EP.09 ต้นเหล็กทมิฬอายุ 121 ปี 1

The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา

“โอ้โห ได้ตั้งสามเหรียญทอง!” ดวงตาคู่งามของฉู่เหยาเป็นประกาย สวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่านานแค่ไหนแล้วที่นางไม่ได้เห็นเหรียญทองแบบนี้!

“เหรียญทอง?” หลินมู่อวี่ตะลึงงัน

นัยน์ตาเหยี่ยวยิ้มเยาะและเอ่ยว่า “โอสถสมานแผลในตลาด ขายกันขวดละหนึ่งเหรียญเงิน แต่โอสถสมานแผลเกรดหนึ่งของเจ้าหาได้ยากยิ่ง ข้าจะให้เจ้าสิบเท่าของราคาตลาด เป็นไง ไม่พอใจงั้นหรือ”

หลินมู่อวี่ยังไม่ชินกับค่าเงินเท่าไหร่ เพราะอย่างไรเสียเขาก็เพิ่งจะมาถึงโลกนี้ ฉู่เหยาที่อยู่ข้างกายจึงกระซิบบอก “อาอวี่ พวกเรารวยแล้ว! เมื่อก่อนร้านโอสถไป่หลิงหาเงินได้แค่เดือนละสามเหรียญทอง วันนี้วันเดียวได้มาตั้งสามเหรียญทอง คืนนี้พวกเราซื้อไก่กลับไปตุ๋นกินได้แล้วล่ะ!”

สองวันมานี้อาหารการกินที่ร้านโอสถไป่หลิงไม่จัดว่าดีเท่าไหร่ หลินมู่อวี่กินแต่ข้าวต้มกับหมั่นโถวทุกวัน กิจการร้านโอสถจัดว่าย่ำแย่ แน่นอนว่าอาหารการกินก็คงไม่ดีเท่าไหร่ แต่พอฉู่เหยาพูดถึงไก่ หลินมู่อวี่ก็รู้สึกอยากกินขึ้นมาเหมือนกัน และรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแล้ว เขาหยิบเหรียญทองสามเหรียญบนโต๊ะขึ้นมา พร้อมกล่าว “ขอบคุณท่านจอมยุทธ์!” 

“ท่านจอมยุทธ์?”

นัยน์ตาเหยี่ยวอดหัวเราะไม่ได้ จับขวานศึกที่เปื้อนคราบเลือดแห้งกรังพูดขึ้น “ข้ามิใช่จอมยุทธ์หรอก ข้าเป็นแค่ทหารรับจ้างที่ฆ่าคนเพื่อเงิน!”

ระหว่างที่เอ่ย เขาก็ชี้เหยี่ยวที่เกาะอยู่บนไหล่  และพูดว่า “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดข้าถึงเสียตาข้างนี้ไป ถูกต้อง เจ้าเดรัจฉานตัวนี้มันจิกตาข้าบอด ต่อมาข้าจับเดรัจฉานตัวนี้ได้ ข้าไม่ฆ่ามัน แต่ฝึกมันจนเชื่อง ใช้มันฆ่าคนให้ข้า เด็กน้อย ข้าจะบอกอะไรให้นะ บนโลกนี้ไม่มีจอมยุทธ์อะไรหรอก มีแต่คนที่ฆ่าคนเพื่อเงินทองเท่านั้นแหละ!”

หลินมู่อวี่ขี้เกียจฟังคำพูดล้างสมองของนัยน์ตาเหยี่ยว เขาเก็บเหรียญทองแล้วกลับลงไปนั่งตามเดิม 

“หัวหน้า พวกเราไปกันเถอะ!” เหล่าทหารรับจ้างด้านหลังเร่ง

นัยน์ตาเหยี่ยวพยักหน้า แล้วหันไปมองหลินมู่อวี่อีกครั้ง ก่อนจะยกขาที่สวมรองเท้าขาดรุ่งริ่งขึ้นเหยียบบนโต๊ะแล้วถาม “เจ้าหนู ข้าจะถามเจ้าอีกครั้ง โอสถสมานแผลเหล่านี้เจ้าปรุงขึ้นมาด้วยตนเองจริงหรือ”

