ตอนที่ 20 ร่างแปลงของปีศาจ
อย่างไรก็ตามรังสีอำมหิตที่มีต่อเธอนั้น คนโง่ก็ล้วนสามารถรู้สึกถึงได้ จึงทำให้เธออกสั่นขวัญแขวน
เธออยากหนีไป ทว่าขาทั้งสองข้างกลับคล้ายหยั่งรากลึกลงบนดินจนขยับไม่ได้ ทำได้เพียงเอ่ยอย่างตะกุกตะกักขึ้นว่า
“นี้ นี้ ท่าน ท่านอ๋อง เมื่อครู่กระหม่อมไม่ได้ ตั้งใจขอรับ”
“ไม่ได้ตั้งใจหรือ? เรื่องที่เจ้าไม่ได้ตั้งใจทำ ช่างมีมากมายเสียจริง”
ชายหนุ่มเหยียดยิ้มออกมา พร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เนิบนาบเย้ายวนแสนไพเราะ ทว่ากลับไม่มีความเย็นชาเลยแม้แต่นิดเดียว
“เออ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เล่อเหยาเหยามีใบหน้าคล้ายอึดอัดใจ และเข้าใจว่าสิ่งที่เหลิ่งจวิ้นอวี๋หมายถึงคือเรื่องที่เธอกัดเขาเมื่อเช้านี้
แต่เธอไม่ได้ตั้งใจจริงๆ
ตอนเช้าที่เธอกัดเขา เป็นเพราะจู่ๆ เขาก็จุมพิตเธอ
ตอนนี้ที่เธอตบเขา ก็ไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการทำ
ทว่าตอนนี้เมื่อได้ฟังน้ำเสียงของชายผู้นี้คล้ายไม่คิดปล่อยเธอไป หรือว่าเธอจะรักษาศีรษะตนเองเอาไว้ไม่ได้แล้ว!?
ในใจจึงตกตะลึง ภายในหัวของเล่อเหยาเหยาพรั่งพรูภาพเหตุการณ์ในตอนเช้าที่ชายผู้นี้ใช้มือเปล่าเป็นอาวุธสังหารผู้ที่เข้ามาลอบสังหารสิบกว่าคนด้วยกลวิธีที่แตกต่างกันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
ศพกลาดเกลื่อนเต็มพื้น เลือดไหลนองทั่วพื้น เสียงกรีดร้องดังลั่นบนพื้น
และเขาชายตรงหน้านี้ก็เหมือนเครื่องเกี่ยวข้าวที่เก็บเกี่ยวชีวิตของผู้คนไม่หยุด
กลิ่นอายเข่นฆ่าและน่าเกรงขามทั่วร่างนั้น ช่างเหมือนกับอสุรกายที่ผุดขึ้นมาจากนรกขุมที่สิบแปด!
เมื่อคิดดูแล้ว เล่อเหยาเหยาจึงมีสายตาที่ตกตะลึงอย่างมาก
ชายผู้นี้อันตราย สังหารคนโดยไม่กระพริบตา หรือว่าตอนนี้เขาต้องการจะสังหารเธอจริงๆ?
แล้วเขาจะสังหารเธอด้วยวิธีการเช่นไร!?
แต่ไม่ว่าแบบไหน เธอล้วนไม่ต้องการทั้งนั้น!
เพราะเธอไม่ได้อยากตายจริงๆ ยิ่งคิดเล่อเหยาเหยายิ่งหวาดกลัว นัยน์ตาที่ตกตะลึงของเธอพลันพร่ามันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
หยดน้ำตาอันแวววาวไหลบ่าออกมาจากดวงตากลมโตคู่นั้นของเธอไม่หยุด มองดูแล้วเหมือนน้ำค้างบนกิ่งก้านต้นไม้ในฤดูใบไม้ผลิที่งดงามอ่อนหวานจนหาที่สุดมิได้
เมื่อเห็นน้ำตาในดวงตาของเล่อเหยาเหยา เหลิ่งจวิ้นอวี๋ที่มีกลิ่นอายที่เย็นชาทั่วร่างและสายตาที่แฝงด้วยสังหารจึงอดที่จะขมวดคิ้วเล็กน้อยไม่ได้
เพราะตอนที่เขาเห็นท่าทางอันน่าสงสารของขันทีน้อยตรงหน้า ใจพลันกระตุกขึ้นมาอย่างรุนแรงโดยที่หาสาเหตุมิได้
ความรู้สึกเช่นนี้แปลกประหลาดอย่างมาก ทว่าไม่ใช่สิ่งที่เขาชื่นชอบ
มันคล้ายเขากำลังรังแกผู้อื่นอยู่ หรือว่าเขาน่ากลัวเช่นนั้นจริง!?
