บทที่ 5 ฮีโร่ช่วยสาวงาม

ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸]

บทที่ 5 ฮีโร่ช่วยสาวงาม

อวี้ฮ่าวหรานแหงนมองไปที่โครงสร้างภายนอกตึก

หน้าต่างส่วนใหญ่ตรงระเบียงนั้นเปิดออก และตรงระเบียงแต่ละชั้นนั้นก็มีพื้นที่ให้เหยียบอยู่พอสมควร เพราะมันเป็นที่วางคอมเพรสเซอร์แอร์ด้วย

ในเมื่อเขาไม่สามารถขึ้นไปข้างบนด้วยลิฟต์ข้างในได้งั้นเขาก็จะขึ้นไปโดยการ ‘ปีน’

ไม่ว่าจะยังไงวันนี้เขาต้องเห็นหน้าเฉิงกัวอันให้ได้

เมื่อคิดได้เช่นนี้อวี้ฮ่าวหรานก็เดินอ้อมไปที่ด้านหลังตึกในจุดที่ไม่มีคน จากนั้นเขาก็กระโดดขึ้นไปที่ระเบียงชั้น 2 ได้อย่างง่ายดายจากพละกำลังอันเหนือมนุษย์ของร่างเทวะ

จากนั้นเขาก็กระโดดพุ่งขึ้นไปชั้น 3 อีกรอบ แต่แล้วเมื่อเขากระโดดขึ้นมาถึงชั้น 4 ที่ด้านในตึกกลับมีพนักงานชายหญิงคู่หนึ่งกำลังพลอดรักกันอยู่ ซึ่งอวี้ฮ่าวหรานก็รีบกระโดดขึ้นไปชั้น 5 อย่างรวดเร็ว

ท้ายที่สุดแค่เวลาเพียงไม่กี่อึดใจอวี้ฮ่าวหรานก็กระโดดขึ้นมาถึงระเบียงชั้น 8 และเมื่อเขามองผ่านหน้าต่างเข้าไป เขาก็เห็นว่าระเบียงที่เขายืนอยู่มันอยู่ฝั่งตรงข้ามกับหน้าห้องประธานบริษัทพอดี

อวี้ฮ่าวหรานยังคงไม่เข้าไปด้านในตึก เขาเดินไต่ระเบียงไปเรื่อย ๆ เพื่อที่จะมองเข้าไปในห้องของประธานบริษัทก่อนจากด้านนอกหน้าต่าง

แต่แล้วเมื่อเขาเดินไปถึงจุดที่สามารถมองเห็นด้านในห้องประธานบริษัทจากนอกหน้าต่าง เขาก็เห็นว่าที่ด้านในห้องตอนนี้มีหญิงสาวในชุดสูทราคาแพงคนหนึ่งกำลังถูกมัดอยู่บนเก้าอี้และมีเทปกาวปิดปากอยู่

และไม่ไกลจากเธอนักมีผู้ชายร่างใหญ่และผอม 2 คน ซึ่งแต่งตัวเหมือนบอดี้การ์ด และมีมีดอยู่ในมือยืนคุมเชิงอยู่ด้วยสีหน้าดุดัน

“อีก 5 นาที ถ้าพ่อของคุณยังไม่โผล่มาพวกเราคงต้องทำอะไรกับหน้าสวย ๆ ของคุณสักหน่อย..” ชายร่างใหญ่เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าโหดเหี้ยม พลางเอาสันมีดด้านไร้คมปาดไปที่หน้าของหญิงสาวที่ถูกมัดติดอยู่กับเก้าอี้ “อย่าตะโกนเป็นอันขาด ไม่อย่างนั้นแล้วล่ะก็หน้าสวย ๆ นี่คงไม่มีทางเหมือนเดิมไปตลอดกาล…หึหึหึ”

เมื่อพูดจบชายผู้นั้นก็ค่อย ๆ ดึงเทปกาวที่ปิดปากหญิงสาวออก

เมื่อไม่มีเทปกาวปิดปากแล้วเฉิงชิวอวี้ถามขึ้นทันทีด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “พะ พวกแกเป็นใครกัน…ทำไมพวกแกถึงต้องเล่นงานพ่อของฉันแบบนี้!?”

