ตอนที่ 11 แก๊งป่วนประจำโรงเรียน

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ

ฉินหร่านเงียบไปสองสามวินาที ก่อนจะเปลี่ยนท่านั่ง “เป็นไปไม่ได้” 

 

 

แพทย์หนุ่มซ่อนกล่องเครื่องมือ แล้วงับบุหรี่ เขาเหมือนจะหัวเราะหึๆ เบาๆ น้ำเสียงของเขานุ่มนวลและอ่อนหวาน “ดูเธอค่อนข้างมั่นใจนะเนี่ย” 

 

 

ประตูห้องน้ำเสียงดังปัง แสดงว่ามีคนเดินเข้ามา 

 

 

เด็กสาวจึงทำเสียงเออออ “อืม” แล้วค่อยลดเสียงลง “นายเห็นอะไรมา” 

 

 

แต่กู้ซีฉือไม่โกหกเธอแน่ๆ 

 

 

“ชื่อเธออยู่ในลิสต์ตำรวจสากล พวกนั้นกำลังสืบเรื่องเธออยู่” หมอหนุ่มยิ้มให้เด็กชายตัวน้อยที่ยื่นลูกอมให้เขา จากนั้นเขาก็หรี่ตาลง แล้วเดินไปอีกทาง “เธอเผลอทำข้อมูลตัวเองรั่วไหลตอนที่ช่วยฉันเช็คข้อมูลครั้งที่แล้วหรือเปล่า” 

 

 

“นั่นยิ่งเป็นไปไม่ได้เข้าไปใหญ่ ไม่มีใครหามันเจอ” เด็กสาวยืนขึ้น คิ้วเลิกขึ้นเล็กน้อย แล้วเธอก็นำผมไปทัดหู “ฉันจะวางสายแล้วนะ ถ้านายไม่มีอะไรแล้ว” 

 

 

มีเสียงเด็กผู้หญิงซุบซิบกันนอกห้องน้ำ 

 

 

ฉินหร่านจึงเปิดประตูที่กั้น แล้วเดินออกมา 

 

 

นักเรียนหญิงพวกนั้นไม่ได้มาเพื่อเข้าห้องน้ำ พวกนั้นยืนอยู่ข้างๆอ่างล้างมือ ฉินหร่านมองไปก็เห็นน้องสาวของเธออยู่ตรงกลางกลุ่มทันที 

 

 

ฉินอวี่เม้มปาก แล้วทำเหมือนไม่รู้จักพี่สาว เธอยืนอยู่ตรงกลางกลุ่มผู้หญิงพวกนั้นโดยไม่เงยหน้าขึ้นมาด้วยมองด้วยซ้ำ 

 

 

เสียงกระซิบกระซาบเงียบลงทันที เพราะจู่ๆ ก็มีใครคนหนึ่งเดินออกมาจากฉากกั้น 

 

 

แล้วทั้งตึกก็เงียบเป็นเป่าสาก 

 

 

ฉินหร่านเก็บมือถือใส่กระเป๋า เดินหน้าไปสองก้าว ผมที่อยู่ข้างหูเธอหลุดออกมา “ฉันอยากจะล้างมือ ขอบคุณ” 

 

 

กลุ่มเด็กสาวถอยออกมา 

 

 

พวกเขาอดไม่ได้ที่จะมองดูเธอ 

 

 

ตอนที่เด็กใหม่ล้างมือเสร็จ แล้วกำลังจะออกไป กลุ่มเด็กสาวจึงได้สติอีกครั้ง 

 

 

ฉินอวี่เม้มปาก 

 

 

พวกเธอมองหน้ากัน หน้าตาเด็กใหม่คนนี้ดูคุ้นเกินไป เด็กสาวหน้าแบ๊วคนหนึ่งนึกอะไรขึ้นมาได้ทันที “แม่นั่นคือฉินหร่านใช่มะ เธอดู…” 

 

 

เด็กสาวอีกคนเห็นสีหน้าของฉินอวี่เลยรีบกระทุ้งเอวเพื่อน 

 

