เมื่อคำพูดนี้ออกมาจากปาก อากาศก็แทบจะเกิดการควบแน่น
จากนั้นเพียงชั่วพริบตาเดียว ฉู่หลิวเยว่ก็หันกลับมาแล้วถามด้วยความแปลกใจ
“ท่านพ่อ พูดอะไรหรือเจ้าคะ”
ท่าทางมึนงงของนาง ทำให้อดสงสัยไม่ได้จริงๆ
แต่ทว่า…
ฉู่หนิงสับสนในใจอย่างหนัก ในหัวคิดวนเวียนถึงเรื่องราวที่ผ่านมาสองวันนี้อยู่ตลอดเวลา
ตั้งแต่วันก่อนที่เยว่เอ๋อร์ออกไปซื้อของข้างนอกแล้วหายตัวไป และกลับมาเวลาดึกดื่น ดูเหมือนทุกอย่างจะเปลี่ยนไปราวฟ้ากับเหว
เยว่เอ๋อร์คนขี้ขลาดอ่อนแอเฉกเช่นเมื่อก่อนหายไปแล้ว แต่ตอนนี้กลับได้หญิงสาวสงบเยือกเย็นคนหนึ่งมาแทน
ก่อนหน้านี้ยามที่นางกำลังเผชิญหน้ากับผู้อาวุโสและฉู่เซียนหมิ่น เขายังคิดอยู่เลยว่านางจะทนรับการถูกรังแกไม่ไหว ทว่าเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น กลับช่างห่างไกลจากที่เขาคาดคิดไปมาก
“เมื่อก่อนเยว่เอ๋อร์เห็นฉู่เซียนหมิ่นเป็นพี่น้องมาโดยตลอด และก็เชื่อใจนางมาก แต่ทำไมวันนี้เจ้าถึงทำกับนางแบบนั้น ที่ผ่านมาเยว่เอ๋อร์เป็นคนเจียมตัว ไม่กล้าแม้กระทั่งพูดเสียงดัง ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะตัดแขนคนขาดด้วยน้ำมือตัวเอง…ยังมียาสมุนไพรที่ส่งมาจากเจินเป่าเก๋อพวกนั้นอีก พ่อไม่เคยให้เงินเจ้าสักตำลึงเดียว แล้วเจ้าซื้อมันมาได้อย่างไร”
ฉู่หนิงยิ่งพูดก็ยิ่งเกิดความว่างเปล่าขึ้นในใจ แม้กระทั่งน้ำเสียงยังมีความสั่นเครือเล็กน้อย
ก่อนหน้านี้เขาก็แค่รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่ตอนนี้เมื่อลองได้ไตร่ตรองอย่างละเอียดถี่ถ้วน กลับพบข้อผิดสังเกตจนเห็นได้ชัด
ฉู่หลิวเยว่รอเขาพูดจนจบอย่างเงียบๆ จากนั้นจึงเอ่ยเสียงแผ่วเบา
“ยังมีอีกหรือไม่ นอกจากเรื่องพวกนี้แล้ว ท่านยังมีข้อสงสัยอื่นอีกหรือไม่”
ฉู่หนิงส่ายศีรษะ
“ข้ารู้ สองวันนี้ข้าดูเหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคนจริงๆ แต่นั่นก็เพราะข้ามีเหตุผล คนอื่นข้าไม่สนใจ แต่ท่านพ่อกลับแอบสงสัยข้า เยว่เอ๋อร์จะอธิบายให้ท่านพ่อเข้าใจแน่นอนเจ้าค่ะ”
ฉู่หลิวเยว่กุมมือเขาอย่างอ่อนโยนและมั่นคง
“ท่านพ่อเข้ามาก่อน ข้าจะอธิบายให้ท่านฟังอย่างละเอียด”
ฉู่หนิงเดินตามนางเข้าไปโดยไม่รู้ตัว
รอจนกระทั่งฉู่หนิงเข้ามานั่งเรียบร้อยแล้วนางจึงปิดประตูแนบสนิท จากนั้นตรวจดูยาที่กำลังเคี่ยวกรำครู่หนึ่ง ก่อนจะนำยาตัวใหม่อีกสองตัวใส่ลงไป
ฉู่หนิงมองทุกการกระทำของนาง ก็ยิ่งเกิดการคาดเดาในใจมากขึ้น
เมื่อก่อนเยว่เอ๋อร์ทำเรื่องพวกนี้เป็นด้วยหรือ
เกรงว่า…
“ท่านพ่อคงพอจะเดาออกแล้ว วันก่อนที่ข้ากลับมาช้า แท้จริงแล้วเกิดเรื่องนิดหน่อย…ฉู่เซียนหมิ่นส่งคนมาฆ่าเยว่เอ๋อร์เจ้าค่ะ”
เมื่อฉู่หลิวเยว่เปิดปากถึงเรื่องนี้ จากที่ฉู่หนิงกำลังนั่งอยู่เขาก็ลุกพรวดพราดขึ้นมาทันที
“อะไรนะ!”