“ทำไมน่ะเหรอ? มันเป็นเพราะพ่อของคุณขายยาต่าง ๆ ในราคาต่ำเตี้ยเรี่ยดินซะขนาดนี้ คุณไม่คิดว่ามันจะกระทบกับเพื่อนร่วมอาชีพบ้างเลยหรือไงคุณหนูเฉิง?” ชายอีกคนซึ่งมีร่างผอมพูดขึ้นด้วยสีหน้าเย้ยหยัน “ดังนั้นมันไม่แปลกเลยที่เราจะต้องใช้คุณเพื่อล่อพ่อของคุณ…”

“หุบปาก!” ชายร่างใหญ่รีบเอ่ยขัดขึ้นทันทีเมื่อเห็นว่าเพื่อนร่วมงานของตัวเองเริ่มพูดมากเกินไปแล้ว

หลังจากเตือนเพื่อนร่วมงานของตัวเองเสร็จ เขาเอาสันมีดด้านไร้คมค่อย ๆ ลากไปที่คอ และลงไปเรื่อย ๆ ถึงร่องอกพลางพูดขึ้นด้วยสายตาหื่นกระหาย “ไม่ต้องห่วง ๆ พวกเราไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำอะไรเท่าไหร่ หลังจากที่พวกเราฆ่าพ่อของคุณเสร็จ พวกเราจะไว้ชีวิตคุณแน่นอน แต่คุณต้องตอบแทนพวกเราโดยการทำให้พวกเรามีความสุขบ้าง หึหึหึ”

“ฆ่าฉันซะเลยสิไอ้พวกเวร!”

หลังจากรู้ถึงความตั้งใจของชาย 2 คนนี้แล้วเฉิงชิวอวี้ก็รู้ว่าการร้องขอชีวิตมันไม่มีประโยชน์อะไรอีก ดังนั้นเธอจึงเปลี่ยนเป็นการตอบโต้เสียงแข็งแทน

ชายทั้งสองคนนี้ได้เข้ามาเป็นหน่วยรักษาความปลอดภัยให้ตึกแห่งนี้มา 2 อาทิตย์แล้วเพื่อรอสังหารพ่อของเธอ มันเห็นได้ชัดว่าคนพวกนี้น่าจะเป็นนักฆ่ามืออาชีพ

เฉิงชิวอวี้หลับตาลงยอมรับชะตากรรมของตัวเอง เธอสูดหายใจลึกเพื่อสยบความกลัวของตัวเองและเอ่ยว่า “พ่อของฉันตอนนี้ไม่ได้อยู่ในฮ่วยอัน ไม่ว่าจะยังไงวันนี้เขาก็ไม่มาที่บริษัทแน่นอน พวกแกไม่ได้ทำการบ้านมาก่อนด้วยซ้ำว่าเป้าหมายตอนนี้อยู่ที่ไหน พวกแกเป็นนักฆ่าประสาอะไรกัน!”

“และอีกอย่าง การที่พวกแกฆ่าฉันในวันนี้ ฉันรับประกันได้เลยว่าหลังจากนี้พวกแกไม่รอดแน่ ๆ ที่นี่มีกล้องวงจรปิดอยู่มากมายไม่ว่าจะยังไงพ่อของฉันต้องสับพวกแกเป็นชิ้น ๆ แน่นอนเมื่อเขาหาตัวพวกแกเจอ!”

“กล้องวงจรปิดงั้นเหรอ?” ชายร่างผอมเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเยาะเย้ย “คุณหนูเฉิง คุณลืมไปแล้วหรือไงว่าพวกเราทำงานเป็นหน่วยรักษาความปลอดภัยให้ตึกนี้มา 2 อาทิตย์แล้ว ตอนนี้พวกเราได้จัดการปิดกล้องวงจรปิดทุกตัวในตึกไปแล้วเรียบร้อย!”

