ตอนที่ 13 หัวหน้าของสองครอบครัวพบหน้ากัน

ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย

เฉินฝานซิงวางตะเกียบลง 

 

 

อวี๋ซงนึกสงสัยแต่ก็ยังจ้องเธอกลับไปอย่างไม่สะทกสะท้าน 

 

 

“ผู้ช่วยอวี๋ คุณช่วยกลับไปก่อนเถอะค่ะ ฉันกินมันหมดแน่ๆ แต่ฉันไม่ค่อยชอบกินอาหารแล้วมีคนมายืนจ้องอยู่แบบนี้” 

 

 

อวี๋ซงใคร่ครวญอยู่สักพักก็พยักหน้ารับ 

 

 

“ทราบแล้วครับ คุณเฉินเชิญทานให้อร่อยผมขอตัวก่อน” 

 

 

“ค่ะ” เฉินฝานซิงตอบเสียงแผ่วแล้วว่างตะเกียบลงเตรียมจะลุกขึ้น 

 

 

“คุณเฉินส่งผมแค่นี้ก็พอครับ” 

 

 

อวี๋ซงเสริมขึ้น ร่างที่ยืดขึ้นมาแล้วครึ่งหนึ่งชะงักลงแล้วนั่นกลับลงไป 

 

 

“งั้นฉันไม่ส่งแล้วนะคะ” เธอเลิกคิ้วตอบ 

 

 

อวี๋ซงพยักหน้ารับอีกครั้ง แล้วหมุนตัวจากไป ตอนนี้ไม่มีดวงตาที่คอยจับจ้องและจับผิดเธออย่างเมื่อสักครู่แล้ว 

 

 

ตอนแรกที่รู้ว่าคุณชายจะให้เขามาส่งอาหารให้กับคุณเฉินเขาเองก็ช็อกอยู่เหมือนกัน 

 

 

แต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่เคยเห็นว่าคุณผู้ชายสนใจผู้แปลกหน้าคนไหนที่เคยเจอกันโดยบังเอิญ แถมยังจู่โจมเขาอย่างโจ่งแจ้งอีกต่างหาก 

 

 

เขาเองก็อดสงสัยไม่ได้ ในตอนแรกเขายังคิดว่าคุณผู้ชายนั้นตัดสินใจเร็วไปด้วยซ้ำ เขาจึงเก็บเอาความสงสัยใคร่รู้มาเป็นเป้าหมายในการมาครั้งนี้ 

 

 

แค่ระยะเวลาสั้นๆ ที่อยู่ด้วยกัน เขาก็ได้รู้แล้วว่านิสัยใจคอพร้อมทั้งกิริยามารยาทของผู้หญิงคนนี้ดีอย่างเหลือเชื่อ 

 

 

คุณผู้ชายจะเลือกเธอก็ไม่แปลก 

 

 

“ก่อนจะถึงศุกร์หน้ายังพอมีเวลานิดหน่อย เธอสองคนไปจัดการให้เรียบร้อย ดูสิว่าพอจะขอพบพ่อแม่ของซูเหิงได้หรือเปล่า” 

 

 

“ครับ เข้าใจแล้ว” เฉินเต๋อฝานตอบรับ 

 

 

คนพวกนี้มีความเห็นพ้องต้องกันกับเรื่องนี้อย่างไร้ข้อกังขา การตอบสนองและท่าที่สมเหตุสมผลเหล่านั้นทำให้ใครๆ ก็มองว่ามันเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลแล้ว 

 

 

อวี๋ซงกวาดตามองบุคคลทั้งสามอย่างช้าๆ ก่อนจะเดินผ่านคนพวกนั้นไป 

 

 

รูปลักษณ์ที่ดูสะดุดตาทำให้ทั้งสามอดที่จะให้ความสนใจไม่ได้ แต่ก็ได้เพียงมองผ่านๆ แวบนึงและก็ไม่ได้กลับไปสนใจอีกเลย 

 

 

– 

 

 

ตอนนี้ท้องของเฉินฝานซิงกำลังหิวได้ที่ นับว่าป๋อจิ่งชวนโจ๊กส่งมาให้เธอได้ทันเวลาเลยทีเดียว 

 

 

ในเมื่อรับมาแล้ว เธอก็ไม่จำเป็นที่จะทิ้งให้เสียของ 

 

 

ทว่ากินเข้าไปได้ไม่กี่คำ ประตูห้องที่ถูกปิดไปได้ไม่นานก็ได้เปิดออกโดยไม่มีแม้แต่เสียงเคาะประตู 

 

 

คิ้วสวยขมวดเข้าหากันแหงนหน้าขึ้นมองไปยังประตู 

 

 

สีหน้าที่หม่นหมองอยู่แล้ว เมื่อได้มองไปยังกลุ่มคนที่เดินเข้ามาก็ทำให้ใบหน้าสวยหม่นหมองยิ่งกว่าเก่า 

 

 

เจียงหรงหรงเดินนำเข้ามา เฉินฝานซิงเพิกเฉยต่อสายตาเกลียดชังที่เธอมอบให้ เธอคลายคิ้วลง มองช้อนไม้ที่เฉิงฝานซิงถืออยู่ในมือก่อนที่มันจะถูกวางลง 

 

 

ไม่มีอารมณ์จะกินต่อแล้ว 

 

 

“ฝานซิง ค่อยยังชั่วขึ้นแล้วเหรอ” 

 

 

หยางลี่เวยที่คอยอยู่ข้างหลังเจียงหรงหรงก้าวเข้ามา เดรสสีน้ำตาลแดงปักลาย เสื้อคลุมที่ทำจากผ้าโปร่งในสีเดียวกัน ผมถูกเกล้าอย่างพิถีพิถัน ทรงหน้ารูปไข่ที่ผ่านการบำรุงมาเป็นอย่างดี ทำให้เธอดูมีอำนาจแต่ทั้งยังอ่อนโยนอ่อนหวานไปด้วยเช่นกัน 

 

 

น้ำเสียงของเธอเปี่ยมไปด้วยความอ่อนโยนและห่วงใย 

 

 

เฉินฝานซิงไม่โต้ตอบ 

 

 

ต่อให้ดีกับเธออีกสักแค่ไหน เธอก็ไม่มีวันญาติดีกับคนที่บีบคั้นคุณแม่ของเธอจนตายหรอก 

 

 

แค่คิดถึงคุณแม่เฉินฝานซิง ก็รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาที่กลางอก 

 

 

ฝ่ามือเย็นข้างลำตัวกำหมัดแน่น ความเกลียดชังในใจเริ่มปะทุออกมา! 

 

 

“ผิดหวังหน่อยนะ พอดียังไม่ตาย” 

 

 

สามปีก่อนเธอถูกบังคับให้ออกจากประเทศ หลังนั้นสามปีเธอก็กลับมาและอุทิศตัวให้กับบริษัทของซูเหิงและบริษัทที่แม่ของเธอทิ้งไว้! 

 

 

บ้านหลังนั้นน่ะ เธอไม่เคยคิดจะกลับไปเหยียบแม้แต่ครั้งเดียว หากไม่ใช่เพราะว่าคุณปู่ของยังอยู่ในบ้านหลังนั้น ชาตินี้ทั้งชาติเธอก็ไม่ขอมีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับคนพวกนี้! 

 

 

ความหยาบคายและไม่แยแสอย่างเช่นทุกครั้งของเฉินฝานซิงทำให้เฉินเต๋อฝานเดือดสุดขีด 

 

 

“ยัยเด็กเหลือขอ! ท่าทางแบบนี้หมายความว่ายังไง!”