ถึงแม้เขาจะรู้ว่าในสายตาของผู้คนบนโลก เขาเหมือนร่างจำแลงของเซียนและปีศาจ ทุกคนล้วนเกรงกลัวและหวาดกลัวเขา ซึ่งตัวเขาชินชาเสียแล้ว
แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด เขาถึงไม่ชอบที่ขันทีน้อยผู้นี้หวาดกลัวเขา
ความคิดที่แปลกประหลาดมากเช่นนี้ เขาคิดไม่ตกและไม่เข้าใจเลย เพียงแต่ไม่ชอบเห็นท่าทีอันน่าสงสารของขันทีน้อยเท่านั้น
ดังนั้นริมฝีปากแดงที่งดงามสมบูรณ์แบบคู่นั้นจึงเบะออกมา ก่อนจะปิดนัยน์ตาดำขลับลงเพื่อซ่อนสายตาที่ดุดันของตน แล้วเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงอันราบเรียบว่า
“ถ้าเจ้าร้องไห้ ข้าจะสังหารเจ้าซะ!”
“เออ”
เพียงประโยคเดียวของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ สีหน้าเศร้าหมองและน้ำตาเอ่อคลออยู่ภายในดวงตาของเล่อเหยาเหยา พลันหายไปอย่างรวดเร็ว
เขาเอ่ยเช่นนี้ หมายความว่าเขาจะไม่สังหารเธอใช่หรือไม่!?
เมื่อเป็นเช่นนี้ เธอยังต้องร้องไห้อะไรอีก!?
ขณะที่คิดภายในใจ จิตใจที่อกสั่นขวัญแขวนของเล่อเหยาเหยาจึงค่อยๆ กลับมาเป็นปกติ และน้ำตาภายในดวงตาที่ไหลหยุดได้อย่างอิสระ เพียงครู่เดียวก็จางหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ระดับความเร็วนั้น รวดเร็วจนคนอื่นเทียบไม่ติด ทั้งยังทำให้เหลิ่งจวิ้นอวี๋ยิ้มออกมา
……………………………………………………………………………
ตอนที่ 21 คนที่เป่าขลุ่ยคือเขา
แต่ทว่าความเย็นชาในสายตา เพราะเล่อเหยาเหยาและการเคลื่อนไหวจึงลดน้อยลงไปอย่างมาก
เธอจึงหมุนตัวไป ก่อนจะเห็นเหลิ่งจวิ้นอวี๋หันหลังเดินไปด้านหน้า
เมื่อเห็นเช่นนั้นในใจเล่อเหยาเหยาจึงมีความสุข พร้อมกับคิดว่าถ้าเหลิ่งจวิ้นอวี๋จากไป ท้ายที่สุดชีวิตน้อยๆ ของเธอก็จะรักษาเอาไว้ได้ และไม่จำเป็นต้องอยู่ข้างกายเขาอย่างใจหายใจคว่ำอีกต่อไป
เห้อ เหตุการณ์น่าตื่นเต้นเมื่อครู่ ทำเธอเหนื่อยไปหมด ตอนนี้กลับไปพักผ่อนให้เร็วน่าจะดี
เมื่อคิดได้ดังนั้น เล่อเหยาเหยาพลันหมุนตัวเดินไปยังอีกทิศทาง คิดที่จะแอบหนีไปโดยไม่กล่าวลา
คาดไม่ถึงว่าคำพูดของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ กลับทำลายแผนการของเธอลง
“เจ้าคิดจะไปที่ใด? มาหาข้าสิ!”
“เออ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เล่อเหยาเหยาจึงมีสีหน้าตกตะลึงขึ้นมาโดยไม่มีเหตุผล
เมื่อเห็นเล่อเหยาเหยาไม่ได้เดินตามมา เหลิ่งจวิ้นอวี๋มีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้น ทำให้บรรยากาศโดยรอบเยือกเย็นลง
เมื่อเห็นเช่นนั้นเล่อเหยาเหยาจึงอดหวาดหวั่นไม่ได้ ก่อนจะรีบเรียกสติกลับคืนมา
เมื่อเข้าใกล้ดวงตาดำขลับที่โดดเดี่ยว ครั้นเล่อเหยาเหยารู้สึกเพียงความหนาวเย็นได้วิ่งจากปลายเท้าขึ้นมาอย่างช้าๆ จนถึงศีรษะของเธอ
สวรรค์!
สายตาเย็นชายิ่งนัก!
นัยน์ตาดำขลับคู่นั้นคืออะไร!?
เห็นหรี่ดวงตาที่เฉื่อยชาไม่แยแสแฝงด้วยความดุเดือดลึกล้ำดังดาบลงเล็กน้อย จนทำให้ผู้คนหวาดกลัว!
ชายผู้นี้อันตรายมากจริงๆ!
