ดอกอสรพิษปีศาจหนึ่งชั่งมีราคาหนึ่งเหรียญทอง จากนั้นหลินมู่อวี่เดินต่อเข้าไปห้องเก็บยาในร้านสมุนไพร เขามองสมุนไพรมากมายที่รายล้อมรอบตัว สายตาของเขาไปหยุดอยู่ที่ต้นไม้ขนาดใหญ่สีดำสูงราวสองเมตร และเต็มไปด้วยหนามแหลม
“เจ้ารู้จักต้นนี่ด้วยรึ” เถ้าแก่มองหนุ่มสาวคู่นี้ด้วยสายตาขบขัน
หลินมู่อวี่ยิ้มมุมปาก “ต้นเหล็กทมิฬอายุหนึ่งร้อยยี่สิบเอ็ดปี”
“อะไรนะ?” เถ้าแก่ตื่นตะลึง พร้อมจ้องหลินมู่อวี่ตาค้าง “จะ… เจ้ารู้จักต้นเหล็กทมิฬก็ช่างเถอะ แต่เจ้ารู้อายุของมันได้อย่างไร”
หลินมู่อวี่ชี้ไปที่หนามบนต้นเหล็กทมิฬเหล่านั้น แล้วเอ่ย “ต้นเหล็กทมิฬจะมีหนามงอกใหม่ปีละอัน ต้นนี้มีหนามทั้งหมดหนึ่งร้อยยี่สิบเอ็ดอัน ฉะนั้นต้นไม้นี่จึงมีอายุหนึ่งร้อยยี่สิบเอ็ดปี ถูกหรือไม่”
เถ้าแก่หัวเราะ “ ถึงอย่างนั้น ก็ไม่เป็นไร แต่ต้นไม้นี้เจ้าคงไม่มีปัญญาซื้อ ข้าใช้เงินกองเท่าภูเขาซื้อมันมาเชียวนะ”
“เจ็ดเหรียญทอง ข้าขอซื้อ” หลินมู่อวี่เอ่ยเสียงเรียบ
เถ้าแก่ตะลึงไปอีกครา เด็กหนุ่มตรงหน้ามีเงินถึงเจ็ดเหรียญทองจริงหรือนี่ ด้วยสภาพซอมซ่อของเขา จ่ายได้เจ็ดเหรียญทองแดงก็ถือว่าบุญแล้ว สถาพไม่ต่างอะไรจากขอทาน
“ว่าไง ไม่ขายรึ” หลินมู่อวี่ถามด้วยรอยยิ้ม “ข้ารู้ว่าต้นเหล็กทมิฬจะขึ้นตามผาหินเท่านั้น ลำต้นของมันแข็งแกร่งยิ่งกว่าเหล็ก รากชอนไชลึกเข้าไปในชั้นหินเพื่อดูดซับน้ำฝนและแร่ธาตุ ถ้าอยากจะถอนต้นเหล็กดำนั้น จะต้องแซะหินที่อยู่รอบหน้าผาออกมาด้วย แต่ถึงอย่างนั้น ต้นเหล็กทมิฬก็ขายได้แค่เจ็ดเหรียญทอง”
ดวงตาของเถ้าแก่หรี่ลง มองเด็กหนุ่มด้วยความสนใจ พูดขึ้น “ลำต้นของต้นเหล็กทมิฬแข็งดั่งเหล็ก แข็งยิ่งกว่าดอกสาลี่เหล็ก นักปรุงโอสถที่ระดับต่ำกว่าปราชญ์โอสถไม่มีทางสกัดแก่นโอสถออกมาได้อย่างแน่นอน เจ้าหนุ่ม เจ้าเป็นศิษย์ของผู้ใด ถึงคิดจะมาซื้อต้นเหล็กทมิฬ”
“เรื่องนี้มิใช่ธุระอะไรของท่าน จะขายหรือไม่ขาย”
“ขายสิ เงินมาอยู่ตรงหน้าจะไม่รับได้ยังไง!”
เถ้าแก่ตกลงขายต้นเหล็กทมิฬโดยไม่ต้องคิดซ้ำสอง ต้นเหล็กทมิฬเป็นสมุนไพรระดับสี่ และเป็นส่วนผสมหลักในการปรุงโอสถผิวศิลา หลินมู่อวี่ไม่รู้ว่าเจ้าเด็กหนุ่มนามหลี่ฉินผู้นั้นสกัดแก่นโอสถจากต้นเหล็กทมิฬด้วยวิธีใด แต่ด้วยความสามารถเท่านั้น ต้องมียอดฝีมือในตระกูลคอยช่วยเหลืออยู่เป็นแน่
การสกัดแก่นโอสถจากต้นเหล็กทมิฬยากกว่าดอกสาลี่เหล็กกว่าสิบเท่า ต้นเหล็กทมิฬอายุหนึ่งร้อยยี่สิบเอ็ดปี หมายถึงเปลือกเหล็กหนึ่งร้อยยี่สิบเอ็ดชั้น จำเป็นต้องลอกให้หมดทุกชั้น ซึ่งต้องใช้ฝ่ามือพิสุทธิ์มาช่วยแก้ปัญหา
หลังจากนั้น เขาซื้อเห็ดหูหนูสีดำ ซึ่งเป็นสมุนไพรระดับสี่เช่นกัน เห็ดชนิดนี้มีชื่อว่าเห็ดหูนางแอ่น เป็นอีกหนึ่งส่วนผสมที่สำคัญในการปรุงโอสถผิวศิลา
ฉู่เหยามองหลินมู่อวี่ที่กำลังยุ่งวุ่นวายอยู่ พริบตาเดียวก็แทบจะใช้หมดสิบเหรียญทอง อย่างไรก็ดี แม้นางจะเสียดาย แต่กลับมิได้ห้ามปราม เพราะนางรู้สึกได้ว่าหลินมู่อวี่กำลังทำการใหญ่