“ใช่” หลินมู่อวี่ตอบ

“งั้นรึ”

นัยน์ตาเหยี่ยวระเบิดเสียงตะโกนขึ้นกะทันหัน พลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ราวกับเทพสังหารลงมาประทับร่าง เขาพลิกข้อมือ สะบัดขวานศึกออกไป ยังไม่ทันโดนตัวหลินมู่อวี่ก็รู้สึกเจ็บแปลบตรงผิวหนังบริเวณลำคอ 

“ฟวั่บ” ขวานศึกของนัยน์ตาเหยี่ยวหยุดก่อนที่มันจะบั่นศีรษะของหลินมู่อวี่ เขามองเด็กหนุ่มที่เยือกเย็นตรงหน้า อดชื่นชมออกมาไม่ได้ 

“เจ้าหนู…เหมือนข้าสมัยหนุ่มๆ ไม่มีผิด หลายปีแล้วที่ข้าไม่ได้เห็นคนกล้าหาญเช่นเจ้า!”

หลินมู่อวี่เยือกเย็นที่ไหนกัน เขากลัวจนตัวแข็งอยู่กับที่ต่างหาก นัยน์ตาเหยี่ยวชักขวานกลับไปแล้ว แต่ขาเขาก็ยังขยับไม่ออกอยู่ดี

“แบบนี้ก็แล้วกัน…”

นัยน์ตาเหยี่ยวพูด “เจ้าเด็กน้อย ข้าต้องการยาชาสิบขวดและโอสถผิวศิลาอีกยี่สิบขวด แต่คุณภาพจะต้องมากกว่าเกรดสองเท่านั้น หากเจ้าปรุงออกมาได้ ข้าจะให้รางวัลเจ้าอย่างงาม ว่าอย่างไร เจ้ากล้ารับใบสั่งนี้หรือไม่”

หลินมู่อวี่ตะลึง โอสถทั้งสองขนานล้วนเป็นโอสถระดับสี่ที่เขาไม่เคยปรุงมาก่อน ตอนนี้ยังไม่แน่ใจว่าจะทำสำเร็จหรือเปล่า แต่เขาก็ตอบตกลง แล้วพูดขึ้น “จะให้ข้ารับก็ได้ แต่ว่าท่านต้องจ่ายเงินมัดจำสองในสิบก่อน”

“ตกลง!”

นัยน์ตาเหยี่ยวยกขวานศึกขึ้นพาดบ่า ยิ้มแล้วเอ่ยว่า “ราคาในท้องตลาดของยาชาตอนนี้อยู่ที่ 5 เหรียญเงิน ข้าให้เจ้ามากกว่าสิบเท่า ราคาสิบขวดก็เท่ากับ 5 เหรียญทอง โอสถผิวศิลาราคาตลาดขวดละ 10 เหรียญเงิน ราคาสิบเท่ายี่สิบขวดก็คือ 20 เหรียญทอง ทั้งหมด 25 เหรียญทอง มัดจำสองในสิบ เช่นนั้นข้าจ่ายให้เจ้า 5 เหรียญทอง รับไปสิ ว่าแต่เจ้าชื่ออะไร อยู่ร้านโอสถร้านไหน”

“หลินมู่อวี่ ร้านโอสถไป่หลิง”

“หืม ไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่ไม่เป็นไร พรุ่งนี้เวลานี้นำโอสถมาให้ข้าได้หรือไม่”

“ได้”

นัยน์ตาเหยี่ยวก้มมองหลินมู่อวี่ แสยะยิ้ม “หากวันพรุ่งเวลานี้ ข้ามิได้โอสถระดับสองสามสิบขวดที่ข้าต้องการ ข้าจะบั่นหัวเจ้าซะ ข้านัยน์ตาเหยี่ยวพูดคำไหนคำนั้น!”

