บทที่ 4

ด้านนอกป่าเป็นทุ่งหญ้าที่ไม่มีที่สิ้นสุด ท้องฟ้าสีคราม เมฆสีขาวและหญ้าสีเขียว เดิมทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็นองค์ประกอบของดินแดนที่งดงาม ทว่าตอนนี้มันกลับไม่มีความสวยงามที่พูดถึงอีกต่อไป มันจะมีก็แต่เพียงเลือดและน้ำตาที่ไหลรินเท่านั้น

หนึ่งในคนพวกนั้นสวมชุดสีดำและหมวกสีเดียวกันเหมือนกับที่ถังหยินสวมอยู่ในขณะนี้ ในขณะที่กลุ่มคนอีกด้านหนึ่งสวมชุดเกราะสีเงินขาวซึ่งส่องแสงภายใต้ดวงอาทิตย์ส่องประกายตาของทุกคน

การต่อสู้ระหว่างทั้ง 2 ฝ่ายไม่สามารถใช้คำว่าการสู้รบอีกต่อไป หากแต่เป็นความรุนแรงอย่างแท้จริง ในสนามรบ ผู้คนกำลังโบกอาวุธพยายามทุกอย่างเท่าที่ทำได้เพื่อฆ่าอีกฝ่าย ผู้คนจำนวนมากล้มลงกับพื้น และเมื่อเป็นเช่นนั้น ผู้คนมากมายก็จะพากันวิ่งเข้าไปซ้ำในทันที

ถังหยินฆ่าคนมาก็มากมาย ดังนั้นเขาจึงสามารถมีส่วนร่วมในการต่อสู้อันโหดร้ายนี้ได้อย่างกลมกลืน แม้ว่าจะไม่เคยเห็นฉากต่อสู้ที่สมจริงและโหดร้ายเช่นนี้มาก่อนก็ตาม แต่ทันใดนั้น ภาพที่เกิดขึ้นเบื้องหน้าก็ให้ต้องเขาตกตะลึง

อา !

มีม้าวิ่งมาจากด้านขวาของเขา เมื่อเห็นว่าได้จังหวะ อัศวินที่สวมชุดเกราะสีเงินก็ขี่ม้าและเล็งไปที่หัวของถังหยินพร้อมกับดวงตาสีแดงเลือดของเขาที่เปิดกว้าง หอกในมือของชายผู้นั้นยื่นไปข้างหน้า ก่อนจะเสือกแทงไปที่ลำคอของถังหยิน

ความเร็วของม้าเร็วมันเร็วเสียจนเหมือนกับลูกธนูที่เพิ่งออกจากคันศร ถังหยินทำตัวไม่ถูก เขาได้แต่จ้องมองอันตรายที่กำลังวิ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว

ในจังหวะความเป็นความตาย ชายวัยกลางคนในชุดเกราะดำก็พุ่งเข้ามารวบตัวถังหยินเอาไว้ เขาและชายคนนั้นร่วงหล่นไปอยู่ในพุ่มไม้ข้าง ๆ ทำให้ม้าศึกตัวนั้นพุ่งผ่านไปพร้อมกับหอกที่พลาดเป้า

“+? % – $ -”

ชายวัยกลางคนลุกขึ้นนั่งบนพื้นแล้วตะโกนอย่างหนักใส่หน้าของถังหยิน ในเวลาเดียวกัน เขาก็คว้าตัวถังหยินที่คอ และถามชายหนุ่มด้วยภาษาอะไรบางอย่างที่ไม่เข้าใจ

ถึงแม้เถังหยินจะทำสีหน้าเข้าใจ แต่เขาก็ไม่เข้าใจอยู่ดี แม้ว่าชายหนุ่มจะเคยไปหลายที่ในประเทศจีน และสามารถแยกแยะความแตกต่างของภาษาถิ่นต่าง ๆ ได้ ทว่าคำพูดของชายวัยกลางคนนั้นไม่เหมือนภาษาถิ่นใด ๆ และถึงเขาจะไม่รู้ว่าสิ่งที่คนตรงหน้าพูดกับเขาคืออะไรก็ตาม แต่เขาก็รู้ว่าชายวัยกลางคนคนนี้เพิ่งช่วยชีวิตตนเอาไว้

