ตอนที่ 89 ไม่เป็นไร ถึงอย่างไรเขาก็ยังมีดีที่หน้าตา

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

นัยน์ตาเย็นชาของฟังจือหันปรายมามอง

 

 

หัวใจของเหอหว่านซินสั่นไหวเล็กน้อยอย่างห้ามไม่ได้

 

 

ออร่าของผู้ชายคนนี้รุนแรงมากจริงๆ เขาเป็นแค่แมงดาคนหนึ่งจริงๆ หรือ

 

 

ลุงใหญ่อาศัยฐานะที่ตนเองเป็นผู้อาวุโสกล่าวสั่งสอน “ผู้ชายเนี่ยต้องมีงานมีกิจการเป็นของตัวเอง ต้องรับผิดชอบเลี้ยงคนทั้งครอบครัวให้ได้ อ้อใช่ คุณฟังเป็นคนที่ไหนหรือ พ่อแม่ประกอบอาชีพอะไร เรื่องของเธอกับกานกาน พวกเขารับรู้หรือเปล่า”

 

 

อวี๋กานกานเม้นปาก มองไปทางฟังจือหัน

 

 

คำถามนี้เธอเองก็อยากรู้เหมือนกัน เธอเฝ้ารอคำตอบของฟังจือหันเป็นอย่างมาก

 

 

ฟังจือหันเหลือบไปมองลุงใหญ่ สบตากับอวี๋กานกาน ตอบอย่างราบเรียบ “เป็นคนเมืองจิง ทั้งพ่อและแม่เสียแล้วครับ”

 

 

อวี๋กานกาน “…”

 

 

พ่อแม่ไม่อยู่แล้ว? เขาก็เป็นเหมือนเธอไม่มีพ่อแม่?

 

 

นี่เรื่องจริงหรือว่าเขากำลังหลอกลุงใหญ่?

 

 

เหอหว่านซินยิ้มออกมาอีกครั้ง ความรู้สึกตื่นตระหนกเมื่อครู่จางหายไปในทันที

 

 

ก่อนหน้านี้ยังนึกว่าฟังจือหันจะใช่ลูกเศรษฐีหรือเปล่า ผลปรากฏว่าพ่อแม่ล้วนตายไปแล้ว งั้นก็เป็นไม่ได้ที่จะมีภูมิหลังครอบครัวอันยิ่งใหญ่เกรียงไกร

 

 

ออร่าอะไรนั้นช่างไร้สาระสิ้นดี ทั้งหมดเป็นการเล่นละครทั้งเพ

 

 

ถ้ามีเงินจริง ทำไมถึงขับรถจี๊ปพังๆ

 

 

สำหรับยี่ห้อรถยนต์ที่ทหารใช้ ก่อนหน้านี้เธอไปสอบถามมาแล้ว คนที่เคยเป็นทหารมาก่อนหลายคนใช้เส้นสายแค่นิดๆ หน่อยๆ ก็สามารถมีใช้กันทั้งนั้น

 

 

เหอหว่านซินถามด้วยความโมโห “อวี๋กานกาน เงินที่ได้จากการเปิดคลินิกทุกวันนี้ ใช่ไม่ใช่ถูกเธอเอาไปเลี้ยงหนุ่มหน้าอ่อนนี่หมดแล้ว”

 

 

อวี๋กานกานเหล่ตามองเหอหว่านซิน “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเธอด้วย”

 

 

ฝ่ามือข้างหนึ่งของเหอหว่านซินตบลงบนโต๊ะ “แน่นอนว่าต้องเกี่ยวกับฉัน คลินิกเป็นของปู่ฉัน เธอใช้คลินิกของปู่ฉันหาเงินมาเลี้ยงผู้ชาย เธอไม่ละอายใจต่อปู่ฉันบ้างหรือไง เธอยังมีมโนสำนึกอยู่หรือเปล่า หรือว่ามโนสำนึกของเธอมันถูกสุนัขคาบไปกินแล้ว”

 

 

