บทที่ 15 กระเป๋ามิติ

ราชาซากศพ

บทที่ 15 กระเป๋ามิติ

ก่อนที่หลินเว่ยจะเดินทางกลับ เขานั้นจำได้ว่ามีกลุ่มคนที่เสียชีวิตท่ามกลางซากภูเขาหมาป่า
หลังจากค้นหาซ้ำแล้วซ้ำเล่า หลินเว่ยก็พบเพียงอาวุธเพียงห้าชิ้น ดาบสามเล่ม ขวานหินและมีดสั้น สำหรับวัสดุของสัตว์อสูรและแก่นคริสตัลล้ำค่านั้น เขาหาไม่พบ ปรากฏการณ์ประหลาดนี้ กระตุ้นความสงสัยของหลินเว่ยทันที“ เอ๊ะ.. แปลกจริง ๆ
เพราะถูกหมาป่าไล่ล่าและสังหารจึงทำให้สมบัติหายไปหมดอย่างนั้นหรือ! แม้ว่าวัสดุอื่น ๆ จะหายไป แต่แก่นคริสตัลจะหายไปได้อย่างไร? แก่นคริสตัลเป็นของล้ำค่าที่จะต้องพกติดตัว! หรือว่าอาจจะถูกพวกหมาป่ากินเข้าไป?

“อ๊ะ! สิ่งนี้มันคืออะไร? ถุงเงินหรือ ?เหตุใดจึงมีแค่ถุงเดียว” หลินเว่ยพบกระเป๋าขนาดประมาณฝ่ามือ ในขณะที่ค้นหาจากเสื้อผ้าของศพคนเหล่านั้น ซึ่งมันกระตุ้นความสนใจของเขาทันที
เมื่อหลินเว่ยหยิบกระเป๋าที่แอบซ่อนเอาไว้ในร่างขึ้นมา เขารู้สึกว่ามันทั้งเบาและไร้น้ำหนัก หลังจากจับมันด้วยมือเปล่า แล้วเขาก็คิดว่า “บัดซบ! , มันว่างเปล่า

เมื่อรู้ว่ามันเป็นแค่กระเป๋าที่ว่างเปล่า หลินเว่ยจึงคิดที่จะโยนมันทิ้งไป ในตอนนี้ เขาคิดว่าคนเหล่านี้ไม่มีอะไรเลย นอกจากอาวุธ มันแปลกจริง ๆ ที่หัวหน้ากลุ่มจะพกกระเป๋าเงินเปล่า ๆ
“หืม นี่มันเป็นเรื่องจริงหรือไม่? หรือว่าข้าจะโชคดี?” ในตอนนี้ หลินเว่ยดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างได้ เขาร้องเอะอะและแสดงท่าทางตื่นเต้นทันที ดวงตาของเขาจ้องมองไปที่ถุงเงินในมือจนไฟแทบลุกไหม้

ยิ่งเขาคิดถึงความเป็นไปได้มากเท่าไร เขาก็ยิ่งเร่งมือมากยิ่งขึ้น หลินเว่ยเปิดกระเป๋าเงินอย่างร้อนใจ และพบว่าไม่ว่าเขาจะพยายามมากแค่ไหน แต่กระเป๋ายังคงปิดสนิทไม่มีทีท่าว่าจะเปิดได้
“แน่นอนว่านี่ต้องเป็นกระเป๋ามิติ ฮ่า ๆ! ข้ากำลังจะเป็นเศรษฐี!” หลินเว่ยพบว่า เขาไม่สามารถเปิดกระเป๋าเงินได้ ไม่ว่าจะทำอย่างไร แต่เขาก็ไม่รู้สึกโกรธ แต่แสดงรอยยิ้มที่ตื่นเต้นบนใบหน้าแทน

กระเป๋ามิติทำจากวัสดุที่มีคุณสมบัติในการสร้างพื้นที่ โดยหลอมมาจากอาวุธ แม้ว่ามันจะบรรจุสิ่งของอื่น ๆ ที่ไม่มีชีวิต แต่ก็เป็นของล้ำค่า อย่างไรก็ตามวิธีการใช้งานนั้น คล้ายกับวิธีการควบคุมกองกำลังโครงกระดูกของหลินเว่ย เขาต้องทิ้งร่องรอยจิตวิญญาณเอาไว้ในกระเป๋าจึงจะสามารถเปิดใช้งานกระเป๋าเงินได้