ถังหยินมองตรงไปที่ชายวัยกลางคน และกำลังตั้งท่าจะสอบถามว่ามันเป็นสถานที่แบบไหนและคนเหล่านี้เป็นใคร แต่แล้วเขาก็คิดถึงบางสิ่งและหยุดความคิดนี้ไว้ เขาไม่เข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายพูด เพราะงั้นสิ่งที่เขาพูดเองก็อาจไม่สามารถเข้าใจได้โดยอีกฝ่ายด้วยเช่นกัน ซึ่งถ้าชายคนนี้รู้เข้าละก็ มีความเป็นไปได้ว่าตัวถังหยินนั้นจะถูกเข้าใจผิดว่าเป็นสายลับ ท่ามกลางสถานการณ์ที่มีเพียงมิตรและศัตรูเช่นนี้ เขาคงไม่รอดแน่ ๆ ถ้าถูกจับได้

วัยเด็กของเขาได้ผ่านช่วงที่ยากลำบากมากมาย มันหล่อหลอมเขาให้เป็นคนหวาดระแวงทุกสิ่ง เขาไม่ได้พูดเพียงแค่อ้าปากแล้วส่งเสียง ชายวัยกลางคนรู้สึกประหลาดใจและถาม

ถังหยินไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไร หากแต่ก็พยักหน้าตอบไป

ชายวัยกลางคนส่ายหัวและถอนหายใจ ความเสียใจปรากฏในดวงตาของอีกฝ่าย ถังหยินรู้สึกว่าอีกฝ่ายกำลังคิดว่าเขาเป็นใบ้อยู่ เมื่อชายวัยกลางคนกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง นักรบชุดเกราะสีเงินได้ขี่ม้าไปรอบ ๆ แล้วหันหลังกลับมา สีหน้าชายผู้นั้นเต็มไปด้วยความโกรธ เขากรีดร้องออกมา ราวกับว่ากำลังโกรธที่ไม่ได้ฆ่าถังหยินด้วยหอกของตน

ในเวลาเดียวกันถังหยินก็ดีดตัวขึ้นจากพื้นหญ้า ชายหนุ่มยืนนิ่งพร้อมกับมือข้างหนึ่งที่จับหอกของเขาเอาไว้แน่น สายตาของถังหยินจับจ้องไปที่ชายในชุดเกราะเงินที่กำลังควบม้าตรงมายังเขา

ชายวัยกลางคนผู้ซึ่งช่วยชีวิตถังหยินตกใจหน้าซีด เขาพยายามร้องตะโกนใส่ถังหยินเพื่อบอกให้ชายหนุ่มถอยออกไปทันที ตามความเห็นของชายวัยกลางคนแล้ว หากทหารราบต้องการต่อสู้กับทหารม้าด้วยตัวคนเดียว ดูยังไงก็คงมีแต่ตายกับตาย

ถังหยินไม่เคลื่อนไหว เขาไม่เคยมีความคิดของการถอยหนีเลยแม้แต่น้อยทหารม้าเข้ามาใกล้เขามากขึ้น ถังหยินสามารถเห็นรอยยิ้มอันเยือกเย็นและโหดร้ายของอีกฝ่าย เขายิ้มตอบ รอยยิ้มของเขาก็ยิ่งน่ากลัวและเย็นชามากยิ่งขึ้น

ทันใดนั้นชายคนนั้นก็ควบม้าของเขาไปข้างหน้า จนกระทั่งชายผู้นั้นมาอยู่ตรงหน้าถังหยิน พร้อมกับแทงหอกในมือตรงไปยังหน้าอกของถังหยินในทันที

ทันใดนั้นร่างกายของถังหยินก็เคลื่อนตัวทันทีโดยไม่มีบอกกล่าวใด ๆ ร่างกายของเขาเคลื่อนไหวในแนวนอนเหมือนสายฟ้าแลบ ก่อนจะหลีกเลี่ยงปลายหอกแหลมคมของฝ่ายตรงข้ามที่กำลังจะเข้าปะทะได้อย่างง่ายดาย ในจังหวะนั้นเอง ชายหนุ่มยกหอกที่อยู่ในมือ ก่อนที่จะแทงปลายแหลมนั่นเข้าไปในลำคอของอีกฝ่ายอย่างแรง

ฉึก !