เขาเคยคาดเดาถึงเรื่องนี้อยู่บ้าง แต่คิดไม่ถึงว่าฉู่เซียนหมิ่นจะใจไม้ไส้ระกำถึงเพียงนี้ นี่มันฆาตกรชัดๆ!
ฉู่หลิวเยว่มองหน้าเขาแล้วพยักหน้าให้อย่างจริงจัง แล้วเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนั้นให้ฟังอย่างละเอียด
แน่นอนว่านางปกปิดความจริงว่าร่างเดิมนั้นตายไปแล้วนางเป็นคนที่เข้ามาแทนที่อย่างชาญฉลาด
นางมีความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมอยู่ ดังนั้นความจริงและความเท็จจึงปะปนกันโดยไม่มีจุดบกพร่องเลยสักนิด
เมื่อฉู่หนิงได้ยินดังนั้น เรื่องราวก็จะกลับกลายเป็นว่าฉู่เซียนหมิ่นฆ่าเยว่เอ๋อร์เพื่อผลประโยชน์ของตนเอง
“ดังนั้น ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เยว่เอ๋อร์จึงได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของนาง ทั้งยังเข้าใจถ่องแท้ หากยอมกล้ำกลืนฝืนทนต่อไปก็ไม่มีวันได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขแน่ มีเพียงเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นผู้ที่เข้มแข็งถึงจะได้ไม่ถูกผู้อื่นรังแก!”
ฉู่หนิงเงียบไปนานเพราะพูดอะไรไม่ออก
ก็ใช่น่ะสิ!
ทำไมเขาจะไม่รู้ความจริงข้อนี้
เพียงแต่ตอนนี้เขาแก่ชรามีโรคประจำตัว มิอาจฝึกยุทธ์ต่อไปได้ แล้วเขาจะมีปัญญาไปทำอะไรได้อีกเล่า
“เป็นพ่อเองที่ไม่เอาไหน…”
เขาก้มหน้าก้มตาแล้วพึมพำเสียงแผ่ว
ฉู่หลิวเยว่ส่ายหน้าพร้อมกับพูดว่า
“ท่านพ่อ ข้ายังจำคราวก่อนที่ข้าไปร่วมงานเลี้ยงวันเกิดองค์ชายรัชทายาทได้ สุดท้ายก็ถูกทุกคนรังแกจนต้องร้องไห้กลับบ้าน ท่านพ่อขอเข้าเฝ้าฝ่าบาทเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้คนพวกนั้นมาขอโทษเยว่เอ๋อร์ หากไม่มีท่านพ่อ ก็มิรู้ว่าเยว่เอ๋อร์จะถูกรังแกกลั่นแกล้งไปถึงเมื่อไหร่”
สถานะของฉู่หนิงตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อน การทำเช่นนี้ยากเพียงไรแค่คิดก็พอจะรู้แล้ว
ถึงแม้การกระทำของคนเหล่านั้นจะไร้สาระมากแค่ไหน แต่นี่เป็นข้อพิสูจน์เพียงพอแล้วว่าฉู่หนิงสามารถทำทุกอย่างเพื่อบุตรสาวของตนเองได้
ฉู่หนิงสั่นเทาไปทั้งร่าง เขาค่อยๆ เงยหน้าขึ้น ดูเหมือนกำลังรู้สึกไม่อยากเชื่อ
ฉู่หลิวเยว่ให้ความเชื่อมั่นกับเขาเป็นครั้งสุดท้าย
“ตอนนั้นท่านพ่อเคยบอกกับเยว่เอ๋อร์ว่า ไม่ว่าก่อนหน้านี้หรือต่อไปในอนาคต หากเยว่เอ๋อร์ได้รับความไม่ยุติธรรมเมื่อไหร่ ท่านพ่อจะเป็นคนที่ปกป้องเยว่เอ๋อร์ให้ถึงที่สุด ใช่หรือไม่เจ้าคะ”
ฉู่หนิงขอบตาแดงก่ำ
เพราะประโยคนี้เขาบอกเพียงแค่เยว่เอ๋อร์คนเดียวในตอนนั้น
น้ำเสียงของเขาเจือสะอื้นเล็กน้อย
“เยว่เอ๋อร์…เยว่เอ๋อร์ของพ่อ!”
