บทที่ 14 หัวโขกกำแพง

หลังส่งสัญญาณให้จางซิ่วเอ๋อรู้แล้ว จางชุนเถาก็ตะโกนทันทีว่า “ต่อให้ต้องตายข้าก็จะไม่ยอมถูกขาย!”

เมื่อจางชุนเถาพูดจบ นางก็พุ่งตัวไปโขกกำแพง จางชุนเถาออกแรงไม่น้อยเลย ซึ่งทุกคนที่ตอนแรกโดนจางซิ่วเอ๋อดึงดูดความสนใจไป คิดไม่ถึงว่านังหนูที่เงียบ ๆ จู่ ๆ จะกระทำการที่โหดร้ายขึ้นมาได้

วินาทีที่จางชุนเถาพุ่งตัวไปเพื่อโขกศีรษะใส่กำแพงนั้น ทุกคนต่างก็กำลังตกใจและไม่อาจตั้งตัวทันได้เพื่อเข้าไปห้ามไว้

พอจางชุนเถาโขกศีรษะเสร็จ นางก็นอนแน่นิ่งไป

แม่เฒ่าจางเห็นท่าก็รีบเอ่ยขึ้น “แม่นางเฉียน พวกเราลงนามในสัญญากันก่อนเถอะ” คำพูดคำจานางนั้นสนใจแค่ตำลึงเงิน ไม่สนว่าจางชุนเถาจะเป็นหรือตาย

แต่แม่นางเฉียนก็ไม่ได้โง่ จึงเอ่ยขึ้นกึ่งยิ้ม “ข้าไม่อยากซื้อของตายกลับไปหรอกนะ ตามมาหมอมาดูหน่อยเถอะ”

และพอพูดถึงตรงนี้ แม่นางเฉียนก็เอ่ยเสริม “ตำลึงค่าหมอเจ้าต้องออก”

“ยังนิ่งอยู่ทำไม เจ้าจะยืนอยู่ตรงนี้รอให้น้องสาวเจ้าตายหรือไง ไปตามหมอเมิ่งมาสิ!” แม่เฒ่าจางเห็นจางซิ่วเอ๋อยืนนิ่งก็รู้สึกโมโห

จางซิ่วเอ๋อวิ่งออกไปทันที และจนถึงตอนที่นางกลับมา จางชุนเถาก็ยังนอนอยู่ที่เดิม ไม่มีใครเคลื่อนย้ายอะไร

หมอเมิ่งจับชีพจรให้จางชุนเถา จากนั้นไม่พูดอะไร และเอาแต่ถอนหายใจ

แม่เฒ่าจางเป็นห่วงตำลึงของตัวเอง จึงถามขึ้นอย่างอดไม่ได้ “นางเป็นอย่างไรบ้าง?”

หมอเมิ่งส่ายหัวพลางเอ่ย “เกรงว่าไม่ค่อยดีเท่าไหร่ นางโขกไปขนาดนี้ ถ้าไม่รักษาให้ทันท่วงที ต่อให้ฟื้นขึ้นมาได้ ก็อาจจะกลายเป็นคนสติไม่ดี….”

“แล้วต้องใช้กี่ตำลึงรักษากัน?” แม่เฒ่าจางถามต่อ

หมอเมิ่งลังเล ก่อนจะเอ่ยขึ้น “อาการนางค่อนข้างหนัก อย่างน้อย ๆ ก็ต้องใช้ 10 ตำลึงเงิน อีกอย่าง…ก็ใช่ว่าจะรักษาหาย…..”

“อะไรนะ? 10 ตำลึงเงิน!?” แม่เฒ่าจางทั้งตกใจทั้งโมโห

หมอเมิ่งถอนหายใจ “ท่านป้าจาง ท่านก็รู้จักข้าดี ข้าเห็นว่าพวกเราอยู่หมู่บ้านใกล้กันจึงคิดให้ถูก ๆ ถ้าไปที่แคว้น อย่างน้อย ๆ ก็ต้องใช้ 20 ตำลึงเงินเชียวนะ…”

หมอเมิ่งพูดมาถึงตรงนี้ก็เอ่ยต่อ “ถ้าพวกท่านยังไม่มีตำลึงพอ ติดข้าไว้ก่อนก็ได้ ค่อย ๆ คืนทีหลัง”

แม่เฒ่าจางเชื่อถือคำพูดของหมอเมิ่ง ค่ารักษาและยาของเขาถูกที่สุดในรัศมีรอบ ๆ นี้แล้ว

แต่ 10 ตำลังเงินเลยเหรอ? นังเด็กนี่ราคาแค่ 4 ตำลึงเงิน มีแต่คนโง่เท่านั้นแหละถึงจะควัก 10 ตำลึงเงินรักษาให้

ในอีกด้านนึง แม่นางเฉียนได้ยินดังนี้ก็ยิ่งจะไม่เอานังเด็กนี่เข้าไปใหญ่ พาหล่อนไปต้องจ่ายตั้ง 4 ตำลึงเงิน กลับไปต้องดูแลอีก ที่สำคัญที่สุดคืออาจจะไม่หาย….

