บทที่ 12: ขออภัย พวกเราก็แค่อยากเห็นเรือคู่รักแล่นไปถึงฝั่ง

ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END

บทที่ 12: ขออภัย พวกเราก็แค่อยากเห็นเรือคู่รักแล่นไปถึงฝั่ง

หากจะให้บอกว่าช่วงเวลาใดที่โรเอลมีความสุขที่สุดในแต่ละวัน คำตอบก็น่าจะเป็นตอนนี้

หน้าประตูทางเข้าคฤหาสน์ เด็กผู้หญิงผมสีเงินกำลังอ้าแขนกว้าง เธอวิ่งเข้าไปกอดพี่ชายที่เพิ่งกลับมาจากการฝึกงานอันเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวันด้วยท่าทางเขินอายเล็กน้อย รูปลักษณ์อันสวยงามของเธอเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์อันยอดเยี่ยมจนมิอาจต้านทานได้

“ฉันกลับมาแล้ว อลิเซีย”

โรเอลรู้สึกยินดีกับอ้อมกอดอันแสนหวานของเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ตรงหน้าเขา ซึ่งเด็กชายก็ตอบสนองกลับไปด้วยการกอดเช่นกัน เขาลูบหัวของเธออย่างอบอุ่น

โรเอลนั้นมีบทบาทอย่างมากต่อการกระทำในตอนนี้ของอลิเซีย

นั่นก็เพราะเดิมที อลิเซียนั้นไม่ใช่คนประเภทที่จะวิ่งเข้ามากอดคนอื่นเช่นนี้ เธอเป็นเด็กสาวผู้มีนิสัยสงบเสงี่ยม เนื่องจากครอบครัวของอลิเซียได้เลี้ยงดูสั่งสอนเธอให้เป็นหญิงสาวผู้มีมารยาทและสง่างาม เรียกได้ว่านอกจากบิดาที่เสียชีวิตไปแล้วเด็กสาวนั้นไม่เคยกอดใครแบบนี้มาก่อนเลย

ทว่าท่าทางอันเย็นชาของอลิเซียก็ได้ถูกหลอมละลายด้วยความอ่อนโยนของโรเอล ทุกครั้งที่กลับจากการฝึกงาน เด็กชายมักจะทักทายสาวน้อยคนนี้ด้วยอ้อมกอดอันอบอุ่น

แม้ว่าช่วงเริ่มแรกอลิเซียมักจะตัวแข็งทื่อภายในอ้อมกอดของโรเอล เธออดทนจากการตื่นตกใจจากวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน แต่เมื่อเวลาผ่านไปเธอก็ค่อย ๆ คุ้นเคยกับมัน จนกระทั่งในช่วงสองวันที่ผ่านมานี้ อลิเซียก็ได้กลายเป็นฝ่ายเริ่มกอดโรเอลด้วยตัวเอง

ภายใต้อิทธิพลการกระทำของโรเอล เด็กสาวจึงค่อย ๆ แสดงออกในเชิงรุกมากขึ้น ทำให้เด็กชายเริ่มรู้สึกว่านี่เป็นหนึ่งในสองสัญญาณสำคัญที่บ่งบอกว่าอลิเซียเริ่มจะเปิดรับเขาแล้ว อีกอย่างหนึ่งก็คือวิธีการพูดของอลิเซียในตอนนี้

“พี่ใหญ่โรเอลหยุดเถอะค่ะ มันจั๊กจี้ ฮะฮะฮะ!” เด็กหญิงพูดไปหัวเราะไป

โรเอลเป่าที่คอของอลิเซียอย่างซุกซน ทำให้เธอสะดุ้งเล็กน้อย ภายใต้การโจมตีของเขาเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ที่มีบุคคลิกเรียบร้อยไม่สมอายุก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา

หลังจากที่ได้พบกับโรเอลมาประมาณหนึ่งสัปดาห์ วิธีพูดของอลิเซียก็เปลี่ยนไป ความผูกพันระหว่างทั้งสองนั้นแน่นแฟ้นมากขึ้นอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าเฉพาะเวลาที่ไม่มีคนนอกอยู่ในบริเวณรอบข้าง