หลังจากกลับมาถึงร้านโอสถไป่หลิงแล้ว หลินมู่อวี่ก็ไม่ได้ออกไปอีก เขามัดต้นเหล็กทมิฬไว้กับคานไม้ และยืนอยู่หน้าต้นไม้ที่แข็งแกร่งต้นนี้ เขาแบมือทั้งสองข้างออก แขนทั้งสองข้างปรากฏเส้นปราณสีคราม นี่คือฝ่ามือพิสุทธิ์
การลอกเปลือกทั้งหนึ่งร้อยยี่สิบเอ็ดชั้นของต้นเหล็กทมิฬนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่หลินมู่อวี่จำเป็นต้องทำ เพราะเขารู้ว่าต้องเป็นต้นเหล็กทมิฬที่อายุมากกว่าร้อยปีเท่านั้นถึงจะปรุงโอสถผิวศิลาเกรดสองขึ้นไปได้ มิเช่นนั้นก็มีแต่จะพบความล้มเหลว ส่วนโอสถผิวศิลาของหลี่ฉินแค่เกรดเก้า แสดงว่าต้นเหล็กทมิฬที่หลี่ฉินใช้คงมีอายุแค่ไม่กี่ปี
จนกระทั่งถึงกลางคืน เปลือกต้นเหล็กดำทั้งหมดหนึ่งร้อยยี่สิบเอ็ดชั้นถูกลอกออกไปสี่สิบเจ็ดชั้นแล้ว เหงื่อผุดเต็มหน้าผากของหลินมู่อวี่ ร่างชุ่มไปด้วยเหงื่อ พลังปราณถูกดึงออกจากร่างไม่หยุด จนเขาอ่อนแรงแทบจะล้มทั้งยืน แต่จะประมาทไม่ได้ การลอกเปลือกด้วยฝ่ามือพิสุทธิ์คือการขยายรอยเส้นของเนื้อไม้ ไม่ใช่ลอกเปลือกไม้ออกมาจริงๆ หากหลินมู่อวี่หยุดมือแม้แต่นิดเดียว ที่ทำมาทั้งหมดจะต้องล้มเหลวอย่างแน่นอน
“ก๊อก ก๊อก”
เสียงฉู่เหยาดังขึ้นจากด้านนอกประตู “อาอวี่ ข้าเอาอาหารมาให้เจ้า!”
กลิ่นหอมจางๆ ลอยมาเตะจมูก นั่นไก่ตุ๋นเห็ด คืนนี้เพิ่มอาหารจริงด้วยแฮะ ทว่าหลินมู่อวี่ไม่ได้หยุดมือ เพียงแค่ตอบกลับไปว่า “พี่ฉู่เหยา ท่านกินก่อนเถอะ ข้าจำต้องทำให้เสร็จก่อน ถึงจะกินได้”
“งั้นข้ารอเจ้า!”
ฉู่เหยาดื้อรั้นยืนรออยู่ข้างๆ เป็นเพื่อนหลินมู่อวี่
จนกระทั่งถึงกลางดึก ในที่สุด เปลือกชั้นสุดท้ายของต้นเหล็กทมิฬก็ถูกแยกออกสำเร็จ ลำต้นของต้นเหล็กทมิฬมีรอยร้าวเกิดขึ้น แสงอ่อนจางเปล่งออกมา ถึงแม้หลินมู่อวี่กำลังจะล้มทั้งยืน แต่กลับสูดลมหายใจเข้าเต็มทรวงอกและเพิ่มพลังให้กับฝ่ามือพิสุทธิ์ ในที่สุด ต้นเหล็กทมิฬทั้งต้นก็เริ่มสั่น จากนั้นเหล่าแก่นโอสถเม็ดเล็กจำนวนมากก็ลอยออกมา
“เอ๋? พวกมันจะลอยหนีไปแล้ว ทำไงดีล่ะ” ฉู่เหยามองขึ้นฟ้า ทั้งตื่นเต้นและวิตก
หลินมู่อวี่ยิ้มออกมา “ไม่เป็นไร ไปไหนไม่ได้หรอก”
พูดเสร็จก็เปิดฝาถังน้ำข้างตัวที่ด้านในบรรจุเห็ดหูนางแอ่นอยู่เต็ม ทันทีที่เขาเปิดฝา แก่นโอสถของต้นเหล็กทมิฬที่ลอยอยู่ในห้องนั้นก็เหมือนถูกดูดให้เข้าไปในถัง และแทรกซึมเข้าไปในเห็ดหูนางแอ่นนั้น!
นี่ก็คือความลับในการปรุงโอสถผิวศิลา เห็ดหูนางแอ่นที่ชุ่มน้ำจะสร้างแรงดูดที่มองไม่เห็น และแก่นโอสถของต้นเหล็กทมิฬกับหูนางแอ่นเดิมทีมีแรงดึงดูดกันและกัน หลังจากผสมเข้าด้วยกัน และเกิดการหมักแล้วจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันของโอสถผิวศิลาให้ดีขึ้น
“สำเร็จแล้ว!”
หลินมู่อวี่ยิ้มและเอ่ยว่า “พี่ฉู่เหยา ท่านนำเห็ดหูนางแอ่นพวกนี้ไปบดให้เป็นผง จากนั้นนำไปละลายน้ำ ก็จะได้เป็นโอสถผิวศิลา!”
“ได้!”
ฉู่เหยาตื่นเต้นเป็นที่สุดเบิกบานราวกับตนเองเป็นผู้ปรุงโอสถผิวศิลาได้สำเร็จ