บทที่ 13 คนค้ามนุษย์มา
จางซิ่วเอ๋อสูดลมหายใจเข้าลึก ให้กำลังใจตัวเอง แล้วจึงเดินเข้าไปข้างใน
เพราะอีกประเดี๋ยวมีศึกใหญ่ต้องรบ
จางชุนเถามีแผนในใจแล้วจึงยังคงนิ่งอยู่
สองพี่น้องเข้ามาถึงลานบ้าน วางหญ้าและผักป่าลง
จางอวี่หมินเห็นทั้งสองกลับมาแล้ว นางไม่ได้ต่อว่าที่ทั้งสองนำของกลับมาน้อยอย่างหาดูได้ยาก แต่รีบเดินเข้าไปในห้องทันที
ไม่นานนัก จางอวี่หมินก็เรียกสองพี่น้อง รวมถึงจางซานหยาด้วยเช่นกัน “ย่าเรียกพวกเจ้าให้เข้าไปหา”
พอทั้งสามเข้ามาในห้อง จางซิ่วเอ๋อก็เห็นว่าในห้องมีคนแปลกหน้าสองคน
คนหนึ่งเป็นหญิงรูปร่างผอมแห้งแต่งตัวด้วยผ้าหยาบแต่สะอาดสอ้าน ซึ่งคน ๆ นี้ก็คือย่าเล็กของจางซิ่วเอ๋อ
ส่วนอีกคนเป็นหญิงร่างท้วมทาแป้งหน้าขาว อายุราว ๆ 30 ปี นางกวาดตาไปมาระหว่างจางซิ่วเอ๋อและจางชุนเถา ก่อนจะเอ่ยขึ้น “คนโต 4 ตำลึง คนนี้ 3 ตำลึง”
แม่เฒ่าจางได้ยินดังนั้นก็ไม่ยอม นี่มันต่างกับที่นางคิดไว้ จึงเอ่ยขึ้นทันที “ข้าเลี้ยงไอ้ตัวขาด…” แต่ถึงอย่างนั้นนางก็ไม่ได้พูดคำว่าตัวขาดทุนออกมา จะขายเอาเงินทั้งทีจะดูหมิ่นของตัวเองไม่ได้สิ
แม่เฒ่าจางจึงพูดใหม่ “ข้าเลี้ยงเด็กสองคนนี้มาหลายปี เสียตำลึงไปไม่น้อย แค่ 7 ตำลึงน้อยเกินไป”
ส่วนทางด้านหญิงร่างท้วมนั้นเห็นแบบนี้แต่นางก็เป็นคนฉลาดมาก จึงเอ่ยยิ้ม ๆ “เด็กสองคนนี้ผอมแห้ง เนื้อหนังไม่ถึง 2 โล ไม่ว่าจะเอาไปขายที่ไหนก็คงไม่มีใครเอา ข้าต้องขุนพวกนางอีกสักพัก ถ้าให้มากกว่านี้ข้าก็ขาดทุนสิ”
แม่เฒ่าจางกัดฟันพูดขึ้น “ 10 ตำลึง ถ้าน้อยกว่านี้ข้าไม่ขายแล้ว”
หญิงร่างท้วมกรอกตาไปมา ซึ่งไม่มีใครรู้เลยว่านางคิดอะไรอยู่
จางซิ่วเอ๋อโมโหสุด ๆ นี่เห็นนางเป็นคนตายรึไง? คุยราคาค่าตัวของนางกับน้องสาวต่อหน้าต่อตาแบบนี้!
จางซิ่วเอ๋อพูดกึ่งยิ้ม “ท่านย่าจะขายอะไรเหรอ? บ้านเรามีของที่มีมูลค่าขนาดนั้นด้วยเหรอ? หรือท่านย่าจะขายอาเล็ก?”
จางอวี่หมินได้ยินดังนั้นก็หน้าดำคร่ำเครียดทันที “นังเด็กชั้นต่ำ! ข้าจะบอกให้นะ คราวนี้แม่จะขายเจ้ากับจางชุนเถาไงละ!”
เมื่อพูดจบ จางอวี่หมินก็รอให้จางซิ่วเอ๋อร้องไห้
แต่จางซิ่วเอ๋อไม่ร้อง และมีสีหน้าประหลาดใจแทน “จะขายพวกข้ารึ?”