ซึ่งเมื่อวันก่อน หลินเว่ยนั้นซื้อตำราเพื่อศึกษาเกี่ยวกับการเป็นทหารรับจ้างมาหลายเล่ม บางเล่มเป็นตำราเกี่ยวกับยารักษาโรคและแร่ธาตุที่น่าอัศจรรย์ และยังมีตำราเกี่ยวกับสัตว์อสูร และมีบันทึกเกี่ยวกับกระเป๋ามิติ และวิธีการใช้งาน
อย่างไรก็ตามตำราที่เขาซื้อมานั้น บันทึกเรื่องราวเฉพาะวัตถุวิญญาณระดับต่ำและสัตว์อสูร แต่เนื่องจากหลินเว่ยไม่มีเงินมากนัก เขาจึงเลือกซื้อตำราวัตถุวิญญาณระดับต่ำเล่มนี้ ซึ่งมีราคา 20 เหรียญทองแดง แต่หากต้องการ ศึกษาตำราเกี่ยวกับวัตถุวิญญาณและสัตว์อสูรระดับกลางต้องจ่าย 20 เหรียญทอง สำหรับตำราวัตถุวิญญาณและสัตว์อสูรระดับสูงนั้นไม่พบ เกรงว่าที่เมืองหมั่นฉีนั้นอาจไม่มีตำราเล่มนี้
หลินเว่ยมีประสบการณ์อย่างมากในการใช้พลังจิต เพียงไม่อึดใจเขาก็สามารถรับรู้พื้นที่ของกระเป๋ามิติได้ จากการรับรู้ของเขานั้น พบว่าพื้นที่ในกระเป๋ามิติมีน้อยกว่าหนึ่งลูกบาศก์เมตร นี่เป็นกระเป๋ามิติระดับต่ำสุด เนื่องจากพื้นที่น้อย
ซึ่งกระเป๋ามิตินั้นมีหลายระดับ เนื่องจากหลาย ๆ คนมักจะเลือกใช้ตามความเหมาะสมกับตนเอง จากการสำรวจของหลินเว่ย ถึงแม้ว่าจะเป็นกระเป๋ามิติที่มีระดับต่ำ แต่ว่าสิ่งของที่ถูกเก็บของในนั้นกลับไม่ได้ธรรมดา
มีวัสดุจากสัตว์อสูรและแก่นคริสตัลที่หลินเว่ยต้องการ นอกจากนี้ยังมีพืชหลากหลายชนิด มีเงินมากกว่า 30 เหรียญทอง เสื้อผ้าที่ใช้เปลี่ยนในระหว่างวัน วัตถุดิบอาหาร และเครื่องมือประจำวัน ถูกเก็บไว้เป็นระเบียบเรียบร้อย
แม้ว่ากระเป๋ามิติในมือของหลินเว่ยจะเป็นเพียงสินค้าที่มีตำหนิ แต่ก็มีมูลค่าเงินเป็นจำนวนมาก มูลค่าที่ถูกบรรจุไว้ในกระเป๋ามิติ มีมูลค่ามากกว่า 10,000 เหรียญทอง !
ตอนนี้เขามีกระเป๋ามิติแล้ว ฉะนั้นเขาจึงไม่จำเป็นที่จะต้องกลับเมืองไปในตอนนี้ คราวนี้เขาต้องใช้เวลาหนึ่งวัน ในการสิ่งของที่เขาต้องการลงในกระเป๋ามิติ และจากนั้นหลินเว่ยก็ ออกเดินทางจากที่นี่ พร้อมกับลูกน้องทั้งสองตัวของเขา
…………..
“ ฟู่!” หลังจากพ่นลมหายใจออกมา หลินเว่ยก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้น จากนั้นมุมปากของเขาก็ยกยิ้มเล็กน้อย พร้อมกับรอยยิ้มที่ตื่นเต้น
เป็นเวลากว่าหนึ่งเดือนที่กลุ่มหมาป่าไล่ล่าคนเหล่านั้น หลินเว่ยได้ดูดซับแก่นคริสตัลทั้งหมด ที่คนเหล่านั้นทิ้งไว้ แต่ผู้เฒ่าหมิงนั้นยังคงไม่ตื่น
หลินเว่ยนั้นพบว่าตนเองโชคดีมาก แก่นคริสตัลส่วนใหญ่อยู่ในขั้นศูนย์ แต่ก็มีแก่นคริสตัลขั้นหนึ่งอยู่ด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หนึ่งในนั้น มีขั้นสองระดับสาม แก่นคริสตัลนี้เพียงชิ้นเดียวสามารถทำให้เขาเพิ่มพลังงานขึ้น 3000 หน่วย
จนถึงตอนนี้ หลินเว่ยสามารถดูดซับแก่นคริสตัล ได้ถึง 40000 หน่วย ซึ่งทำให้เขามีความสุขมาก แม้แต่ชายชราหมิงก็ยังต้องตื่นขึ้นมา หลังจากรับรู้เรื่องนี้เขาก็ยังรู้สึกดีใจเป็นเวลานาน เขาเอ่ยยกย่องความโชคดีของหลินเว่ย