 

เด็กหน้าแบ๊วหยุดพูดแทบไม่ทัน จึงรีบเปลี่ยนน้ำเสียง “ยัยนั้นก็งั้นๆแหละ พวกผู้ชายทำยังกะไม่เคยเห็นผู้หญิงมาก่อน ฉินอวี่ อย่าไปสนใจที่พวกนั้นพูดในกระทู้เลย แม่นี่ชอบก่อเรื่องกับโดดเรียน แถมยังไปหาเรื่องเด็กม.ปลายที่อื่นอีก ไม่ใช่คนดีแหงๆ” 

 

 

** 

 

 

คาบเรียนแรกช่วงบ่ายคือวิชาคณิตศาสตร์ของเกาหยาง 

 

 

ก่อนคาบเรียนจะเริ่ม หนุ่มขาเมาท์หยิบมือถือออกเขา แล้วเจอโพสต์ในหน้ากระทู้ เขาเตะเก้าอี้ด้านหน้า แล้วยื่นมือถือให้สวีเหยากวง “นายน้อยสวี ดาวโรงเรียนเปลี่ยนคนแล้ว เป็นพี่ของฉินอวี่ อยากดูไหม” 

 

 

เด็กหนุ่มอีกคนกำลังแก้โจทย์คณิตฯอยู่ เขาไม่ได้มองมาที่เพื่อนด้วยซ้ำ “คลาสจะเริ่มแล้ว” 

 

 

“เจ้าบ้าเอ๊ย” เฉียวเซิงชักมือถือกลับ แล้วบันทึกรูปไว้เอง 

 

 

เด็กวัยรุ่นอีกคนที่นั่งข้างเขาหัวเราะออกมา “นายน้อยสวีอ้ะมีแค่ฉินอวี่ในใจคนเดียว เฉียวเซิง นายลืมเรื่องนี้ได้เลย” 

 

 

เด็กหนุ่มช่างจ้อถือปากกาไว้ในมือข้างหนึ่ง ส่วนอีกมือถือโทรศัพท์ไว้ เขาดูกระทู้โรงเรียนอยู่สักพัก แล้วจู่ๆก็พูดขึ้นว่า “ยัยนั่นสู้กับกลุ่มเด็กม.ปลายจริงเหรอ” 

 

 

“นายรู้ได้ไงอ้ะ” เด็กผู้ชายที่อยู่รอบๆ ตัวสายข่าวหนุ่มอีกหลายคนดูจะอยากรู้เรื่องของฉินหร่าน จึงได้หันหน้ามาทันที 

 

 

เหยี่ยวข่าวประจำห้องชี้ไปที่โพสต์ แล้วทำหน้านิ่ว “แม่ไปหาเรื่องกลุ่มเว่ยจื่อหังเข้าน่ะสิ วันนี้หลังเลิกเรียน พวกนั้นจะตามหาเธอ” 

 

 

พอพูดชื่อเว่ยจื่อหังขึ้นมา ทุกคนที่นั่งแถวหลังห้องต่างทำเสียงหึๆ  

 

 

พวกนั้นมองไปที่สวีเหยากวง แต่ก็ไม่กล้าเอ่ยอะไร 

 

 

ก่อนหน้านี้ มีเพียงหลินจิ่นเซวียนคนเดียวที่สู้กับเว่ยจื่อหังได้ แต่เขาเรียนจบไปได้สองปีแล้ว 

 

 

ตอนนี้จึงเหลือเพียงสวีเหยากวง 

 

 

แต่นายน้อยสวีกลับเย็นชา เขาขรึมแม้แต่กับฉินอวี่ ดูเหมือนเขาจะไม่ประทับใจในตัวดาวโรงเรียนคนใหม่นัก และคงจะไม่ยื่นมือเข้ามาช่วย เพราะอย่างนี้ เธอคงจะเจอแต่ความลำบากเวลาที่โรงเรียนนี้เสียแล้ว 

 

 