อลิเซียมักจะเรียกโรเอลว่า ‘พี่ใหญ่’ ส่วนในเวลาที่มีคนนอกอยู่ด้วย เธอก็จะเรียกเขาว่า ‘ท่านพี่’ ที่ดูเป็นทางการมากกว่า

อย่างไรก็ตามไม่ว่าในกรณีใด การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ล้วนเป็นสัญญาณที่ดี เนื่องจากมันแสดงให้เห็นว่าอลิเซียกำลังเริ่มเปิดใจให้กับเขาอย่างช้า ๆ

“ขอโทษที เธอไม่ชอบให้ฉันทำแบบนั้นใช่ไหม?” โรเอลรีบขอโทษเธอ เพราะกลัวว่าเธอจะไม่ชอบใจ

“ไม่ ไม่ ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ”

เมื่อได้ยินคำถามอันเป็นห่วงเป็นใยของโรเอล อลิเซียก็ส่ายหัวอย่างรวดเร็ว ผมสีเงินวาววับของเธอพลิ้วไหวไปตามการเคลื่อนไหว ความปรารถนาในความอบอุ่นของเธอทำให้เด็กสาวเข้าไปใกล้ ๆ โรเอลโดยสัญชาตญาณ หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่งในที่สุดอลิเซียก็ฝังใบหน้าลงไปที่ไหล่ของเขาอย่างระมัดระวัง

เด็กน้อยทั้งสองยังคงสวมกอดกันต่อไป ทำให้สาวใช้ที่อยู่รอบ ๆ ต่างอดไม่ได้ที่จะยิ้มเมื่อเห็นภาพนี้ แสงสีเขียวของแต้มความสนใจเปล่งประกายอย่างต่อเนื่องเหนือศีรษะของพวกเขา

นายน้อยและนายหญิงสนิทสนมกันดีเสมอต้นเสมอปลายจริง ๆ ~

ในฐานะที่เป็นผู้สังเกตเห็นความสัมพันธ์ระหว่างเด็กน้อยนับตั้งแต่วันแรกที่ทั้งสองเจอกัน แอนนาเป็นดั่งผู้นำของสมาพันธ์เรือคู่รัก ‘โรเอล X อลิเซีย’ สาวใช้ภาวนาอย่างสุดหัวใจว่า เรือลำนี้จะต้องออกไปถึงฝั่งฝันแน่นอน

โรเอลเหลือบมองไปยังแสงสีเขียวรอบตัวเขาอย่างสุขุม และหยุดลงชั่วขณะก่อนที่จะผละออกจากอลิเซียผู้น่ารักอย่างไม่เต็มใจเท่าไหร่

เด็กชายสังเกตเห็นว่าปรากฏการณ์แปลกประหลาดนี้เริ่มต้นขึ้นในทุก ๆ ครั้งที่โรเอลจดจ่อกับอลิเซีย ส่งผลให้เหล่าคนรับใช้ที่อยู่ใกล้ ๆ ปล่อยคลื่นแห่งแต้มความสนใจออกมาให้กับเขา

แต่ที่น่าประหลาดใจยิ่งกว่าก็คือยิ่งเวลาผ่านไปจำนวนแต้มที่ได้รับมาจากพวกเขาเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ!

นี่เป็นการค้นพบอันน่าตกตะลึงมากสำหรับโรเอล แม้ว่าเด็กชายจะรู้สึกงุนงงกับเหตุการณ์นี้ แต่เขาก็ยินดีกับมันอย่างสุดใจ เพราะมันทำให้เขาสามารถเก็บเกี่ยวแต้มความสนใจเสริมจากเหล่าคนใช้รอบ ๆ ได้ในขณะที่ได้แต้มความสนใจจากอลิเซีย

โรเอลไม่เพียงแค่เข้าหาอลิเซียเพื่อรับแต้มความสนใจเท่านั้น การเข้าหาของเขายังมีจุดประสงค์เพื่อที่จะปกป้องเธอด้วยเช่นกัน

ด้วยข้อมูลที่เขารวบรวมมาได้จากในเกม อาย ออฟ โครนิเคิล ในชาติก่อน ชะตากรรมของอลิเซียนั้นเชื่อมโยงกับตระกูลแอสคาร์ดและโรเอลอย่างซับซ้อน