จางอวี่หมินประหลาดใจ เมื่อก่อนไม่ว่านางจะพูดอะไรก็ทำให้จางซิ่วเอ๋อร้องไห้ได้เสมอ แต่คราวจางซิ่วเอ๋อที่อยู่ตรงหน้านางทำให้นางแปลกใจจริง ๆ
จางอวี่หมินรู้สึกไม่สบายใจอย่างไม่มีสาเหตุ ใบหน้าเล็ก ๆ ขาว ๆ ของนางเต็มไปด้วยความสงสัย
ปกตินางอยู่บ้านแทบไม่ต้องทำงานอะไรเลย ถือว่าถูกเลี้ยงมาอย่างดี จึงต่างกับรูปร่างผอมแห้งผิวคล้ำอย่างจางซิ่วเอ๋อมาก
“ใช่ จะขายพวกเจ้านี่แหละ” จางอวี่หมินพูดอย่างมุ่งร้าย
“งั้นท่านย่าคงต้องผิดหวัง ตอนนี้ข้าไม่ใช่คนตระกูลจางแล้ว การที่ท่านย่าจะขายข้ามันไม่สมเหตุสมผลหรือเปล่า….?” จางซิ่วเอ๋อพูดต่อ
และยังไม่ทันที่ใครจะพูดอะไร จางซิ่วเอ๋อก็มองหญิงร่างท้วมคนนั้นพร้อมเอ่ย “ท่านป้าผู้นี้ข้าดูแล้วหน้าตาจิตใจดี จึงอยากบอกด้วยความหวังดี ข้าเป็นหญิงที่ออกเรือนแล้ว ถึงสามีจะตาย ตอนนี้เป็นแม่ม่าย แต่ก็ไม่ถือว่าเป็นคนตระกูลจาง ท่านป้าซื้อข้าไป…อีกหน่อยจะเป็นคดีนะ”
หญิงร่างท่วมได้ฟังดังนั้นก็สีหน้าไม่สู้ดี นางไม่รู้เลยว่าลูกสาวคนโตตระกูลจางเป็นแม่ม่าย
ถ้าเป็นแม่ม่าย จะให้ราคานี้ได้อย่างไร?
“นี่มันเรื่องอะไรกัน?” หญิงร่างท้วมเอ่ยเสียงเข้ม ท่าทางน่าเกรงขามขึ้นมานิด ๆ
แม่เฒ่าจางแทบจะเย็บปากจางซิ่วเอ๋อ นางกัดฟันอธิบายทันที “ถึงนังนี่จะเคยแต่งงานแล้ว แต่เพิ่งแต่งเข้าก็โดนยกกลับมา ยังบริสุทธิ์อยู่ ไม่ว่าเจ้าจะเอาไปขายที่ไหนก็ไม่เสียราคาหรอก”
“เป็นแบบนี้เองรึ?” สายตาหญิงร่างท้วมกรอกไปมา ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่
“แบบนี้แหละ แบบนี้แหละ” แม่เฒ่าจางกลัวหญิงร่างท้วมจะเปลี่ยนใจ จึงรีบอธิบายเสริม
จางซิ่วเอ๋อเอ่ยเสียงเย็น “ข้าเป็นคนที่ออกไปตั้งตัวเองแล้ว ถ้าพวกท่านขายข้า ถือว่าเป็นการค้ามนุษย์โดยพลการ ถ้าทางการรู้เข้า ต้องถูกลงทัณฑ์เชียวนะ”
“อะไรนะ เจ้าไปตั้งตัวเอง?” หญิงร่างท้วมอุทานอย่างตกใจ
เดิมทีนางตั้งใจจะใช้เรื่องนี้กดราคา แต่พอได้ยินจางซิ่วเอ๋อพูดแบบนี้ก็ทำนิ่งอีกไม่ไหว
นางทำอาชีพนี้ย่อมรู้ดีว่าอาชีพของนางเข้าข่ายลักมนุษย์ไปขายง่ายมาก เรื่องนี้จะยอมไม่ได้เลย อย่างน้อยก็ทำให้มันชัดมากไม่ได้
ลูกสาวตระกูลจางเป็นคนพื้นที่โดยกำเนิด นอกจากคนตระกูลจางแล้วคงมีคนรู้จักอีกไม่น้อย ถ้านางจับไปขายจริง ๆ ก็ง่ายที่จะเกิดเรื่องขึ้น
“ไอ้เด็กเวร ยังไม่หุบปากอีก!” แม่เฒ่าจางกัดฟันกรอด
“แม่นางเฉียน เจ้าอย่าไปฟังที่นางซี้ซั้วพูดนะ นังนี่พูดปากเปล่าไม่มีหลักฐาน นางแค่อยากทำลายการซื้อขายของเรา” แม่เฒ่าจางรีบอธิบาย
จางซิ่วเอ๋อถึงได้รู้ว่าคนค้ามนุษย์ผู้นี้ชื่อ แม่นางเฉียน
นางมองแม่นางเฉียนและเอ่ยขึ้น “ท่านป้าเฉียน ท่านป้าหน้าตาอย่างกับเจ้าแม่กวนอิมลงมาเกิด ข้าไม่อยากหลอกท่านจริง ๆ ….ท่านอย่าโดนท่านย่าข้าหลอกนะ”
พูดจบจางซิ่วเอ๋อก็เอาทะเบียนตัวเองออกมาจากอก
มันเป็นกระดาษแข็งที่ประทับตราทางการเอาไว้ บนนั้นเขียนชื่อนางไว้ชัดเจน รวมถึงข้อมูลทางตระกูล และที่อยู่ต่าง ๆ
แม่นางเฉียนเห็นสิ่งนี้แล้วฟังที่จางซิ่วเอ๋อพูด จากนั้นก็มองแม่เฒ่าจางด้วยสายตาโกรธแค้น “ข้าอุตส่าห์ใจดีซื้อลูกบ้านเจ้า เจ้ากลับทำแบบนี้กับข้างั้นรึ!”