หลินมู่อวี่พยักหน้าและพูดเนิบๆ “ข้ารู้แล้ว”

ราวกับว่าหัวที่จะหลุดจากบ่าไม่ใช่หัวตัวเอง

มองส่งนัยน์ตาเหยี่ยวและทหารรับจ้างเดินจากไป คนจากร้านโอสถเสินอวี่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด หลี่ฉินในชุดผ้าไหมก้าวออกมาข้างหน้า มองหลินมู่อวี่ แล้วหัวเราะเยาะ “ไอ้เด็กบ้าจากไหนกัน ถึงได้รนหาที่ตายขนาดนี้! เจ้ามิรู้รึว่านัยน์ตาสังหารผู้คนไปเท่าไหร่แล้ว ตอนนี้เจ้ารับเงินเขามา ข้าจะดูซิว่าเจ้าจะไปหาโอสถระดับสี่เกรดสองขึ้นไปมาจากไหน เว้นเสียเจ้าจะเป็นราชาโอสถ มิเช่นนั้นเจ้าไม่มีทางปรุงโอสถระดับสี่ได้หรอก รอรับความตายของเจ้าพรุ่งนี้เสียเถิด!”

เหล่าเด็กหนุ่มแห่งร้านโอสถเสินอวี่ด้านหลังหลี่ฉินพากันหัวเราะเยาะและล้อเลียนร้านโอสถไป่หลิง

หลินมู่อวี่มิได้ต่อปากต่อคำด้วย แต่กลับหันไปเก็บโอสถสมานแผลที่ขายไม่หมด แล้วพูดกับฉู่เหยา “พี่ฉู่เหยา พวกเราเก็บแผงแล้วกลับกันเถอะ”

“เอ๋? ได้สิ…” ฉู่เหยาไม่ปฏิเสธ

หวังหยิ่งและหลัวไคยังตกตะลึงอยู่ จนกระทั่งเงาของหลินมู่อวี่และฉู่เหยาหายเข้าไปในตรอกถึงได้สติกลับคืนมา 

ทว่าหลินมู่อวี่มิได้กลับทันที แต่พาฉู่เหยาแวะร้านขายสมุนไพรแถวนั้น ฉู่เหยาดูกระวนกระวายใจ “อาอวี่ ข้าไม่รู้ว่าเจ้าซ่อนฝีมือการปรุงโอสถไว้เพียงใดกันแน่ แต่…โอสถระดับสี่เกรดสอง ไม่มีทางปรุงได้ง่ายเหมือนโอสถระดับหนึ่ง จะ…เจ้าทำแบบนี้ไม่เพียงทำร้ายตัวเอง แต่ยังทำให้ร้านโอสถไป่หลิงเดือดร้อนไปด้วย นัยน์ตาเหยี่ยวเป็นทหารรับจ้างที่ฆ่าคนโดยไม่กะพริบตาเชียวนะ!”

“พี่ฉู่เหยา ท่านช่วยข้าถือกล่องโอสถก็แล้วกัน!”

หลินมู่อวี่มิได้ตอบคำถาม แต่กลับส่งกล่องโอสถให้ฉู่เหยา เขาล้วงเหรียญทองสิบเหรียญออกมา แล้วเดินไปในร้านขายสมุนไพร เถ้าแก่เดินออกมา พอเห็นเป็นหนุ่มสาวคู่หนึ่ง จึงไม่ค่อยใส่ใจ “พวกเจ้าต้องการซื้ออะไรรึ”

“เถ้าแก่ ดอกอสรพิษปีศาจหนึ่งชั่ง”

“หืม? ดอกอสรพิษปีศาจ?” เถ้าแก่ตกใจมองชายหนุ่มเบื้องหน้าทันที “นั่นมันสมุนไพรระดับสี่เชียวนะ เจ้าจะเอาไปทำอะไรหรือ”

“ข้ามาซื้อตามคำสั่งของท่านอาจารย์”

“อ้อ เป็นเช่นนี้นี่เอง…”

ฉู่เหยาที่อยู่ข้างเขา นับถือในความเฉลียวฉลาดของหลินมู่อวี่อยู่เงียบๆ ถ้าโผงผางเกินไปอาจไม่เป็นการดี เพราะอย่างไรเสียปรมาจารย์โอสถในเมืองหยินซานก็มีไม่มาก ผู้ที่สามารถปรุงโอสถระดับสี่ได้ก็ไม่ถือว่าเยอะมาก แถมทั้งคู่ก็ดูเด็กเกินไปอีกด้วย