บทที่ 15 อิสรภาพ
ก่อนหน้านี้ไม่นานจางซิ่วเอ๋อเพิ่งจะรอดหวุดหวิด ทำไมนังหนูคนรองตระกูลจางก็ฆ่าตัวตายด้วยล่ะ? ที่หัวนั่นเห็นได้ชัดว่าโขกเอง ตระกูลจางนี่ชักจะเกินไปแล้วนะ
ผู้ใหญ่บ้านซ่งเสียงขรึม “นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
จากนั้นหมอเมิ่งก็เป็นคนเล่าเรื่องของจางชุนเถา
ผู้ใหญ่บ้านซ่งฟังจบก็ทอดสายตาไปที่แม่เฒ่าจาง
แม่เฒ่าจางหลบสายตา ก่อนจะเอ่ยขึ้น “นี่ไม่เกี่ยวกับข้านะ นังนี่อยากตายเอง”
จางซิ่วเอ๋อกล่าวด้วยเสียงสะอึกสะอื้น “ผู้ใหญ่บ้าน ท่านต้องให้ความเป็นธรรมกับข้าและชุนเถาด้วยนะ ท่านย่าข้าจะจับพวกเราไปขายให้คนค้ามนุษย์ ข้ามีทะเบียนแล้ว นางจึงเริ่มบีบคั้นชุนเถา ชุนเถาทนไม่ไหวเลยเอาหัวโขกกำแพงฆ่าตัวตาย”
“ตอนนี้ชุนเถาหายใจรวยริน ท่านย่าก็ไม่ยอมจ่ายเงินรักษาให้ชุนเถา วันนี้ข้าเชิญท่านมาเพราะหวังว่าท่านจะให้ความเป็นธรรม ให้ชุนเถาตัดสัมพันธ์กับครอบครัวนี้ ในเมื่อตอนนี้ข้าออกมาตั้งตัวเองแล้ว อย่างนั้นข้าจะพาชุนเถาออกไปอยู่กันเอง”
พูดมาถึงตรงนี้ จางซิ่วเอ๋อก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ส่วนตำลึงที่จะใช้รักษา ท่านอาเมิ่ง ข้าจะเขียนใบกู้ให้ ต่อให้ต้องเป็นวัวเป็นควายข้าก็จะหามาใช้ให้ ถ้าสุดท้ายชุนเถาไม่ฟื้นกลับมา ข้าก็จะจัดการฝังนางอย่างดี ต่อให้ชุนเถาฟื้นแล้วกลายเป็นคนเอ๋อ ข้าก็จะดูแลชุนเถาไปชั่วชีวิต”
ทุกคำที่พูดดูออกว่าพี่น้องรักกันมาก ทุกคนที่ได้ฟังต่างก็ซึ้งใจ
แน่นอนว่าทุกคนไม่รวมแม่เฒ่าจาง ตอนนี้แม่เฒ่าจางเริ่มบ่นขึ้นมาแล้ว “เจ้าอยากไปก็ไป จะมาสร้างเรื่องสร้างราวทำไม”
แต่เพราะผู้ใหญ่บ้านซ่งอยู่ แม่เฒ่าจางจึงเก็บอาการอยู่บ้าง
ผู้ใหญ่บ้านไม่ใช่ขุนนางศักดิ์ใหญ่ แต่ก็มีอำนาจในหมู่บ้านพอสมควร
ผู้ใหญ่บ้านซ่งขมวดคิ้ว “ในเมื่อเจ้าไม่อยากมีจางชุนเถาแล้ว จางซิ่วเอ๋อก็อยากพานางไป งั้นโยกทะเบียนของจางชุนเถาไปอยู่กับจางซิ่วเอ๋อแล้วกัน”
นาทีนั้นแม่เฒ่าจางไม่อยากเห็นหน้าจางซิ่วเอ๋อและจางชุนเถาอีก จึงรีบรับปากไป
ที่จริงนางเองก็อยากถามผู้ใหญ่บ้านว่าเรื่องทะเบียนของจางซิ่วเอ๋อมันเป็นมายังไงกันแน่ แต่ตอนนี้เล่นกันเกือบจะถึงชีวิต นางเองพอเห็นผู้ใหญ่บ้านแล้วก็หงอขึ้นมาไม่กล้าถาม
ในใจก็พลันคิด ไม่ว่านังเด็กนี่จะไปอยู่ที่ไหนก็เป็นหลานนาง นางมีวิธีควบคุมอยู่แล้วในภายภาคหน้า