เหตุการณ์โศกนาฏกรรมอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นกับอลิเซียในเกมก็คือ เธอนั้นได้ถูกโรเอลขายเพื่อแลกกับผลประโยชน์บางอย่างเพื่อรักษาตระกูลแอสคาร์ดที่กำลังจะล่มสลายเอาไว้

แน่นอนว่าไม่มีทางที่โรเอลคนปัจจุบันจะทำอะไรแบบนั้นแน่ แต่เขาก็ยังรู้สึกไม่สบายใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ เนื่องจากโรเอลไม่ได้มีข้อมูลที่แน่ชัดเกี่ยวกับสถานการณ์ในตอนนั้น มันอาจจะมีตัวแปรสำคัญบางอย่างที่เขาไม่รู้ก็เป็นได้

เพื่อจะกำจัดความเป็นไปได้ที่เหตุการณ์นั้นจะเกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์ เขาจึงต้องสะสมแต้มความสนใจให้เพียงพอ เพื่อปกป้องตระกูลแอสคาร์ดจากการตกต่ำ ด้วยวิธีนี้อลิเซียก็จะไม่ต้องผ่านโศกนาฏกรรมครั้งนั้น ในขณะที่โรเอลเองก็สามารถหลีกเลี่ยงเดธแฟล็กของเขาได้เช่นกัน

เหตุผลแค่นี้ก็เพียงพอแล้วไม่ใช่เหรอ สำหรับการทำตัวใกล้ชิดสนิทสนมกับสาวน้อยน่ารักอย่างอลิเซีย?

“นี่มันก็เย็นมากแล้ว พวกเราไปที่ห้องอาหารกันดีกว่า” เด็กชายเอ่ยขึ้นเพราะตอนนี้ท้องของเขาเริ่มประท้วงแล้ว

“ค่ะ พี่ใหญ่โรเอล” อลิเซียตอบรับเสียงใส

“แล้ววันนี้เธอทำอะไรมาบ้างล่ะ?” เขาถามอย่างใคร่รู้

“ช่วงเช้า หนูเรียนเรื่องมารยาทกับไวเคานต์ติส [1] เฮฟเฟน ช่วงบ่ายเรียนวรรณคดี ประวัติศาสตร์และคณิตศาสตร์ หลังจากนั้นหนูก็ใช้เวลาทั้งวันอ่านหนังสือในห้องสมุดจนถึงเย็นค่ะ” อลิเซียร่ายยาวกิจกรรมของเธอในช่วงที่เขาไม่อยู่ให้โรเอลฟังอย่างต้องการจะอวดว่าตัวเธอนั้นขยันตั้งใจเรียนมาก ๆ เลยนะ

หืม? เธอตั้งใจเรียนตั้งใจศึกษาขนาดนั้นเลยงั้นเหรอ?

นายน้อยผู้ไร้ความสามารถชะงักเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดของอลิเซีย ความรู้สึกอับอายพาดผ่านหัวใจของเขาไป

บนโลกนี้ชีวิตของขุนนางนั้นไม่ได้มีเพียงแค่การใช้ชีวิตเสพสุขอยู่บนสิทธิพิเศษของตัวเองเพียงอย่างเดียว พวกเขาต่างจากพวกลูกเศษฐีสุรุ่ยสุร่ายที่ดื่มด่ำกับความสุขจนเสื่อมโทรม ขุนนางทุกคนต่างก็ต้องแบกความรับผิดชอบอันหนักอึ้งไว้บนบ่า นั่นก็คือการเตรียมการให้พร้อมสำหรับรุ่นต่อไป

จากนั้นคนรุ่นต่อไปก็จะแบกรับความภาคภูมิใจ ศักดิ์ศรีและความรุ่งโรจน์ของตระกูลของตนเอง ส่งต่อภารกิจไปยังคนรุ่นต่อ ๆ ไป เพื่อรักษาตระกูลของพวกเขาให้เจริญรุ่งเรืองสืบไป

หลังจากลองผิดลองถูกมาหลายปี เหล่าขุนนางต่างก็สรุปได้ว่าวิธีที่ดีที่สุดก็คือการเตรียมการคนรุ่นต่อไปผ่านการศึกษา

การศึกษาเป็นกุญแจสำคัญในการผลิตชนชั้นสูงที่มีความรับผิดชอบต่อภาระที่พวกเขาได้รับ ทำให้ลำดับชั้นของขุนนางเองก็ได้รับการสนับสนุนจากการศึกษาด้วยเช่นกัน