นี่มันตัวรอขาดทุนชัด ๆ

แม่นางเฉียนไม่คิดจะทำการซื้อขายแล้ว และไม่อยากอยู่ที่นี่ให้เรื่องราวมันยืดเยื้อด้วย นางจึงลุกขึ้นจะไปทันที

แม่เฒ่าจางที่เห็นแบบนี้จะยอมให้แม่นางเฉียนไปได้อย่างไร? จึงเอ่ยขึ้นทันที “แม่นางเฉียน เจ้าไม่ซื้อแล้วหรือ?”

“ข้าไม่อยากซื้อคนเอ๋อกลับไป การซื้อขายของเราจบแล้ว” แม่นางเฉียนให้คำตอบที่แน่ชัดกับแม่เฒ่าจาง

แม่เฒ่าจางโดนกระตุ้นจากหลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดขึ้น จึงเริ่มจะบันดาลโทสะ “นังรองบ้านข้าโขกกำแพงก็เพราะเจ้า เจ้าจะไม่ซื้อได้ยังไง!?”

แม่นางเฉียนขมวดคิ้วมองแม่เฒ่าจาง ทำไมคน ๆ นี้ถึงตื้อจังนะ

“ข้าไม่คิดจะซื้อแล้ว” แม่นางเฉียนกล่าวเสียงแข็ง นางเป็นคนค้ามนุษย์ ปกติแล้วคบค้าแต่กับคนระดับใหญ่ จะมากลัวแม่เฒ่าจางได้อย่างไร?

“ไม่ได้ ต่อให้เจ้าไม่ซื้อก็ต้องทิ้ง 10 ตำลึงเงินไว้รักษานังเด็กนี่ให้ข้า” แม่เฒ่าจางกล่าวเสียงฉุนเฉียว

แม่นางเฉียนมองแม่เฒ่าจางอย่างนึกขำ “ข้าว่าคนที่หัวโขกน่าจะเป็นเจ้านะ”

แม่เฒ่าจางโดนแขวะ แต่จะยอมเลิกราง่าย ๆ ได้อย่างไร นางลุกขึ้นจะไปดึงตัวแม่นางเฉียนทันที

ท่านย่าเล็กของจางซิ่วเอ๋อเห็นเข้าก็รีบลุกขึ้นดึงแม่เฒ่าจางไว้ “พี่ แม่นางเฉียนเป็นคนมีหน้ามีตาในแคว้น เจ้าอย่าไปมีเรื่องกับนางเลย”

พูดถึงตรงนี้ นางก็อดตำหนิแม่เฒ่าจางไม่ได้

ถ้าไม่ใช่แม่เฒ่าจางที่บอกว่าเสร็จเรื่องจะให้ค่าคนกลางนาง 20 เหรียญ นางเองก็ไม่ยอมทำเรื่องพรรค์นี้หรอก

นี่ถ้าไปทำให้แม่นางเฉียนโกรธเข้า แม่เฒ่าจางที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านไม่เป็นไรหรอก แต่ตัวนางเองอาศัยอยู่ในแคว้น แม่นางเฉียนใช้เส้นสายนิด ๆ หน่อย ๆ ก็ทำให้นางใช้ชีวิตที่แคว้นต่อไปไม่ได้แล้ว

เห็นได้ชัดว่าแม่นางเฉียนไม่อยากวุ่นวายกับคนไร้การศึกษาอย่างแม่เฒ่าจาง เวลานี้จึงขึ้นรถม้าไป และออกจากตรงนั้นโดยไม่เหลียวหลังกลับมามอง

แม่เฒ่าจางโดนดึงไว้ ตอนนี้ได้แต่สบถก่นด่ายืนมองแม่นางเฉียนจากไป

จริง ๆ พอมีคนเตือน แม่เฒ่าจางก็ไม่กล้าทำตัวเป็นปฏิปักษ์กับแม่นางเฉียนจริง ๆ หรอก

นางอัดอั้นตันใจระบายไม่ได้ พอเห็นจางซิ่วเอ๋อที่อยู่ในห้องก็ตบไปหนึ่งฉาด “เป็นเพราะเจ้าทุกอย่างเลยพังหมด!!”