หมอเมิ่งก็ดูจะเขียนหนังสือรับรองเสร็จแล้ว อ่านให้แม่เฒ่าจางฟัง สุดท้ายแม่เฒ่าจางก็ต้องประทับรอยมืออย่างไม่เต็มใจ และเป็นอันว่ายอมปล่อยคนไป
ที่จริงตอนนี้จางซิ่วเอ๋อก็อยากจะตัดความสัมพันธ์กับแม่เฒ่าจาง แต่จางซิ่วเอ๋อก็รู้ว่าเรื่องนี้เร่งมากไม่ได้ ถ้าตัดความสัมพันธ์ตอนนี้ทุกคนต้องรู้สึกว่านางทำเกินไป และอาจจะถูกสงสัยว่าอตัญญู
แถมแม่โจวและจางซานหยายังต้องใช้ชีวิตอยู่ในบ้านนี้ ถ้าทำให้เรื่องใหญ่เกินไปจะไม่ดีกับทุกฝ่าย
ผลลัพธ์ตอนนี้ นางจึงพอใจมากแล้ว
ในห้องเอะอะกันขนาดนี้ คนในลานบ้านจะไม่รู้เลยเหรอ? คนบ้านสามไม่มาเพราะฉลาด ไม่อยากจะซวยไปด้วย
ส่วนจางต้าหู ไปทำนายังไม่กลับมาเลย
ส่วนแม่โจว โดนแม่เฒ่าจางใช้ออกไปทำงานเย็บปักที่บ้านข้าง ๆ
ตอนนี้แม่โจวเพิ่งจะกลับมา พอเห็นจางซิ่วเอ๋อแบกจางชุนเถาออกมาก็ตกใจไม่น้อย
“ซิ่วเอ๋อ นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” แม่โจวรีบถามทันที
“รีบ ๆ ไสหัวไปซะ อย่ามาตายในบ้านข้าจะสกปรกเอา!” เสียงแม่เฒ่าจางก่นด่าอยู่ในห้องดังออกมา
จางซิ่วเอ๋อเอ่ยขึ้น “แม่ ไม่ต้องร้อนใจไป ตอนนี้ข้าอยู่ไม่ได้แล้ว แม่ให้ซานหยาเล่าให้แม่ฟังนะว่าเกิดอะไรขึ้น”
พูดเสร็จจางซิ่วเอ๋อก็ออกไป นางไม่อยากอยู่ในที่อัปมงคลนี้ต่อไปแม้แต่วินาทีเดียว
ไม่นานนัก แม่โจวก็รู้จากปากจางซานหยาว่าเกิดอะไรขึ้น นางนั่งลงกับพื้น ร้องไห้แบบไร้เสียง ครั้งนี้ถ้าไม่ใช่เพราะลูกคนโตมีแผนไว้แล้ว เด็กทั้งสองคงโดนขายไปเป็นแน่
แม่โจวรู้แล้วว่าจางซานหยาแกล้งทำเป็นอ่อนแอ จึงไม่ห่วงเรื่องนี้
แต่ความกังวลใหม่ก็คืบคลานเข้ามาในใจ ฟ้าเริ่มมืดแล้วเด็กทั้งสองจะไปอยู่ที่ไหน?
แม่โจวคิดได้แบบนั้นก็ร้อนใจขึ้นมา อยากจะออกไปหาเด็กทั้งสอง
แต่แม่เฒ่าจางเหมือนเดาออกแต่แรก จึงยืนขวางอยู่หน้าประตู และด่าทันที
“ไอ้ตัวแก่ขาดทุน ตัวเด็กขาดทุนที่เจ้าเลี้ยงมารู้จักหยามข้าแล้วนะ ถึงกับแอบไปลงทะเบียน แล้วตอนนี้เจ้าคิดจะไปหาพวกนางรึ? ฝันไปเถอะ!”
“ข้าจะบอกให้นะ ลูกสาวคนโตเจ้าแผลยังไม่หายดี ลูกสาวคนรองก็ไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย สองคนนี้ต้องอดตายอยู่ข้างนอกแน่ ไม่แน่นะ อาจจะโดนใครทำมิดีมิร้ายให้ด้วย”
“เฮอะ ตัวป่วนแบบนั้น ตายไปก็สมน้ำหน้า เจ้าก็ไม่ต้องคิดจะไปช่วยพวกนางนะ ถ้าข้ารู้ ข้าจะถลกหนังเจ้าและถีบตัวขาดทุนในท้องเจ้าให้หลุด!”