คนที่อยู่ตรงหน้าเขา ยังคงเป็นเยว่เอ๋อร์บุตรสาวของเขา!
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกแสบปลายจมูก
บิดาคนหนึ่งที่สูญเสียบุตรสาวอันเป็นที่รักไป จะรู้สึกอย่างไร
ตอนนั้นหลังจากนางจากโลกนี้ไป ไม่รู้ว่าเสด็จพ่อ…
เมื่อฉู่หลิวเยว่มองฉู่หนิง นางก็มักจะคิดถึงเสด็จพ่ออยู่เสมอ
ในเมื่อตอนนี้นางมีชีวิตอยู่ในคราบฉู่หลิวเยว่ แน่นอนว่านางจะต้องปฏิบัติต่อฉู่หนิงเป็นอย่างดี จะไม่ยอมให้บนโลกใบนี้มีบิดาที่ต้องตรอมใจอีกแล้ว
ความคิดทัศนคติของนางกับเจ้าของร่างเดิมแตกต่างอย่างยิ่ง ตอนนี้พูดคุยให้เข้าใจกันก่อน คราวหน้าจะทำเรื่องสะดวกขึ้น
เมื่อประสบพบเจอวิกฤตเกี่ยวกับความเป็นความตายเช่นนี้ นิสัยเปลี่ยนไปก็ไม่ใช่เรื่องแปลกมิใช่หรือ
ทันใดนั้น ฉู่หนิงก็กำหมัดแน่นและกัดฟัน
“ฉู่เซียนหมิ่นทำเกินไปจริงๆ จะต้องหาทางให้นางชดใช้ด้วยเลือดให้ได้!”
ดวงตาของฉู่หนิงเป็นประกายวูบไหว ก่อนจะเอ่ยโน้มน้าว
“ท่านพ่อ ที่นางทำคราวนี้ถือเป็นการช่วยข้า เพราะข้าได้บังเอิญไปเจอตำราแพทย์เล่มหนึ่งในป่า”
ฉู่หนิงตกตะลึง
“ตำราแพทย์ ลูกอ่านรู้เรื่องหรือ”
ต้องรู้ก่อนว่าตำราแพทย์นั้นยากแสนยาก มักจะซับซ้อนเข้าใจยาก คนธรรมดาไม่มีทางเรียนรู้ด้วยตนเองได้
แม้จะมีอาจารย์เฉพาะทางคอยชี้แนะสั่งสอน ก็ไม่แน่ว่าจะเข้าใจอย่างถ่องแท้
แต่เยว่เอ๋อร์กลับ…
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้า
“ตอนนี้ข้าพออ่านเข้าใจบ้างนิดหน่อย ข้าแค่อยากลองทำตามวิธีที่เขียนไว้ในนี้ เพราะดูเหมือนจะง่ายอยู่นะเจ้าคะ”
ฉู่หลิวเยว่โกหกคำโตโดยไม่กะพริบตาเลยสักนิด
ในความเป็นจริง ตำราแพทย์ส่วนใหญ่สำหรับนางแล้วช่างง่ายเสียยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปาก
ฉู่หนิงเหลือบมองยาที่กำลังต้มอยู่นั้น อยู่ๆ ก็ลุกขึ้นรีบเข้าไปดู
ส่วนผสมน้ำยาต้มมีสีบริสุทธิ์และมีกลิ่นหอมเข้มข้นและสะอาดใส
แม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจ แต่ก็พอมีความรู้อยู่บ้าง และการทำยาต้มให้สมบูรณ์แบบไม่ใช่เรื่องง่าย
ทั้งลำดับการใส่ตัวยา ปริมาณที่ใช้ และวิธีการกรองสิ่งตกค้าง…
ทุกขั้นตอนต่างมีความสำคัญเท่ากันหมด
เยว่เอ๋อร์เพิ่งลองทำครั้งแรก ก็สามารถต้มยาเช่นนี้ออกมาได้อย่างสบายๆ…
ทันใดนั้นก็มีความคิดหนึ่งผุดขึ้นในใจและทำให้เขาตื่นเต้น!