อวี๋กานกานรู้สึกน่าขันเป็นอย่างยิ่ง “เธอไม่ต้องมาเสวนากับฉันหรอก เพราะฉันไม่อยากให้คนอื่นมาหัวเราะเยาะที่ฉันต้องมาทะเลาะกับหมูโง่เง่าตัวหนึ่ง”

 

 

เหอหว่านซินปรี๊ดแตกทันที “อวี๋กานกาน แกเลี้ยงผู้ชาย แล้วยังทำหน้าภูมิอกภูมิใจนี่มันหมายความว่ายังไง ฉันจะบอกอะไรให้เอาบุญพวกแมงดามันหลอกกิน หลอกเอาเงิน หลอกให้รักทั้งนั้น อาชีพของพวกมันคือมิจฉาชีพ ตอนที่มีเงินมันก็จะเล่นด้วยกับแก ตอนที่ไม่มีเงินมันก็จะทิ้งแกไปทันที เปลี่ยนไปซุกหน้าอกผู้หญิงอื่น”

 

 

เหอหว่านซินพูดเหน็บแนมเสียดสี สายตาที่มองอวี๋กานกานเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยามโดยไม่ปิดบังแม้แต่น้อย

 

 

อวี๋กานกานแสยะยิ้ม “เลี้ยงผู้ชายหล่อเหล่าหน้าตาดีเป็นกิจกรรมที่มีความสุขมากกิจกรรมหนึ่ง มีเขาฉันมีความสุขมาก พี่เองก็เคยมีประสบการณ์ตรงไม่ใช่เหรอคะ”

 

 

เดิมทีเหอหว่านซินนึกว่าอวี๋กานกานโดนเธอพูดไปแบบนั้นน่าจะโกรธจนปรี๊ดแตก ผลปรากฏว่านอกจากไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบแล้ว ประโยคหลังยังดูเหมือนเจาะจงมาที่เธอ

 

 

ร่างกายแข็งทื่อ สีหน้าเริ่มเปลี่ยนเป็นกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

 

 

เหอหว่านซินพูดอย่างโมโหลนลานเล็กน้อย “อวี๋กานกาน แกหมายถึงอะไร พูดจาพิลึก ตีวัวกระทบคราด[1] อยากพูดอะไรกันแน่”

 

 

“ฉันอยากจะบอกว่าไม่มีเงินไม่เป็นไร ถึงอย่างไรเขาก็ยังมีดีที่หน้าตา พวกเราสามารถร่วมกันวางแผน ใช้ประโยชน์จากใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา ไปหลอกเอาเงินจากผู้หญิงอื่นได้” อวี๋กานกานจงใจกดเสียงให้ต่ำ พูดด้วยสีหน้าใสซื่อบริสุทธิ์

 

 

แม้ว่าหน้าตาของฟังจือหันจะนำโด่งหยางเทียนโย่วไปหลายช่วงถนน แต่หยางเทียนโย่วเหมือนแมงดากว่าฟังจือหันเยอะ

 

 

ท่าทีเป็นห่วงเป็นใยที่เหอหว่านซินมีต่อหยางเทียนโย่ว ต่อให้เหอหว่านซินมีแฟนแล้ว เธอก็ยังสงสัยว่าหยางเทียนโย่วและเหอหว่านซินมีความสัมพันธ์กัน อีกทั้งยังร่วมมือกันวางแผนหลอกเธอ ทั้งหมดก็เพื่อคลินิกที่คุณปู่เหลือไว้

 

 

พอเหอหว่านซินได้ยินประโยคแฝงนัยนี้ ไอเย็นที่หลังแล่นขึ้นเสียววาบๆ เธออ้าปากพะงาบๆ ไม่รู้จะพูดอะไรออกมาดี…

 

 

 

 

——

 

 

[1] ตีวัวกระทบคราด หมายถึง การเสแสร้งแกล้งพูดหรือกระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ให้ไปกระทบกระเทือนอีกฝ่ายหนึ่ง เนื่องจากโกรธเขาแต่ไปทำอะไรเขาโดยตรงไม่ได้