จางซิ่วเอ๋อเอี๊ยวตัวหลบ และพูดเย็น ๆ “ตอนนี้ข้าออกไปตั้งตัวเองแล้ว ว่ากันว่าแต่งงานแล้วต้องตามสามี ต่อให้สามีข้าตายไปแล้ว ข้าก็เป็นคนตระกูลเนี่ย ไม่ใช่คนตระกูลจาง เจ้าเป็นย่าข้าก็จะมาตีข้าตามใจชอบไม่ได้แล้ว”

จากนั้นจางซิ่วเอ๋อก็ชะงักไปครู่นึงก่อนจะเสริมขึ้นมาอีก “มีเวลามาตีข้า สู้ไปสนใจชุนเถาไม่ดีกว่าหรือ?”

แม่เฒ่าจางกวาดตาไปมองจางชุนเถาที่สลบอยู่กับพื้น พอคิดว่าต่อให้จางชุนเถาฟื้นขึ้นมาก็คงเป็นคนเอ๋อ ทำให้นางก็รู้สึกโมโหโทโสเข้าไปอีก ปกติก็เป็นตัวขาดทุนอยู่แล้ว ถ้ากลายเป็นคนเอ๋อ จับแต่งก็ไม่ได้ เอาไปขายก็ไม่ได้ ถึงเวลาต้องขาดทุนมากขึ้นอีกน่ะสิ!

หมอเมิ่งพูดเสริมทัพ “ท่านป้าจาง ท่านจะช่วยหรือไม่ช่วย?”

แม่เฒ่าจางแค่นเสียง “ไม่ช่วย!”

ตอนนี้จางซิ่วเอ๋อจึงเอ่ยขึ้นตาแดง ๆ “นี่น้องสาวข้า เจ้าไม่ช่วยข้าช่วยเอง”

“เอาสิ เจ้ามีปัญญาก็พาตัวขาดทุนนี่ไสหัวออกจากบ้านไป” แม่เฒ่าจางโมโหสุด ๆ

จางซิ่วเอ๋อรอประโยคนี้ของแม่เฒ่าจางอยู่ นางเอ่ยเสียงเข้ม “ข้าพาชุนเถาไปก็ได้ แต่ไม่ว่าชุนเถาจะเป็นหรือตายก็ไม่เกี่ยวข้องกับเจ้าแล้ว”

แม่เฒ่าจางอยากให้เป็นแบบนั้นแทบไม่ไหว ไม่อย่างนั้นถ้าจางชุนเถาตายในบ้านต้องเป็นอัปมงคลแน่ และไม่แน่อาจจะกระทบเรื่องแต่งงานของอวี่หมินด้วย

“ไปเลย ไสหัวไปตอนนี้เลย แล้วอย่าได้มาที่ตระกูลจางอีก!” แม่เฒ่าจางด่าด้วยเสียงเกรี้ยวกราด

“ซานหยา เจ้าไปตามผู้ใหญ่บ้านมา ท่านอาเมิ่ง ท่านช่วยเขียนหนังสือรับรองให้ด้วย” จางซิ่วเอ๋อเอ่ยอย่างเป็นระเบียบแบบแผน

นางไม่อยากให้จางชุนเถาฟื้นมาแล้วโดนแม่เฒ่าจางจับไปขายอีกรอบ เพราะฉะนั้นต้องรอบคอบไว้ก่อน

หมอเมิ่งพกหมึกพู่กันติดตัวตลอด อย่างไรซะในหมู่บ้านนี้ก็ใช่ว่าทุกบ้านจะมีหมึกพู่กัน ตอนเขียนตำรับยาก็ต้องใช้ของตัวเอง

จางซิ่วเอ๋อพูด หมอเมิ่งเขียน

ใจความสำคัญประมาณว่า แม่เฒ่าจางกับจางชุนเถาไม่มีความเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป

ตอนนั้นผู้ใหญ่บ้านซ่งก็มาแล้ว พอมาถึงบ้านตระกูลจาง เขาก็เห็นจางชุนเถาที่นอนอยู่บนพื้น จึงได้แต่ขมวดคิ้วเล็กน้อย

เรื่องวุ่น ๆ ในตระกูลจางเขาเองก็พอรู้บ้าง แต่บ้านที่ด่าว่าตบตีลูกสาวนั้นไม่ได้มีแค่บ้านนี้บ้านเดียว เขารักษาการอย่างยุติธรรมแต่ก็ยากจะตัดสินเรื่องในครอบครัว จึงไม่ได้ยุ่งเรื่องแบบนี้

แต่ถ้าเล่นกันถึงชีวิต ถ้าเขาไม่ยุ่งเห็นทีจะไม่ได้เสียแล้ว