ดูเหมือนเขาจะมองฉู่หลิวเยว่ด้วยความกดดันเล็กน้อย
“เยว่เอ๋อร์ ลูกเพิ่งลองทำเองครั้งแรกจริงๆ หรือ”
ฉู่หลิวเยว่กะพริบตาปริบๆ
“ใช่สิเจ้าคะ ทำไมหรือท่านพ่อ หรือว่า…มีอะไรผิดพลาด”
ผิดพลาดแน่นอน!
นี่มันน่าเหลือเชื่อจริงๆ!
นี่มันหมายความว่า…มีความเป็นไปได้ว่าเยว่เอ๋อร์อาจมีคุณสมบัติที่จะเป็นหมอเทวดา!
แม้ชีพจรของนางจะติดขัดไม่สามารถฝึกยุทธ์ได้ แต่ถ้าหากสามารถเป็นหมอเทวดาได้ล่ะก็…ไม่สิ ถ้าหากขอแค่มีพรสวรรค์เพียงน้อยนิดเท่านั้น ชะตากรรมของนางก็จะพลิกผันไปโดยสิ้นเชิง!
ฉู่หนิงตื่นเต้นดีใจเป็นอย่างยิ่งราวกับว่าเขาได้ผุดจากนรกขึ้นสู่สรวงสวรรค์ก็มิปาน
ถ้าหากนี่เป็นเรื่องจริง ต่อไปนี้ก็จะไม่มีใครกล้ามารังแกเยว่เอ๋อร์อีกแล้ว!
“เยว่เอ๋อร์ พรุ่งนี้เจ้าตามพ่อไปกราบไหว้คนผู้หนึ่ง”
ในแคว้นเย่าเฉินมีหมอเทวดาแทบจะนับคนได้ เขาพอจะเคยมีปฏิสัมพันธ์กับหมอคนหนึ่งในนั้นมาบ้าง มิสู้ให้หมอคนนั้นดูเยว่เอ๋อร์ว่ามีศักยภาพด้านนี้จริงหรือไม่
ฉู่หลิงเยว่รู้ดีว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ นางไตร่ตรองครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้น
“ท่านพ่อ มิสู้ให้ค่อยเป็นค่อยไปไม่ดีกว่าหรือเจ้าคะ ตอนนี้จะดูเป็นการหลงตัวเองเกินไป”
ฉู่หนิงชะงัก เหตุผลนี้มันก็จริงอยู่
หากตอนนี้ไป เดี๋ยวก็มีคนเข้ามาก่อเรื่องเดือดร้อนให้อีก
“เช่นนั้นรอสักระยะหนึ่งดีกว่า”
ดีเหมือนกัน เขาจะดูว่ายาที่เยว่เอ๋อร์ลองต้มจะได้ผลจริงๆ หรือไม่
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เขาก็สงบจิตสงบใจลงมามากแล้ว
“จริงสิ เยว่เอ๋อร์ วันนั้นลูกหนีออกมาจากคนพวกนั้นได้อย่างไร”
ฉู่หลิวเยว่ชะงักค้าง
นางไม่พูดไม่ได้ เพราะพลังในอดีตชาติแข็งแกร่งมาก ดังนั้นต่อให้ไม่มีพลังดั้งเดิมอยู่ ผู้ฝึกยุทธ์สามพวกนั้นก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนางตั้งแต่แรก
นางกลอกตา ทันใดนั้นชายหนุ่มร่างสูงคนหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในใจของนาง
ทรวดทรงองค์เอวโค้งได้รูปที่ให้เห็นเพียงวับๆ แวมๆ เกิดเป็นภาพเรียบง่ายที่ชวนให้คนหลงใหล
นางเปิดหีบหยกใบหนึ่ง และดูเหมือนจะพูดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ
“อ๋อ วันนั้นข้าเจอองค์ชายเจ็ดพอดี เขาก็เลยมาช่วยข้า”
ฉู่หนิงนิ่งค้าง
“องค์ชายเจ็ดหรือ พระองค์ฟื้นฟูร่างกายที่เขาหมิงเยว่เทียนมิใช่หรือ แล้วกลับมาเมืองหลวงตั้งแต่เมื่อไหร่”
ฉู่หลิวเยว่แข็งทื่อไปทั้งร่าง