บทที่ 14 ผู้เฒ่าหมิง

ราชาซากศพ

บทที่ 14 ผู้เฒ่าหมิง

“ข้าไม่รู้ว่า ตัวเองเป็นใคร หรือมาจากไหน? ชื่อของข้า….! สามารถเรียกข้าว่า ผู้เฒ่าหมิง ตอนนี้ข้าอยู่ในร่างของเจ้า ถ้าให้พูดง่าย ๆ คือ อยู่ในจิตใต้สำนึกของเจ้า” ชายที่เรียกตัวเองว่า “ผู้เฒ่าหมิง” ตอบคำถามของหลินเว่ยทีละข้อ แต่น้ำเสียงของเขายังคงเย็นชามาก

“อืม! เอาล่ะ เจ้าช่วยออกจากร่างของข้าได้หรือไม่? แม้ว่าหลินเว่ยจะไม่ค่อยพอใจกับคำตอบของอีกฝ่าย แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เขาแค่กังวลจะมีอะไรผิดปกติหรือไม่ ?ที่มีใครคนอื่นเข้ามาอยู่ในจิตใต้สำนึกของเขา

สำหรับคำถามของหลินเว่ย จู่ ๆเสียงนั้นหยุดลงชั่วขณะและดังขึ้นอีกครั้งว่า: “ในตอนนี้ดูเหมือนว่า ข้าจะทำไม่ได้ แต่ข้าจะไม่ทำร้ายเจ้า และข้าสามารถช่วยเจ้าให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น”

“โอ้! ข้าคิดว่าเจ้าคงไม่ใจดีช่วยข้าแบบเปล่าประโยชน์แน่นอน ต้องการให้ข้าทำอะไรให้?” หลินเว่ยไม่เชื่อในสิ่งที่อีกฝ่ายพูด เขามีความเข้าใจอย่างถ่องแท้เกี่ยวกับโลกในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ไม่มีอาหารฟรีใด ๆ ในโลก ต้องมีจุดประสงค์บางอย่าง

เพื่อให้อีกฝ่ายช่วยตัวเอง ดังนั้นเขาจึงไม่อ้อมค้อมและถามตรง ๆ

“สิ่งที่เจ้าต้องทำคือการเร่งเพิ่มความแข็งแกร่งให้มากขึ้นเร็ว ๆ เพราะนั่นคือสิ่งที่ทำให้ข้าแข็งแกร่งด้วยเช่นกัน” น้ำเสียงของชายชราเย็นชามาก ราวกับว่าเขากำลังพูดถึงเรื่องเล็กน้อย

“การเลื่อนระดับ มันไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เจ้าแค่มีหน้าที่ปล้นพลังของข้า ทำเหมือนมันเป็นเรื่องง่ายเกินไปแล้ว! ถ้าอย่างนั้นเจ้าคงต้องรอจนตาย…. กว่าข้าจะแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น!” หลินเว่ยอีกด้านหนึ่งก็บ่นทำหน้าบูดบึ้งทันที

“ไม่แน่นอน……….อย่าบ่นมาก เพราะตอนนี้มีข้าอยู่ด้วย เจ้าเหนือกว่าคนทั่วไป และข้าจะสอนสิ่งที่มีประโยชน์ให้แก่เจ้า ถือเป็นรางวัลสำหรับความพยายามของเจ้า” สำหรับคำประท้วงของหลินเว่ย ทำให้ชายชราหมิงต้องหาสิ่งมาหลอกล่อ เพื่อให้เขาเต็มใจที่จะช่วยเหลืออย่างเต็มกำลัง เขาจึงอาสาจะช่วยสอนเคล็ดลับอื่น ๆ ให้

“ท่านจะสอนอะไรข้าได้?” หลินเว่ยรู้ว่าเขาแค่บ่นไปอย่างนั้น เพราะไม่ว่าอย่างไร เขาก็จะดูดซับแก่นคริสตัล ในขณะเดียวกัน เขาเองก็ไม่สามารถหยุดพลังที่ถูกชายชราปล้นเอาไปได้ อย่างไรก็ตาม เขาดีใจที่ได้ยินว่าอีกฝ่ายจะมอบผลประโยชน์บางอย่างให้เขา

เขาอยากรู้อยากเห็นมากขึ้นเกี่ยวกับสิ่งดี ๆ

“เจ้าจะรีบไปทำไม มันไร้ประโยชน์ สิ่งที่เจ้าต้องทำก็คือพยายามเพิ่มพลังงานให้มากขึ้น” สำหรับความอยากรู้อยากเห็นของหลินเว่ย ผู้เฒ่าหมิงไม่ปริปากพูดอะไร

