเชื้อไหม?”

“มีครับ” สวี่อี้ควานหยิบสเปรย์ขวดเล็กในตัวออกมายื่นส่งให้อย่างคุ้นเคย จากนั้นตามมาด้วยเสียงฉีดพ่น

หลินเชวียพูดไม่ออกขณะเหล่มองเยี่ยหวั่นหวัน “ไม่ต้องเสียเวลาแล้ว เปล่าประโยชน์ เมื่อกี้เขาพ่นไปทั้งกระป๋องแล้ว!”

เยี่ยหวั่นหวันไม่สนใจหลินเชวีย ตัวเองประคองมือซือเยี่ยหานขึ้นมา

ทุกคนเห็นเยี่ยหวั่นหวันกล้าจับมือซือเยี่ยหาน ก็ต่างมีสีหน้าตกใจกลัว แทบจะฉี่ราดแล้ว

แต่ว่า วินาทีต่อมาทุกคนกลับตื่นตะลึงเมื่อพบว่าซือเยี่ยหานแทบไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย ปล่อยให้เธอจับมืออย่างว่าง่าย?

เยี่ยหวั่นหวันไม่ได้สังเกตเห็นสายตาของคนรอบด้าน จดจ่ออยู่กับการพ่นสเปรย์เบาๆ ลงหลังมือของซือเยี่ยหาน จากนั้นใช้กระดาษทิชชูเช็ดจนสะอาด ริมฝีปากสีชมพูเคลื่อนเข้าไปใกล้ เป่าเบาๆ ตรงที่เป็นรอยบวมแดง สุดท้ายก็จุ๊บลงไปเหมือนปลอบเด็ก “ดีขึ้นหรือเปล่า?”

ลมหายใจบนหลังมือ สัมผัสที่อบอุ่นอ่อนโยน ทำให้ซือเยี่ยหานรู้สึกว่าสิ่งที่ทำให้เขาร้อนรนกระวนกระวายไปทั้งตัวกลับสงบลงในชั่วพริบตาอย่างน่าประหลาด…

หลังเงียบอยู่นาน ซือเยี่ยหานพยักหน้า “อืม”

หลินเชวียที่อยู่ข้างๆ พ่นเหล้าออกมา “เฮ้ย! คุณชายมันบ้าเห่อนี่!”

ซุยเฮ่าอึ้งงัน เจ๋งมาก! มีวิธีแบบนี้ด้วยเหรอ?

…………………………………………..