ขณะที่กำลังคิดในใจ แม้เล่อเหยาเหยาจะไม่ต้องการเข้าใกล้ชายที่อันตรายผู้นั้นอีกครั้ง แต่เธอกลัวตายมากกว่า
หลังจากตกตะลึงเล็กน้อย จึงรีบเคลื่อนย้ายขาทั้งสองข้างที่หนักอึ้ง ก้าวเข้าไปข้างหน้าอย่างช้าๆ
กลับกลายเป็นว่าเมื่อเห็นท่าทีที่เชื่องช้าของเล่อเหยาเหยา สีหน้าของบางคนจึงเคร่งขรึมขึ้น พร้อมขมวดคิ้วและยกยิ้มที่มุกปากอีกครั้ง
สายตาจ้องมองที่ใบหน้าเล็กที่ดูยุ่งเหยิงเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ก่อนจะเคลื่อนสายตาไปที่ขาที่ยังสั่นเทาคู่นั้นของเธอ
“ขาของเจ้า ไม่มีแรงหรืออย่างไร?”
“เออ”
เมื่อพญายมเอ่ยปากแล้ว ใบหน้าที่ยุ่งเหยิงของเล่อเหยาเหยาพลันได้สติและสมองทำงานไม่หยุดทันที
คำพูดของพญายม ต้องไม่ได้มีความหมายเพียงผิวเผินอย่างแน่นอน
ตามนิสัยอันโหดเหี้ยมของเขา ประโยคต่อไปของเขาคงไม่ใช่
เมื่อเจ้าไม่มีแรง ก็แสดงว่าไม่มีประโยชน์ สู้ฟันเจ้าให้ตายยังดีเสียกว่า!
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาพลันครั่นเนื้อครั่นตัวอย่างรุนแรง เพื่อรักษาขาทั้งสองข้างของตน ใบหน้าพลันเปลี่ยนเป็นสดชื่นแจ่มใส ฝีเท้าพลันไม่หนักอึ้งจนแทบจะโผบินวิ่งไปข้างหน้า
“ไม่ ไม่ ไม่ขอรับ มี มีแรงขอรับ!”
“…”
เมื่อเห็นเล่อเหยาพลันคล้ายโดนฉีดเลือดไก่ เหลิ่งจวิ้นอวี๋จึงยกยิ้มที่มุมปาก พร้อมพลันหมุนกายก้าวเดินเข้าไปด้านในศาลาพักร้อน
และเล่อเหยาเหยาเดินตามหลังติดตามเข้าไป
แต่เพื่อความปลอดภัย นอกจากเธอจะเดินรักษาระยะห่างจากเขาห้าก้าวแล้ว ยามพบเจออันตรายเธอยังมีเวลาที่สามารถวิ่งหลบหนีได้อีกด้วย
ขณะที่กำลังคิดในใจ หลังเล่อเหยาเหยาเดินตามเข้ามาในศาลาพักร้อนหยกขาวนั้นแล้ว ดวงตาที่งดงามคู่นั้นก็อดไม่ได้ที่จะเริ่มกวาดมองไปรอบๆ
เพียงเห็นศาลาพักร้อนหยกขาวแห่งนี้ รอบด้านประดับประดาด้วยผ้าแพรสีขาวเบาบางยาวจรดพื้น
แต่ผ้าแพรพวกนี้ไม่รู้ทำขึ้นด้วยวิธีใด ทว่าออกแบบได้แยบคายอย่างมาก
ถ้าอยู่ด้านในจะมองเห็นทิวทัศน์ที่สวยงามรอบด้านได้อย่างชัดเจน แต่คนที่อยู่ด้านนอกกลับมองไม่เห็นทิวทัศน์ที่อยู่ด้านใน
เล่อเหยาเหยากวาดสายตาไปข้างนอกจากด้านในแล้วถึงเข้าใจว่า ที่แท้ตอนที่เธอมาถึงที่นี่ คนที่อยู่ด้านในก็รู้ตัวอยู่ก่อนแล้ว
แต่ตอนนั้นเธอยังไม่เข้าใจ
ถ้าเธอรู้ว่าคนที่อยู่ด้านในคือพญายมผู้นี้ เธอคงรีบวิ่งหนีไปแล้ว จะกล้านอนลงบนพื้นหญ้าฟังเสียงขลุ่ยอย่างสบายอารมณ์ที่ไหน!?
ขณะที่กำลังคิดในใจเล่อเหยาเหยาจึงจัดการเก็บสายตา ทว่าเมื่อเห็นขลุ่ยหยกสีเขียววางอยู่บนโต๊ะหิน พลันตกตะลึงอย่างมากไปทั่วร่างกาย
“ที่แท้เสียงขลุ่ยเมื่อครู่นี้ คนเป่าคือท่าน!?”
………………………………………………………………..