ท่านย่าเล็กของจางซิ่วเอ๋อรีบเอ่ยขึ้น “ของนั่นคงไม่ใช่ของปลอมหรอกนะ”
จางซิ่วเอ๋อเอ่ยกึ่งยิ้ม “ท่านป้าเฉียน ถ้าท่านไม่เชื่อก็ไปถามดูจากคนในหมู่บ้านก็ได้ ถ้าไม่มีคนชื่อนี้ ข้าจะไปกับท่าน….”
ที่จริงแม่นางเฉียนเพียงเหลือบมองครู่เดียวก็รู้แล้วว่าเป็นของจริง
ตอนนี้แม่เฒ่าจางกำลังมองจางซิ่วเอ๋ออย่างเคียดแค้น จนแทบอยากจะพุ่งตัวไปกัดให้จางซิ่วเอ๋อเนื้อหลุด แต่เวลานี้ แม่เฒ่าจางยังสั่งสอนจางซิ่วเอ๋อไม่ได้ ตอนนี้เรื่องสำคัญที่สุดคือเอาตำลึงก่อน
หลังจากจบเรื่องนี้ นางยังมีเวลาจัดการนังเด็กชั้นต่ำนี่อีกเยอะ
ในตอนนี้เอง แม่นางเฉียนก็เอ่ยขึ้น “การซื้อขายครั้งนี้คงเป็นไปไม่ได้แล้ว”
“อย่านะ คนโตไม่ได้ ยังมีคนรองกับคนเล็กอยู่” แม่เฒ่าจางรีบบอก
จางซานหยาที่โดนพูดถึงก็ตัวสั่นเล็กน้อยในทันที
แม่นางเฉียนกวาดตามองจางซานหยา ก่อนจะเอ่ยกึ่งยิ้ม “คนนี้อายุน้อยไป ซื้อกลับไปปรนนิบัติคนอื่น หรือให้คนอื่นปรนนิบัติล่ะ?”
จางซิ่วเอ๋อเดาถูกจริง ๆ จางซานหยาอายุน้อยจึงยังปลอดภัยอยู่
แม่เฒ่าจางหน้าตาปวดร้าว ตำลึงเงินเลยนะตำลึงเงิน ปลิวหายไปต่อหน้าต่อตา จะไม่ให้นางปวดร้าวได้อย่างไร!?
แม่เฒ่าจางยิ้มเอาใจทันที “เจ้าว่าคนรองราคาเท่าไหร่ล่ะ?”
“ข้าให้ได้มากสุด 4 ตำลึง มากกว่านี้ไม่ได้แล้ว ถ้ายังไม่ได้อีกก็จบเท่านี้” พูดเสร็จแม่นางเฉียนก็เตรียมลุกขึ้นจะไป
แม่เฒ่าจางกลัวว่าแม่นางเฉียนจะเปลี่ยนใจ จึงรีบเอ่ยขึ้น “ได้ ๆ เอาตามนี้แหละ”
เมื่อได้ยินแบบนั้น จางซิ่วเอ๋อส่งสายตาให้จางชุนเถาทันที จางชุนเถาก็ส่งกลับ เป็นอันว่าจางซิ่วเอ๋อไม่ต้องเป็นห่วง