หลินเว่ยน่าจะมีความสุขที่สุด เมื่อทักษะของเขาได้รับการเลื่อนระดับ แต่เมื่อเขาเห็นพลังงานที่จำเป็นสำหรับการเลื่อนระดับครั้งต่อไป เขาก็ไม่รู้สึกมีความสุขอีกต่อไป เพราะต้องใช้พลังงานสี่ล้านหน่วย ในการเลื่อนระดับ เป็นระดับที่สาม
แม้ว่าพลังงานของแก่นคริสตัลจะเพิ่มขึ้นสิบเท่าในแต่ละระดับ แต่แก่นคริสตัลของขั้นหนึ่งและขั้นสอง มีพลังงานเพียง 1,000 หน่วยเท่านั้น หากคุณต้องการเลื่อนระดับเพียงระดับเดียว กลับต้องใช้พลังงานถึงสี่ล้านหน่วย ซึ่งหลินเว่ยต้องฆ่าสัตว์อสูรจำนวนนับไม่ถ้วน ท้ายที่สุดแก่นคริสตัลนั้น มีหน่วยพลังงานที่ต่ำเกินไป

ในเดือนที่ผ่านมา ความคืบหน้าในการดูดซับพลังงานตามปกติของหลินเว่ยจะเป็นไปอย่างช้า ๆ ไม่ต้องพูดถึงพลังสี่ล้านหน่วย แม้แต่เงิน 100000 เหรียญ เขายังเก็บไม่ได้เลย แต่การฝึกฝนความแข็งแกร่งของเขานั้นราบรื่นมาก

เหมือนที่ผู้อาวุโสหมิงพูด หลินเว่ยนั้นสามารถฝึกฝนพลังอีกครั้งได้จริง ๆ เพียงแค่ที่เขาใช้เก็บพลังลมปราณ นั้นเปลี่ยนเป็นพื้นที่มิติในทะเลลมปราณ ส่วนเขาจะถูกจำกัดโดยพื้นที่มิตินั้นหรือไม่? เขาเองก็ยังไม่รู้ เนื่องจากเขาเพิ่งจะทะลวงผ่านด่านขั้นนักสู้เมื่อสองวันก่อน
“อืม! ได้เวลายืดเส้นยืดสายแล้ว” หลังจากฝึกฝนมาทั้งคืน หลินเว่ยนั้นรู้สึกว่ากล้ามเนื้อและกระดูกนั้นอยู่ในสภาพที่ดีมาก
เมื่อมองไปทางหนึ่ง หลินเว่ยก็ขยับร่างของเขาและวิ่งไปอย่างรวดเร็ว ตำแหน่งปัจจุบันของเขานั้น ไม่ได้อยู่ในป่าผู้ฝึกหัดอีกต่อไป แต่อยู่รอบนอกของภูเขาเวเนเชี่ยนแทน
เนื่องจากการเลื่อนขั้นของหลินเว่ยทำให้ป่าผู้ฝึกหัดนั้น ไม่สามารถช่วยให้เขาเลื่อนขั้นได้อีกต่อไป ดังนั้นหลินเว่ยจึงมาที่นี่

ในขณะที่ร่างของหลินเว่ยปรากฏขึ้น มีสี่ร่างที่ล้อมรอบเขา มีโครงกระดูกทั้งสี่โครง โดยสามตัวนั้น เป็นโครงกระดูกของสัตว์อสูรเสือดาวลมกรด และอีกหนึ่งเป็นโครงกระดูกของสัตว์อสูรหมาป่าลมกรด