เฉินฝานซิงนิ่งไปเล็กน้อย แต่ก็ตอบออกไป “เชิญค่ะ!” 

 

 

เสียงเรียบเพิ่งเงียบลงประตูห้องก็ถูกเปิดออก คนที่เดินเข้ามาคือชายแปลกหน้าร่างกายสูงใหญ่ในสูทสีดำ 

 

 

เฉินฝานซิงขมวดคิ้วขึ้น “คุณคือ?” 

 

 

อวี๋ซงโน้มศีรษะลงต่อหน้าเธออย่างสุภาพ 

 

 

“สวัสดีครับคุณเฉิน ผมเป็นผู้ช่วยพิเศษของคุณป๋อ อวี๋ซงครับ นี่เป็นโจ๊กและผักดองที่คุณป๋อสั่งให้ผมเตรียมไว้คุณ” 

 

 

“…” 

 

 

คนฉลาดอย่างเฉินฝานซิง แทบจะรู้ได้โดยไม่ต้องเดาและมั่นใจว่า ‘คุณป๋อ’ ที่ผู้ชายนามว่าอวี๋ซงคนนี้เอ่ยถึงคงไม่ใช่ใครอื่นนอกจากป๋อจิ่งชวน 

 

 

แต่ว่าเขาจำเป็นต้องทำอะไรรวดเร็วและตรงไปตรงมาขนาดนี้ไหม 

 

 

“คุณผู้ช่วยอวี๋ ขอบคุณคุณมากนะคะ…ฉันคิดว่าฉันกับคุณผู้ชายของพวกคุณ เรายังไม่ได้รู้จักกันถึงขั้นที่…” 

 

 

“คุณเฉินครับ คุณผู้ชายสั่งไว้ว่าคุณจะเพิ่งฟื้นยังกินอะไรคาวๆ ไม่ได้ ถ้าคุณปฏิเสธก็จะเท่ากับว่าคุณไม่ชอบอาหารพวกนี้ แล้วยังกำชับผมไว้อีกว่าจะต้องหาอาหารอย่างอื่นที่มีรสอ่อนๆ มาให้คุณเรื่อยๆ จนกว่าคุณจะถูกใจและยอมกินมันจนหมดครับ” 

 

 

อย่างกับว่าอวี๋ซงจะรู้ล่วงหน้าว่าเธอจะต้องปฏิเสธยังไงอย่างงั้น คำพูดสุดท้ายยังไม่ทันหลุดออกจากปากด้วยซ้ำ เขาก็สามารถต่อขึ้นมาได้ทันที 

 

 

ใบหน้าเรียบเฉยขณะพูด ท่าทางดูสุภาพ ถ้อยคำกระชับไม่เยิ่นเย้อ ทั้งยังไม่สงสัยในความหมายและทุกการกระทำที่ผู้เป็นนายได้สื่อออกมาแม้แต่น้อย 

 

 

มองเขาเหมือนก็มองป๋อจิ่งชวนไม่มีผิด 

 

 

คนคนนี้ความสามารถไม่ธรรมดาแน่ๆ 

 

 

เฉินฝานซิงอดไม่ได้ที่จะมองอวี๋ซงด้วยสายตาชื่นชม 

 

 

ทว่า… 

 

 

เธอส่ายศีรษะด้วยอย่างหน่ายใจ แล้วพูดกับอวี๋ซงว่า 

 

 

“ไม่รบกวนคุณแล้วค่ะ ฝากขอบคุณคุณป๋อด้วยนะคะ” 

 

 

อวี๋ซงก้าวไปข้างหน้า จัดการวางถุงกระดาษบูติกไว้บนตู้ แล้วจึงหันมาโน้มตัวให้เฉินฝานซิง 

 

 

“ทานให้อร่อยนะครับ” 

 

 

“ค่ะ!” 

 

 

เฉินฝานซิงพยักหน้ารับอวี๋ซงยืดตัวขึ้น เขาไม่ได้ออกไปนอกห้องหากแต่เดินไปยืนอีกฝั่งหนึ่งแทน 

 

 

เฉินฝานซิงแหงนหน้ามองเขา 

 

 

อวี๋ซงสบเข้ากับสายตาของเธอแล้วเอ่ยขึ้น “คุณชายสั่งให้ผมเฝ้าคุณจนกว่าจะเสร็จ” 

 

 

เฉินฝานซิงรู้สึกได้ถึงหัวคิ้วของตัวเองที่กระตุกหนักๆ สองที 

 

 

เธอเม้มปากแน่น ยื่นมือไปคว้าถุงที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาเปิด ขณะกำลังสำรวจของในถุงอยู่นั้นเธอก็รู้สึกงงขึ้นมา 

 

 

คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นโจ๊กของหรูอี้ซวน 

 

 

ไม่มีใครไม่รู้จัก หรูอี้ซวนศาลาริมน้ำมีกลิ่นอายความคลาสสิกและบรรยากาศที่งดงาม 

 

 

หน้าร้านไม่ใหญ่มากแต่ผักปลาอาหารข้างในกลับอร่อยถูกปากทุกจาน 

 

 

ในความเคยชินของการกินอิ่มนอนหลับ ผู้คนนับวันยิ่งให้ความสำคัญการดูแลร่างกาย และอีกอย่างในหรูอี้ซวนจะไม่เสิร์ฟแอลกอฮอล์ ต่อให้นำมาจากข้างนอก พวกเขาก็ไม่อนุญาตเช่นกัน จะมีก็แค่น้ำเปล่าและน้ำชาเท่านั้น ขณะรับประทานอาหารก็ห้ามส่งเสียงเอะอะโวยวาย 

 

 

ถึงแม้จะเป็นร้านเล็กๆ ที่มีกฎมากมาย แต่กลับมีลูกค้าแวะไปบริการกันมากจนแน่นร้าน 

 

 

ด้านในที่นั่งไม่พอ ถ้าอยากเข้าไปก็ต้องยอมรอต่อคิวอย่างว่าง่าย 

 

 

ดังนั้นอยากทานอาหารของหรูอี้ซวน ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะมีเงินมากหรือน้อย 

 

 

เธอเพิ่งจะแยกกับป๋อจิ่งชวน ยังไม่เกินครึ่งชั่วโมงเลยด้วยซ้ำ โจ๊กของหรูอี้ซวนก็มาอยู่ตรงหน้าของเธอในเวลารวดเร็วขนาดนี้… 

 

 

เฉินฝานซิงเริ่มที่จะอดสงสัยในตัวของผู้ชายคนนี้ไม่ได้เสียแล้ว 

 

 

สีหน้าเรียบเฉยแกะห่อข้าวออก ความประหลาดใจก็เกิดขึ้นอีกครั้ง แม้แต่กล่องและเครื่องใช้อื่นๆ บนโต๊ะอาหารก็ล้วนทำจากไม้สลัก 

 

 

พิถีพิถันจริงๆ 

 

 

ยิ่งรสชาติของโจ๊กและกับข้าวต่างๆ ยิ่งไม่ต้องพูดถึง แต่เธอกินเข้าไปได้คำเดียวก็ผงกศีรษะขึ้น 

 

 

มองไปยังอวี๋ซงที่กำลังจ้องมองเธออยู่