คอของนักรบถูกแทงด้วยปลายหอกทันที ชายผู้นั้นไม่มีเวลาแม้แต่จะส่งเสียงกรีดร้องออกมา เขาร่วงจากม้าล้มลงกับพื้น ดวงตาเบิกกว้าง ร่างกายสั่นกระตุกเล็กน้อย และเสียชีวิตในทันที

ด้วยหอกของเขาทำให้ทหารม้าคนหนึ่งเสียชีวิต ถังหยินได้แสดงให้เห็นถึงคำ 3 คำ ‘รวดเร็ว แม่นยำ และไร้ความปรานี’ อย่างสุดขีด ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ของทั้ง 2 ฝ่ายซึ่งยังต่อสู้อยู่ พวกเขาต่างก็ตกใจเมื่อเห็นสิ่งที่ถังหยินทำ ทันใดนั้นชายวัยกลางคนก็ได้สติกลับมาแล้วลุกขึ้นมาโหวกเหวกโวยวาย

เมื่อได้ยินเสียงตะโกนของเขา ทุกคนในชุดเกราะดำก็ตะโกนด้วย ถังหยินไม่รู้ว่าพวกเขากำลังตะโกนอะไรอยู่ แต่เขาก็รู้สึกได้ว่าเสียงตะโกนเหล่านี้เป็นสิ่งที่น่ายินดี ทำให้เลือดลมและความกล้าหาญสูบฉีดมากขึ้น ไม่นานหลังจากนั้นชายหนุ่มก็ได้รู้ว่าสิ่งที่พวกเขากำลังตะโกนนั่นก็คือคำว่า ‘เฟิง’ ที่แปลว่า ‘ลม’ ซึ่งเป็นชื่อแคว้นของพวกเขานั่นเอง

ทักษะที่น่าตกใจของถังหยิน ได้ปลุกเร้าจิตวิญญาณการต่อสู้ของพลทหารเกราะดำโดยรอบ ในขณะเดียวกันก็ดึงดูดความเกลียดชังและความโกรธของพวกนักรบเกราะขาวด้วยเช่นกัน

เสียงกู่ร้องคำรามก้อง

ในเวลาเดียวกันดูเหมือนว่านักรบชุดเกราะสีขาวหลาย 10 คนพุ่งเข้าหาถังหยิน บางคนถือดาบยาว ดาบคู่ บางคนก็ถึงขั้นถือหอกด้วยมือทั้งสอง นักรบแสนดุร้ายกลุ่มนี้รีบวิ่งเข้าหาถังหยินอย่างดุดัน ถ้าเป็นคนอื่น พวกเขาคงจะพากันยืนกลัวจนตัวสั่น หากแต่ถังหยินกลับไม่สนใจ เขาหัวเราะเยาะและดึงหอกออกจากคอของศพ และแทนที่จะถอยหนี เขากลับพุ่งเข้าใส่คู่ต่อสู้แทน

ในพริบตาทั้ง 2 ฝ่ายก็ปะทะกัน ! ถังหยินตะโกนออกมา หอกในมือของเขากลายเป็นเหมือนอสรพิษร้าย แทงทะลุหน้าอกของชายคนหนึ่งในชุดเกราะขาว แม้ว่าร่างกายของเขาจะดูบอบบาง แต่ความแข็งแกร่งของเขาก็ช่างน่าอัศจรรย์เสียเหลือเกิน ด้ามหอกแหลมคมแทงผ่านเกราะเหล็กบนร่างของชายผู้นั้น ทำให้เลือดไหลออกมาจากปลายหอกที่พุ่งออกมาจากหลังของพลทหารฝ่ายศัตรู

ถังหยินถือหอกด้วยมือเดียว ก่อนที่เขาจะควงหอกอย่างแรงเพื่อสะบัดศพออกไปจากอาวุธของตน

ทันใดนั้นชายอีกคนหนึ่งที่มีหมวกสีขาวก็พุ่งเข้ามาข้างหน้าอย่างไร้ที่มา ชายผู้นั้นฟันใส่ถังหยินอย่างบ้าคลั่ง ชายหนุ่มที่เจอแบบนั้น เขาจึงต้องหลบไปด้านข้าง ก่อนจะใช้ศอกกระแทกเข้าที่ใบหน้าของคู่ต่อสู้อย่างแรง ชายคนนั้นกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด เลือดพ่นสาดกระจายไปทั่วออกมาจากใบหน้าของพลทหารเกราะขาวผู้นั้น

โดยไม่รีรอ ถังหยินดึงหอกของเขาออกมา ซึ่งนั่นก็เป็นจังหวะเดียวกับที่ศัตรูคนอื่น ๆ รีบพุ่งเข้ามาหา ถังหยินที่เห็นแบบนั้น เขาจึงใช้หอกแทงทะลุพวกมันทั้งหมดในทีเดียว