“ได้เลย” เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่เต็มใจที่จะพูด หลินเว่ยก็ทำได้แค่ยอมแพ้ เขารู้ดีว่า…ไม่ว่าเขาจะถามอย่างไรอีกฝ่ายก็ไม่มีทางพูด

“อืม! ในครั้งต่อไป ในการเลื่อนระดับของศิลปะการคืนชีพนักรบโครงกระดูก และพื้นที่มิติต้องใช้ 10,000 หน่วย ข้อดีของการเลื่อนระดับคือเจ้าจะสามารถเรียกใช้ซากศพทั้งสี่ตัวพร้อม ๆ กัน ในขณะที่พื้นที่มิติสามารถเก็บนักรบโครงกระดูกได้ทั้งสี่ตัว

พร้อมกัน บางทีเจ้าอาจไม่รู้ว่าในมิตินั้น นักรบโครงกระดูกสามารถฟื้นฟูอาการบาดเจ็บได้อย่างดี แต่ยังเร่งการดูดซับแก่นคริสตัลอีกด้วย ข้าลืมบอกไปว่า แม้ว่าทะเลลมปราณของเจ้าจะแตกซ่าน แต่ตอนนี้เจ้ามีพื้นที่มิติ ซึ่งมันสามารถแทนที่ทะเลลมปราณเดิมของเจ้าและสามารถกักเก็บพลังหยวนเอาไว้ได้”

เมื่อเห็นว่าหลินเว่ยไม่ถามอะไรอีก อารมณ์ของผู้เฒ่า หมิงก็สงบลง เขาจึงบอกหลินเว่ยเกี่ยวกับพลังงาน และผลประโยชน์ที่จำเป็นในการเลื่อนระดับทักษะของเขาในครั้งต่อไป .

ในตอนแรกที่หลินเว่ยได้ยินผู้เฒ่าหมิงที่บอกว่าจะให้ตนเองเลื่อนระดับเพิ่มขึ้นร้อยเท่า ในใจของหลินเว่ยนั้นด่าทอผู้เฒ่าหมิงไปหลายรอบ แต่เมื่อเขาได้ยินท่อนหลังของคำพูด เขาก็กลืนคำพูดลงไปทันที หลินเว่ยละลักละล่ำออกมาว่า

“ท่าน …หมายความว่า ข้าสามารถฝึกลมปราณได้เหมือนเดิมใช่หรือไม่?”

“อืม….ใช่มันก็แค่ … !” เมื่อเห็นท่าทางของหลินเว่ย ผู้เฒ่าหมิงก็จงใจทำให้หลินเว่ยกระตือรือร้น ในเวลานี้หากหลินเว่ยนั้นใส่ใจสักนิด เขาจะรู้สึกได้ว่าน้ำเสียงของผู้เฒ่าหมิงนั้นไม่แยแสหลินเว่ยอีกต่อไป เพราะเขารู้ว่าหลินเว่ยนั้นปฏิเสธเขาไม่ได้อีก

“อะไรกัน?” เมื่อเห็นว่าผู้เฒ่าหมิงชักช้า หลินเว่ยรู้สึกได้ทันทีว่าเขาทนไม่ไหวอีกต่อไป ต้องถามอีกฝ่ายให้ชัดเจน

“มันเป็นเพียงแค่การฝึกฝน พลังของเจ้าจะสามารถเชื่อมโยงกับระดับของพื้นที่มิติดังกล่าว หมายความว่าระดับพื้นที่มิติปัจจุบันของเจ้า คือระดับ 1 จากนั้นระดับของพลังของเจ้าก็จะอยู่ที่ระดับ 1 เท่านั้น เจ้าเข้าใจหรือไม่? หรือจะต้องให้ข้าอธิบายเรื่องนี้? “

เมื่อเห็นว่าหลินเว่ยกังวลมาก ในครั้งนี้ผู้เฒ่าหมิงจึงไม่ได้กลั่นแกล้งเขาอีก แต่พูดอธิบายตามตรง

“เจ้า! นี่ไม่ได้เป็นการบังคับให้ข้าต้องเลื่อนระดับหรอกหรือ! กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ มันช่วยให้เจ้าสะสมพลังงานโดยใช้พื้นที่อื่นแค่นั้น” หลินเว่ยได้ยินมาว่า แม้ว่าเขาจะฝึกฝนลมปราณได้แต่เขาก็มีข้อจำกัด ทำให้จิตใจของเขาไม่มีความสุข