คำด่าแต่ละคำของแม่เฒ่าจางช่างแสบหูแม่โจวเหลือเกิน
ร่างกายแม่โจวอ่อนแออยู่แล้ว โดนด่าเข้าไปอีกจึงสลบไป
ส่วนจางซิ่วเอ๋อและจางชุนเถาทั้งสองกำลังคุยกับหมอเมิ่งอยู่
“พวกเจ้าสองคนไปอยู่บ้านข้าสักคืนไหม?” หมอเมิ่งถอนหายใจ เด็กสองคนนี้รันทดจริง ๆ
จางซิ่วเอ๋อส่ายหัว “ท่านอาเมิ่ง เรื่องวันนี้ขอบคุณท่านอามาก ถ้าพวกเราไปอยู่กับท่านอาจะทำให้ท่านเสียชื่อเสียงเอา ท่านอาวางใจเถอะ ข้าหาที่ไปได้แล้ว”
ถึงแม้ตอนนี้อายุนางจะยังน้อย แต่ก็เปลี่ยนความจริงที่นางเป็นแม่ม่ายไม่ได้
เขาว่ากันว่าหน้าบ้านแม่ม่ายมีแต่เรื่อง ถ้านางพาจางชุนเถาไปอยู่บ้านหมอเมิ่ง ต้องทำให้หมอเมิ่งเป็นที่นินทาของชาวบ้านแน่ ๆ
พอจางชุนเถาหายดี งั้นแม่เฒ่าจางต้องสาดน้ำเสียใส่หมอเมิ่งแน่ ๆ
หมอเมิ่งถูกเตือนเข้าก็รู้สึกตัวว่าเกินไป จึงล้วงเอายาขวดนึงออกจากอก ยื่นให้จางซิ่วเอ๋อ “ยานี่รักษาแผลภายนอกได้ พวกเจ้าเก็บไว้ใช้เถอะ”
พูดจบ หมอเมิ่งก็ไม่รอให้จางซิ่วเอ๋อพูดคำขอบคุณอะไรอีก หันหลังหายไปกับราตรี
จางซิ่วเอ๋อรู้สึกจุก ๆ ที่ตา บนโลกนี้ยังมีคนดีอยู่สินะ
“พี่ เราจะไปไหนกันละ?” จางชุนเถาถามเสียงเบา
ตอนนี้ในใจของจางชุนเถา ภาพลักษณ์จางซิ่วเอ๋อยิ่งใหญ่มาก อย่างครั้งนี้ถ้าไม่มีจางซิ่วเอ๋อ นางก็ไม่มีวันจะได้มาซึ่งอิสรภาพหรอก
ถึงแม้นางจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็รู้สึกได้ว่าพี่สาวตัวเองไม่เหมือนเดิมจริง ๆ
พี่สาวที่เมื่อก่อนนี้อ่อนแอ ขี้แง ตอนนี้แบกฟ้าไว้ได้ผืนนึงแล้ว
ในขณะที่คุยกัน บนฟ้าก็เต็มไปด้วยเมฆครึ้ม ดวงดาวและดวงจันทร์ถูกบดบังจนสิ้น
ลมหนาวพัดมา หญิงสาวที่บอบบางอ่อนแออยู่แล้วแทบจะโดนลมพัดไปด้วย
“ชุนเถา เจ้าจำบ้านร้างในป่าได้ไหม?” จางซิ่วเอ๋อเอ่ย
สีหน้าจางชุนเถาเปลี่ยนไปเล็กน้อย “ไอ้รู้น่ะข้ารู้ แต่บ้านนั้นมีผี เราจะไปอยู่ที่นั่นเหรอ?”
สีหน้าจางชุนเถาเต็มไปด้วยความกลัว
จางซิ่วเอ๋อพยักหน้า “ก็ดีกว่าตากฝนตายนะ ชุนเถา ตอนนี้เราสองคนก็อยู่ในสภาพนี้แล้ว อย่างมากก็แค่เจอผี ตายแล้วเราก็ต้องกลายเป็นผี ใครต้องกลัวใครก็ไม่แน่หรอกนะ” ที่นาางรู้จักตรงนั้นก็เพราะเจ้าของร่างกลัวที่นั่นมาก จึงเหลือความทรงจำไว้ให้นางด้วย
จางชุนเถาได้ยินจางซิ่วเอ๋อพูดดังนั้น หน้าก็เริ่มคลายความกลัว เดิมทีนางก็ไม่ใช่ผู้หญิงขี้กลัว จึงเอ่ยอย่างห้าวหาญ “พวกเราไปอยู่ที่นั่นแหละ”
จากนั้นจางซิ่วเอ๋อจึงพาจางชุนเถาเดินเข้าไปในป่า
บ้านหลังนี้ไม่อยู่ในหมู่บ้าน แต่อยู่ในป่าแห่งหนึ่งใต้เขา
ลือกันว่าเมื่อก่อนมีหญิงชราชอบใส่รองเท้าแดงอาศัยอยู่ที่นี่ แต่หลังจากนั้นหญิงชราคนนั้นฆ่าตัวตาย คนเถ้าคนแก่บอกว่าคนที่สวมใส่สีแดงตอนตาย จะกลายเป็นผีเฮี้ยน
คนในหมู่บ้านนี้โง่เขลากันอยู่แล้ว ลือกันปากต่อปาก สุดท้ายจึงกลายเป็นว่าที่นี่มีผีจริง ๆ