“ในเมื่อเฉิงกัวอันไม่อยู่ที่ฮ่วยอันงั้นมันก็เสียเวลาเปล่า ๆ ที่เราจะรอเขา แก้มัดนังผู้หญิงคนนี้แล้วพาตัวมันไปกับพวกเราก่อนจะดีกว่า จากนั้นพวกเราค่อยคิดแผนการอื่นต่อไป!” ชายร่างใหญ่ยืดเส้นยืดสายก่อนที่จะเอาเทปกาวปิดปากเฉิงชิวอวี้เอาไว้เหมือนเดิม และไปลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่สีเงินที่พวกเขาเตรียมเอาไว้ล่วงหน้าเข้ามาใกล้ ๆ

จากนั้นพวกเขาก็เริ่มส่งสัญญาณกันเองให้ช่วยกันแก้มัดเฉิงชิวอวี้ และจับเธอยัดลงไปในกระเป๋า

ในตอนนี้เฉิงชิวอวี้รู้สึกสิ้นหวังเป็นอย่างมาก

หากนักฆ่า 2 คนนี้พาตัวเธอออกจากบริษัทได้สำเร็จจริง ๆ เหตุการณ์ถัดจากนี้มันจะต้องยิ่งเลวร้ายมากกว่าเดิมแน่นอน

เธออยากจะตะโกนร้องขอความช่วยเหลือแทบใจจะขาด แต่ตอนนี้ปากของเธอถูกปิดด้วยเทปกาวเอาไว้อีกแล้ว เธอจึงทำได้แค่ร้องอู้อี้ด้วยความสิ้นหวัง

“ถ้าตอนนี้มีใครสักคนถีบประตูเข้ามาช่วยฉัน มันก็คงจะดี…” เฉิงชิวอวี้รู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากที่ก่อนหน้านี้เธอปฏิเสธพ่อของเธอแบบหัวชนฝาว่าเธอจะไม่ยอมให้มีบอดี้การ์ดคนไหนมาคอยเฝ้าจับตาดูเธอตลอดเวลาแน่นอน

เพล้ง!!

จู่ ๆ กระจกหน้าต่างบานโตก็แตกออกเป็นเสี่ยง ๆ พร้อมกับร่างของชายหนุ่มผู้หนึ่งกระโดดเข้ามาในห้องอย่างรวดเร็ว

อวี้ฮ่าวหรานได้ยินบทสนทนาเมื่อครู่อย่างชัดเจน โดยเฉพาะเมื่อเขาได้ยินนักฆ่า 2 คนนี้คิดวางแผนใช้ตัวลูกสาวข่มขู่พ่อของเธอเอง เขาก็รู้สึกโมโหขึ้นมามาก ๆ แบบไม่มีเหตุผล

“ใครกันวะ?” นักฆ่าทั้งสองต่างตะโกนขึ้นแทบจะพร้อม ๆ กันด้วยสีหน้างุนงง และตื่นตระหนก

แน่นอนว่าพวกเขาต้องตื่นตระหนกเพราะคนธรรมดาที่ไหนมันจะโผล่มาทางหน้าต่างแบบนี้?

“อวี้ฮ่าวหราน” อวี้ฮ่าวหรานตอบกลับด้วยสีหน้าเย็นชา พร้อมกับค่อย ๆ เดินเข้ามาหาอย่างใจเย็น

เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ดวงตาของเฉิงชิวอวี้ก็เต็มไปด้วยความหวัง เธอไม่คิดว่าคำอธิษฐานในใจของเธอมันจะกลายเป็นจริง

ไม่สิ มีส่วนไม่จริงนิดหน่อยตรงที่คนที่ช่วยเธอเข้ามาทางหน้าต่างไม่ใช่ประตู…

เอ๊ะ แต่เดี๋ยวนะ? คนในบริษัทของเธอไม่มีใครที่ชื่ออวี้ฮ่าวหรานเลยนี่นา? แถมรูปร่างของเขาก็ดูผอม ๆ ไม่น่าจะสู้กับไอ้นักฆ่า 2 คนนี้ได้แน่ ๆ แย่แล้ว! เขาคงช่วยฉันไม่สำเร็จแน่เลย หนีไปแจ้งตำรวจซะ อย่าอยู่ที่นี่ไม่งั้นพวกเราได้ตายกันทั้งคู่แน่ ๆ!