สำหรับคำพูดของหลินเว่ยที่บ่นออกมานั้น ชายชราไม่สนใจฟัง เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงร้อนรนว่า: “อย่างไรก็ตาม เจ้าเองก็ชอบฝึกฝนอยู่แล้ว ลองมองหาพลังงานที่มากขึ้นมาหน่อย พลังงานน้อยเกินไปมันไม่เพียงพอสำหรับข้า

ข้าเองก็ต้องฝึกฝนเช่นเดียวกัน เอาล่ะ ข้าจะไปนอนก่อน หลังจากการเลื่อนระดับครั้งต่อไปของเจ้า ข้าจะตื่นขึ้นมา! “

หลังจากพูดอย่างนั้นผู้เฒ่าหมิงก็ดูเหมือนจะหายตัวไปอย่างกะทันหัน หลินเว่ยตะโกนหลายครั้งติดต่อกัน และอีกฝ่ายไม่ตอบสนองใด ๆ

“ให้ตายเถอะ! บ้าเอ๊ย! สนใจข้าก่อนได้หรือไม่?! ช่างเถอะ ข้าเสียเวลามานานมากแล้ว ต้องรีบจัดการศพของหมาป่าที่เหลือก่อน แล้วค่อยหาสถานที่ลองฝึกฝนลมปราณดูอีกสักครั้ง หลินเว่ยอดไม่ได้ที่จะบ่นถึงการหายตัวไปของผู้เฒ่าหมิงแบบกะทันหัน

เมื่อหลินเว่ยได้สติ เขาได้ลองฟื้นคืนชีพหมาป่าโครงกระดูกระดับสามจากศพหมาป่า ขั้นที่หนึ่ง หลังจากประสบความสำเร็จ เสี่ยวเฮยจึงถูกหลินเว่ยยกเลิกการเรียกใช้งานไปและเปลี่ยนเป็นหมาป่าโครงกระดูกที่มีความแข็งแกร่งขั้นศูนย์ระดับเก้า

แม้ว่าเขาไม่อยากจะทำแบบนั้นในตอนแรก แต่เพื่อความแข็งแกร่ง เขาทำได้เพียงแค่ต้องอดทน

ขั้นตอนต่อไปคือการจัดการกับซากหมาป่า การชำแหละหมาป่านั้นใช้เวลานานกว่าการค้นหาแก่นคริสตัล เพราะยังเหลือซากหมาป่าอีกจำนวน 81 ตัว และดวงอาทิตย์กำลังจะขึ้นสูง หลินเว่ยไม่มีเวลาเหลืออีกต่อไป เขาเก็บหนัง กรงเล็บ ฟัน และส่วนหนึ่งของเนื้อหมาป่าเป็นหลัก ส่วนกระดูกและอวัยวะภายใน เขาไม่ได้เก็บกลับไปเนื่องจากมีจำนวนมากเกินไปและใช้เวลานาน จึงไม่สามารถนำกลับไปได้ทั้งหมด

หลังจากรวบรวมวัสดุทั้งหมดแล้ว หลินเว่ยก็โรยสารดูดความชื้นลงบนร่างของพวกมัน นี่คือผงสีขาวชนิดหนึ่ง ที่สกัดจากสมุนไพรธรรมดา แม้ว่าจะมีราคาถูกมาก แต่ก็เป็นสิ่งที่ทหารรับจ้างทุกคน มักจะพกติดตัวไปด้วย มีจุดประสงค์เพื่อรักษาวัสดุไม่ให้เน่าเสีย ด้วยวัตถุดิบมากมาย และสิ่งที่เขาตามล่าเมื่อวานนี้ เขาจึงไม่สามารถเก็บอะไรได้อีกต่อไป โชคร้ายที่เป้าหมายของเขา ในครั้งนี้แทบไม่สำเร็จ เดิมทีเขาวางแผนที่จะเลื่อนขั้นทักษะทั้งหมดของเขา เป็นระดับ 2 แล้วค่อยกลับไป อย่างไรก็ตาม

เมื่อเขารู้ถึงพลังงานที่จำเป็นในการเลื่อนระดับ เขาก็ล้มเลิกความคิดทันที นอกจากนี้เขาไม่สามารถขนวัสดุทั้งหมดไปได้อีก แม้ว่าเวลาในการออกมาครั้งนี้จะน้อยกว่าครั้งที่แล้วแต่เขาก็ยังต้องกลับเมืองไปก่อน