ตระกูลแอสคาร์ดนั้นเป็นตระกูลขุนนางที่มีจุดยืนมาอย่างยาวนาน พวกเขาไม่เคยหยุดที่จะส่งเสริมในด้านการศึกษาให้กับลูกหลานคนรุ่นใหม่

คณะอาจารย์ที่ถูกจ้างเข้ามาสอนล้วนเป็นบุคคลสำคัญที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ บทเรียนที่พวกเขาสอนให้รวมถึงการบ้านจึงขึ้นชื่อในเรื่องของความยาก

แน่นอนว่าทรราชตัวน้อยอย่างโรเอลนั้น ไม่เคยสนใจทั้งบทเรียนและอาจารย์ เขาจึงมักจะละทิ้งงานที่ได้รับมอบหมาย

แต่อลิเซียไม่ใช่คนแบบนั้น แม้เธอจะมีภาระงานมากมายจากการเรียน แต่เด็กสาวก็ยังคงใช้เวลาว่างหลังจากนั้นในการอ่านหนังสือศึกษาหาความรู้

นี่มันไม่มากเกินไปสำหรับเด็กอายุ 7 ขวบเหรอ? โรเอลครุ่นคิดแล้วจึงบอกกับน้องสาวของเขาว่า

“มันเป็นเรื่องดีนะที่เธอมีแรงจูงใจในการเรียนน่ะอลิเซีย แต่เธอก็ไม่ต้องฝืนตัวเองจนเกินไป ค่อย ๆ ศึกษาช้า ๆ ก็ได้ไม่ต้องเร่งรีบไปหรอก”

“…ไม่ค่ะ” เด็กหญิงปฏิเสธเสียงเเข็ง

“หืม? ทำไมล่ะ?” เขาแปลกใจ

“…ถ้าหนูไม่ตั้งใจเรียนล่ะก็ หนูก็จะถูกพี่ใหญ่โรเอลทิ้งเอาไว้ข้างหลังค่ะ”

อลิเซียเปิดเผยแรงจูงใจของเธออย่างอ่อนโยน ปัจจุบันเด็กสาวอายุน้อยกว่าโรเอลสองปี ดังนั้นหากเธอเรียนไปตามปกติ อลิเซียก็จะไม่มีทางตามความคืบหน้าของโรเอลได้ทัน หมายความว่าพวกเขาจะไม่มีวันเข้าเรียนในชั้นเดียวกันได้

ทำให้พวกเขาจะได้พบกันเพียงแค่เฉพาะช่วงมื้อเช้า มื้อกลางวันและมื้อเย็นเท่านั้น เท่ากับว่าเวลาที่พวกเขาจะได้อยู่ด้วยกันนั้นจะถูกลดลงไปมาก ซึ่งมันไม่ใช่อะไรที่อลิเซียสามารถทนได้

การเรียนนั้นทั้งน่าเบื่อซ้ำซากและจำเจ ความปรารถนาเพียงเล็กน้อยนี้จึงเป็นอย่างเดียวที่ทำให้เธอมีแรงผลักดันในการเรียนอย่างขยันขันแข็งทุกวัน

ความคิดนี้ดูเป็นธรรมชาติมากสำหรับอลิเซีย โดยที่เด็กสาวไม่ได้สังเกตด้วยซ้ำว่าเธอผูกพันกับพี่ชายคนนี้มากแค่ไหน ทั้ง ๆ ที่พวกเขาเพิ่งรู้จักกันได้เพียงแค่เดือนเดียวเท่านั้น

“อย่างนั้นหรอกเหรอ? แต่ฉันจำได้ว่าการบ้านของพวกอาจารย์มันยากมาก ปกติฉันต้องทำงานของพวกเขาจนถึงช่วงกลางคืนเลยนะ” เด็กชายยิ้มอย่างเอ็นดู

“อาจเป็นเพราะพี่ใหญ่โรเอลกำลังเรียนเนื้อหาขั้นสูงมากกว่าค่ะ หนูเพิ่งเรียนถึงเล่มสามสำหรับวิชาคณิตศาสตร์เอง เนื้อหานั้นค่อนข้างง่ายหนูถึงทำการบ้านเสร็จได้ค่อนข้างเร็วค่ะ…” อลิเซียรีบหาเหตุผลให้กับพี่ชายของเธอ