ฉินหร่านเอามือเท้าคาง แล้วนั่งเอนหลังพิงกำแพง เธอหลับตา ก้มหัวลงมาครึ่งหนึ่งเพื่อที่หน้าม้าจะได้ปรกลงมา แล้วขมวดคิ้ว 

 

 

พอคาบเรียนช่วงบ่ายสิ้นสุดลง หลินซือหรานยื่นโน้ตมาให้เพื่อนใหม่ แล้วกระซิบ “เธออยากดูไหม” 

 

 

ดาวคนใหม่ดันตัวขึ้น แล้วรับกระดาษมาช้าๆ 

 

 

เธอเก็บกระดาษแล้วคลี่ยิ้มให้เพื่อนร่วมโต๊ะ “ขอบใจนะ เธอพอรู้ไหมว่าฉันจะซื้อหนังสือได้ที่ไหนมั่ง” 

 

 

“ไม่เป็นไรจ้ะ” กรรมการนักเรียนแก้มแดง แน่นอนว่าแม้เพื่อนร่วมโต๊ะคนนี้อาจดูดุดัน แต่ก็เป็นคนง่ายๆสบายด้วย “เดี๋ยวฉันพาไป” 

 

 

เด็กสาวคนสวยอยากซื้อหนังสือนอกเวลาเรียนสักหน่อย หลินซือหรานจึงพาเธอออกมานอกโรงเรียน 

 

 

ระหว่างทาง เด็กเก่าก็เล่าเรื่องโน่นนี่นั่นของโรงเรียนให้เพื่อนใหม่ฟัง 

 

 

“มีบางคนที่เธอห้ามแหย็มด้วยเป็นอันขาดในโรงเรียนเรา” หลินซือหรานเรียนที่นี่ตั้งแต่ช่วงมัธยมต้น เธอจึงได้รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับโรงเรียนอี่จง “ฉินอวี่ ห้องสามทับหนึ่ง ก่อนหน้าเธอฉินอวี่เป็นดาวโรงเรียน” 

 

 

ฉินหร่านที่มือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋าอยู่ ส่วนอีกมือถือโทรศัพท์ เลิกคิ้วขึ้นขณะได้ยินเรื่องนี้ 

 

 

“ฉินอวี่มาจากตระกูลหลิน เธอเส้นใหญ่มาก แถมยังเป็นเด็กท็อปห้าของโรงเรียนด้วย ไม่ได้สวยอย่างเดียว แต่ยังเล่นไวโอลินได้ด้วย ทุกบ่ายเธอจะมีคลาสเรียนไวโอลิน แล้วนักเรียนหลายคนก็จะไปดูเธอ ที่สำคัญคือ นายน้อยสวีเป็นคนคอยคุ้มกันเธอ” เด็กสาวลดเสียงลง “ที่ผ่านมา นักเรียนหญิงคนไหนที่ไม่ชอบที่ฉินอวี่ก็ถูกนายน้อยสวีจัดการเรียบ” 

 

 

ทั้งสองคนพูดคุยกันไปตลอดทางระหว่างเดินไปนอกโรงเรียน 

 

 

เด็กมัธยมหกของโรงเรียนจะถูกปล่อยช้า หลายคนกำลังรีบกลับบ้านเพื่อไปทานข้าวเย็นให้ทัน แต่แม้กระนั้น ถนนก็ยังดูโล่งๆ 

 

 

ไม่ไกลจากตรงนั้น 

 

 

“ฉินอวี่ ได้ยินว่าพี่ชายเธอกลับมาแล้วเหรอ” เฉียวเซิงหนีบบุหรี่แล้วจุดสูบ พร้อมยิ้มออกมา 

 

 

เขาเคยเรียกเธอว่า ดาวโรงเรียนฉิน สีหน้าของเธอยังดูปกติ “อืม” 

 

 

สวีเหยากวงยืนอยู่ข้างๆเด็กสาว แม้เขาไม่ได้ดูอบอุ่นหรือเย็นชา แต่ท่าทางก็อ่อนโยนขึ้นมาก 

 

 