เฉิงชิวอวี้ตะโกนร่ำร้องอยู่ในใจ อยากให้อวี้ฮ่าวหรานใช้สมองในการแก้สถานการณ์นี้

ชายร่างใหญ่หรี่ตามองไปที่อวี้ฮ่าวหรานอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะหัวเราะเยาะเย้ยและพูดว่า “โทษที ๆ มันเป็นนิสัยที่แก้ไม่หายที่ฉันชอบถามชื่อ จริง ๆ แล้วฉันไม่ได้สนใจอะไรหรอกว่าแกเป็นใคร”

“แกคงดูละครมากไปสินะ ถึงคิดว่าคนอย่างแกจะสามารถช่วยสาวงามได้สำเร็จเหมือนในทีวี?” ชายร่างผอมเอ่ยเสริมขึ้นพร้อมกับหัวเราะอย่างชั่วร้าย

“ต่อให้แกเป็นเฉินฮ่าวหนานวันนี้แกก็ต้องตาย! ลิงผอม รีบฆ่ามันให้จบ ๆ ได้แล้ว!” ชายร่างใหญ่ตะโกนขึ้นแทรก เพราะอยากจะจบเรื่องโดยเร็ว

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ชายร่างผอมพุ่งไปหาอวี้ฮ่าวหรานด้วยมีดในมือทันที

ระยะห่างระหว่างอวี้ฮ่าวหราน และชายร่างผอมอยู่ที่ราว 7-8 เมตร และด้วยความแข็งแกร่งที่เหนือกว่าคนธรรมดาทั่วไป ชายร่างผอมจึงใช้เวลาแค่เพียงไม่เกิน 3 วินาทีเขาก็พุ่งมาถึงตัวอวี้ฮ่าวหราน

ชายร่างผอมแทงมีดไปที่อกของอวี้ฮ่าวหรานหมายจะเสียบขั้วหัวใจของเขาอย่างไร้ปรานี เขามั่นใจมากว่าเขาไม่มีทางพลาดแน่นอน เพราะมีคนที่ตายด้วยน้ำมือของเขาจากการแทงแบบนี้มาหลายศพแล้ว

ในทางกลับกัน อวี้ฮ่าวหรานกลับยังคงสงบนิ่ง เขารอให้ฝั่งตรงข้ามมาถึงระยะ และเมื่อมีดพุ่งตรงเข้ามาที่อก เขาเหยียดนิ้ว 2 นิ้วออกไปคีบใบมีดเอาไว้ และบิดมันจนหักอย่างง่ายดายราวกับหักกิ่งไม้แห้ง

“เพล้ง!!”

จากนั้นเมื่อใบมีดถูกหักออกจากด้ามแล้ว ก่อนที่ชายร่างผอมจะทันได้ทำอะไรต่อ อวี้ฮ่าวหรานใช้มืออีกข้างจับแขนของชายร่างผอมเอาไว้ และทุ่มร่างของเขาลงไปที่โต๊ะที่อยู่กลางห้องจนโต๊ะหักเป็นสองท่อน ส่วนชายร่างผอมหมดสติไปทันทีจากแรงกระแทกอันรุนแรง

อันที่จริงต่อให้มีดนั้นจะแทงเข้ามาที่อกของอวี้ฮ่าวหรานอย่างมากที่สุดมีดนั้นมันคงสร้างแค่รอยแดง ๆ เอาไว้ ไม่มีทางทำให้เขาเลือดออกได้แน่นอน สาเหตุที่เขาหักมีดแบบนี้ก็เพราะเขามีจุดประสงค์อยากจะได้ใบมีดของฝั่งตรงข้ามมาใช้ประโยชน์

อวี้ฮ่าวหรานมองไปที่ชายร่างใหญ่อย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาเขวี้ยงใบมีดที่นิ้วของเขาคีบเอาไว้อยู่พุ่งตรงไปที่มือข้างที่ถือมีดของชายร่างใหญ่อย่างแม่นยำ

“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!”

จากนั้นแค่อีกเพียงไม่ถึงชั่วอึดใจ ร่างของอวี้ฮ่าวหรานก็เข้ามาประชิดตัวของชายร่างใหญ่เรียบร้อย เขาเหวี่ยงฝ่ามือตบไปที่ใบหน้าของชายร่างใหญ่อย่างแรงจนฟันของฝั่งตรงข้ามหลุดไป 7-8 ซี่ และทำให้ชายร่างใหญ่ลงไปนอนกองกับพื้น และหยุดร้องทันที

ทั้งห้องกลับกลายเป็นเงียบสงบลงอีกครั้ง เฉิงชิวอวี้มองตาค้างที่ไปอวี้ฮ่าวหรานด้วยสายตาตกตะลึงและประหม่า

เหตุการณ์เมื่อครู่ตั้งแต่ต้นจนจบมันไม่น่าเกิน 6 วินาทีด้วยซ้ำ!