“อย่างนั้นเองรึ? เธอเพิ่งเรียนถึงเล่มที่สามเท่านั้น…หืม?” เขาเอ่ยกับเธอก่อนที่จะสะดุดกับคำพูดเมื่อสักครู่นี้

ฝีเท้าของโรเอลหยุดลงชั่วขณะ เขาย้อนนึกถึงคำพูดของอลิเซีย หลังจากนั้นดวงตาสีทองของเขาก็ค่อย ๆ เบิกกว้าง

เดี๋ยวนะ เล่มที่สามของวิชาคณิตศาสตร์? เราค่อนข้างมั่นใจว่าตอนนี้เราเพิ่งถึงเล่มที่สองของวิชาคณิตศาสตร์เท่านั้นเองนี่!

ทันใดนั้นโรเอลก็จำได้ว่าเขาไม่เคยเข้าร่วมชั้นเรียนอย่างจริง ๆ จัง ๆ เด็กชายมักจะเขียนเรื่องไร้สาระลงในการบ้านที่เขาได้รับมา ด้วยเหตุนี้เขาจึงเสียเวลาไปปีกว่าสำหรับการเรียนรู้วิชาในเล่มที่สอง ซึ่งมันไม่ใช่บทเรียนที่ยากเท่าไหร่เลย ไม่อย่างนั้นตอนนี้เขาก็น่าจะไปถึงเล่มที่สี่แล้วด้วยซ้ำ

ด้วยเหตุนี้โรเอลจึงต้องยอมรับความจริงอันโหดร้ายว่าระดับการศึกษาของเขานั้นอยู่ต่ำกว่าอลิเซียที่เด็กกว่าเขาสองปี… และดูเหมือนว่าเด็กสาวจะผ่านมันไปได้อย่างง่ายดายเสียด้วย !

เมื่อนึกย้อนกลับไปถึงเนื้อเรื่องในเกมอาย ออฟ โครนิเคิล โรเอลก็นึกขึ้นได้ว่าอลิเซียนั้นเป็นที่รู้จักและขึ้นชื่อเกี่ยวกับผลการเรียนอันยอดเยี่ยมในสถาบันการศึกษา!

อ๊าก! นอกจากรูปลักษณ์อันสวยงาม จิตใจอันดีงาม เธอยังชาญฉลาดและมีพลังสายเลือดอันทรงพลังอีก ตัวตนสุดแสนจะสมบูรณ์แบบเช่นนี้มันเป็นไปได้ด้วยเหรอ?! ถ้าเป็นโรเอลอีกคนล่ะก็ เขาคงจะรู้สึกว่าตัวเองด้อยค่าแน่ ๆ เมื่อต้องมาอยู่ร่วมกับเธอ!

ทันใดนั้นโรเอลก็ริ่มเข้าใจว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้โรเอลคนเดิมกดขี่อลิเซียและปฏิบัติต่อเธอด้วยความเกลียดชัง นั่นก็เพราะเขามีค่าสติปัญญาไม่สูงนั่นเอง

เมื่อคนเขลาเยี่ยงโรเอลคนก่อนต้องมาเผชิญหน้ากับอลิเซียผู้สมบูรณ์แบบ ความกดดันและความด้อยค่าในใจของเขาย่อมสะสมมากขึ้นไปเรื่อย ๆ ในทุก ๆ วัน ทำให้เขาต้องเผชิญกับความเครียดอย่างหนัก

การที่โรเอลล้าหลังกว่าเด็กสาวที่เทิดทูน คงทำให้เหล่าคนรับใช้หรือใครก็ตามที่รู้พากันหัวเราะเยาะกับสภาพที่เขาเป็นอยู่ในตอนนี้แน่ …

ไม่สิ พวกเขากำลังหัวเราะเยาะโรเอลอยู่จริง ๆ

(แต้มความสนใจ +20! แต้มความสนใจ +30! แต้มความสนใจ + 15 …)