เด็กหนุ่มช่างจ้อหัวเราะออกมา “ฉันล่ะอยากเก่งให้ได้ครึ่งของพี่เธอจริงๆ คุณพ่อจะได้ไม่หักเงินเดือนฉัน” 

 

 

เขาอัดบุหรี่เข้าไป และก่อนที่เฉียวเซิงจะเงยหน้าขึ้นมา เขาก็ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่มเต็มรูหู 

 

 

เสียงนั้นดังมากๆ เขาจึงต้องอุดหูตัวเอง ก่อนจะก้าวไปด้านข้างพร้อมสบถออกมา 

 

 

แก๊งรถแว้นหยุดอยู่ข้างหน้าไม่ไกลออกไปนัก และเห็นได้ชัดว่าพวกมันกำลังล้อมเด็กผู้หญิงสองคนอยู่ 

 

 

คันหน้าสุดเป็นรถยนต์สีแดงแรงฤทธิ์ 

 

 

เพราะถูกรถบังอยู่ หนึ่งในเด็กผู้หญิงที่ถูกล้อมอยู่ที่มีรูปร่างผอม ท่าทางอวดดีนั้นดูคุ้นตามากๆ  

 

 

ฉินอวี่ถอยหลังไปหนึ่งก้าวก่อนหรี่ตาลง “เว่ยจื่อหังอยู่ข้างหน้านั่น เราไปทางอื่นดีไหม” 

 

 

สวีเหยากวงหน้าบึ้ง เด็กผู้หญิงสองคนที่อยู่ข้างหน้ายืนหันหลังให้เขา ทำให้มองไม่เห็นหน้าเด็กสองคนนั้น แต่หนึ่งในสองคนนั้นดูค่อนข้างทะนงตัวทีเดียว แม้มองจากข้างหลังก็ตาม 

 

 

ก่อนที่เขาจะพูดอะไร เพื่อนสนิทก็ชิงพูดขึ้น “ฉินอวี่กลับไปก่อน ที่นี่กำลังจะเกิดเรื่องแล้ว คงไม่ดีแน่ถ้าเธอบาดเจ็บ” 

 

 

เฉียวเซิงค่อยๆ อ้อมไปอีกทางอย่างระวังตัว 

 

 

ฉินอวี่ชำเลืองดูสวีเหยากวง เขาไม่ได้ยี่หระกับเรื่องวุ่นที่อยู่ตรงหน้าเลย คิ้วยังดูผ่อนคลายและสงบนิ่งเหมือนเวลาปกติ เธอจึงโล่งใจ “คนขับรถฉันอยู่ทางโน้น ฉันกลับก่อนนะ” เธอชะงักไป ก่อนพูดต่อว่า “รีบกลับด้วยล่ะ” 

 

 

สาวน้อยขึ้นไปบนรถ แต่คนขับไม่ได้ออกรถทันที เขาพูดด้วยความลังเล “คุณหนูครับ ข้างหน้านั่นมัน…” 

 

 

“ไม่มีอะไรหรอก ฉันหิวแล้ว กลับกันเถอะ” ฉินอวี่เอียงคอ แล้วยิ้ม 

 

 

คนขับรถจึงรีบติดเครื่องและขับออกไป 

 

 

ตรงนั้น ใบหน้าหลินซือหรานซีดเผือดตอนที่เห็นกลุ่มแว้นที่ล้อมพวกเธออยู่ เธอบีบมือเพื่อนใหม่ไว้แน่น 

 

 

“นั่นมัน…” กรรมการนักเรียนมองไปที่วัยรุ่นคนหนึ่ง ซึ่งนั่งอยู่บนรถคันสีแดง มันหรี่ตาราวกับกำลังมองเหยื่อ เธอเสียงแหบพร่าลง ฝ่ามือเต็มไปด้วยเหงื่อที่ซึมออกมา “แก๊งป่วนโรงเรียนนี่” 

 

 

หลินซือหรานเริ่มกระสับกระส่าย เมื่อจู่ๆ มีเสียงแหบทุ้มหัวเราะอยู่ด้านหลังเธอ