แม้ว่าคนรับใช้เหล่านี้จะมีใบหน้าอันสวยงามน่าไว้ใจ แต่พวกเขาทุกคนต่างก็นึกหัวเราะเยาะโรเอลอยู่ในใจ เห็นได้ชัดจากสีหน้าตึงเครียดปลอม ๆ บนใบหน้าของพวกเขา ว่าพวกเขาทุกคนล้วนรู้ถึงความก้าวหน้าในการศึกษาของโรเอล

หลังจากระยะเวลาหนึ่งเดือนกว่า ๆ แอนนาก็ไม่ได้เกรงกลัวนายน้อยของเธอเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป สาวใช้เผลอหลุดเสียงหัวเราะออกมา แต่ก็ถูกสายตาของโรเอลมองสั่งให้เธอหยุดชะงักลงอย่างรวดเร็ว

ถึงกระนั้นแอนนาก็ยังคงตั้งหน้าตั้งตารอคอยการพลิกบทบาทในอนาคตอันใกล้ ที่อลิเซียนั้นจะได้กลายมาเป็นฝ่ายสอนโรเอลในเรื่องการเรียนแทน

ช่างเป็นเรื่องอันน่ายินดีที่ได้เห็นนายน้อยเข้ากันได้ดีกับนายหญิง!

น่าเสียดายที่โรเอลจะไม่ปล่อยให้เรื่องการเรียนของเขาเป็นแบบนั้นต่อไปแน่ ตอนนี้เขามีความสามารถเพียงพอแล้ว เพราะโรเอลในตอนนี้นั้นไม่ใช่ตัวตนเดิมในอดีตของเขาอีกต่อไปแล้ว!

วิชาคณิตศาสตร์เป็นวิชาที่เขาถนัดมากในชาติก่อน ไม่อย่างนั้นเขาคงได้จบเห่จริง ๆ แน่! โรเอลครุ่นคิดแล้วจึงเดินต่อไป

วันนี้เอง มาร์ควิสคาร์เตอร์ก็ไม่ได้กลับมาทานอาหารที่คฤหาสน์เช่นเคย คนงานในครัวจึงเลือกที่จะรอให้โรเอลกลับมาก่อนถึงเริ่มเตรียมอาหารค่ำ เมื่อข่าวการกลับมาของโรเอลถูกส่งมาที่นี่แล้ว เหล่าพ่อครัวแม่ครัวจึงได้เริ่มทำงานของพวกเขาในทันที

ณ ห้องอาหาร เด็กชายและเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ต่างนั่งอยู่เคียงคู่กัน เนื่องจากโรเอลได้รับการอนุญาตอย่างเป็นทางการจากมาร์ควิสคาร์เตอร์ เกี่ยวกับการใช้ห้องอาหารแล้ว การป้อนอาหารให้อลิเซียในทุก ๆ วันจึงเป็นโครงการอันยิ่งใหญ่สำหรับเขา ดังนั้นเด็กชายจะไม่มีทางยอมให้เกิดข้อผิดพลาดอะไรขึ้นแน่! อย่างไรก็ตามภาระที่จะต้องคอยหั่นเนื้อได้ถูกมอบหมายให้กับคนรับใช้ที่ไว้ใจได้แล้ว หน้าที่ที่เขาต้องทำจึงมีเพียงป้อนอาหารให้อลิเซีย

โรเอลและอลิเซียนั่งคุยกันบนโต๊ะอาหารขณะเฝ้ารออาหารเย็นอย่างมีความสุข ทว่าจู่ ๆ ก็มีข่าวรายงานเข้ามา

“นายน้อยคะ ท่านมาร์ควิส ส่งข่าวมาบอกว่าพรุ่งนี้ท่านจะกลับมาพร้อมกับแขกค่ะ”

ข่าวดังกล่าวถูกส่งผ่านคนรับใช้มากมาย จนในที่สุดแอนนาก็ก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับก้มหัวลงเพื่อแจ้งให้โรเอลทราบ ทำให้เขาต้องกะพริบตาด้วยความประหลาดใจเมื่อได้ยินข่าว

แขกงั้นเหรอ?

[1] ไวเคานต์ติส : Viscountess เป็นฐานันดรศักดิ์ระดับเดียวกันกับไวเคานต์ แต่เอาไว้ใช้สำหรับสตรี หรือเป็นคำเรียกภรรยาของขุนนางตำแหน่งไวเคานต์ได้เช่นกัน