ชายหนุ่มรู้สึกได้ว่า ถึงแม้คนเหล่านี้จะไม่รู้จักศิลปะการต่อสู้ แต่พวกเขาต้องได้รับการฝึกฝนมาแน่ การเคลื่อนไหวของพวกเขานั้นรวดเร็วและไร้ความปรานี ทุกการโจมตีล้วนแล้วแต่มีจุดมุ่งหมายไปที่จุดสำคัญต่าง ๆ บนร่างกาย อาวุธประจำกายของถังหยินคือใบมีดเสี้ยวคู่ ไม่ใช่หอกอย่างที่อยู่ในมือตอนนี้ ดังนั้นนี่จึงไม่ใช่ประสิทธิภาพสูงสุดของเขา ชายหนุ่มขยับร่างไปมาเพื่อหลบการโจมตีของศัตรูหลายคน ก่อนจะใช้โอกาสนั้นในการจับด้ามหอกให้อยู่ในแนวนอน

ชายหนุ่มจับหอกไว้แน่นด้วยมือทั้ง 2 เขาเปล่งเสียงตะโกน ก่อนจะยกขาขึ้นเพื่อกระแทกเข่าของเขาเข้ากับหอกเล่มนี้

โพละ ! หอกไม้หักสะบั้น ถังหยินใช้แรงทั้งหมดหักหอกเป็น 2 ท่อน

การกระทำนี้ทำให้ศัตรูในชุดขาวรวม ซึ่งก็รวมไปถึงคนในชุดดำด้วย พวกเขาต่างก็ตกตะลึง และพากันคิดไปว่าไอ้หมอนี่มันบ้าไปแล้วแน่ ๆ ที่หักอาวุธตัวเองกลางสนามรบแบบนี้ !

พวกเขาไม่รู้ว่าที่ถังหยินทำไปแบบนั้นก็เพราะว่าเขาคิดจะใช้อาวุธสั้น ทว่าหอกที่หัก 2 ท่อนนี้ก็เทียบกับดาบคู่ไม่ได้

อ๊า !

ถังหยินคำรามออกมา ก่อนจะพุ่งตัวไปข้างหน้าอีกครั้ง คราวนี้เขาใช้กำลังเต็มที่ ชายหนุ่มเคลื่อนที่ผ่านแนวศัตรูไปเรื่อย ๆ หอกครึ่งหนึ่งที่อยู่ในมือของเขาทำให้ศัตรูเสียเลือดเป็นสายฝนมานักต่อนักที่ตามมาพร้อมกับเสียงกรีดร้องสุดแสบแก้วหู

ไม่เพียง แต่ทหารเกราะเงินจำนวนมากเท่านั้นที่ไม่สามารถทำร้ายถังหยินได้ หากแต่พวกเขาทั้งหมดกลับถูกฆ่าอย่างเหี้ยนโดยถังหยิน

เมื่อเห็นชายที่กล้าหาญและบ้าคลั่งแบบนี้ พวกทหารก็พากันหวาดกลัวและถอยหนีทีละคน เมื่อเห็นแบบนั้นเหล่าทหารเกราะดำก็พากันคำรามและวิ่งไปข้างหน้า

ในสนามรบ กองทัพฝั่งสีขาวอยู่ท่ามกลางการไล่ตามและฆ่าศัตรู พวกเขาชิงความได้เปรียบกลับมาได้ แต่ด้านสีดำกลับเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ดังนั้นพวกเขาจึงเสียเปรียบอย่างแท้จริง มีเพียงแค่แนวรบของถังหยินเท่านั้นที่อยู่ในสถานการณ์ที่ตรงกันข้าม มีแค่บริเวณนี้เท่านั้นที่ฝ่ายดำภายใต้การนำของเขา ไล่ต้อนให้ฝ่ายขาวถอยทัพกลับไปได้

ถังหยินตกอยู่ในความบ้าคลั่งเมื่อได้ฆ่าคนอย่างต่อเนื่อง และถึงแม้เขาจะได้ยินใครบางคนตะโกนข้างหลังเขา แต่ชายหนุ่มก็ไม่สามารถยับยั้งความตั้งใจในการสังหารของตัวเองได้อีก อีกอย่าง เขาก็ไม่เข้าใจด้วยว่าคนที่อยู่ข้างหลังกำลังตะโกนเกี่ยวกับเรื่องอะไร ดังนั้นถังหยินจึงไม่ได้ใส่ใจและบุกฝ่าต่อไปเรื่อย ๆ

ถังหยินไม่คิดอะไรทั้งนั้น เขาเคลื่อนไหวตามสัญชาตญาณ และใช้หอกแทงไปด้านหน้า อย่างไรก็ตามเขาเห็นได้ชัดเจนคนที่เขาแทงไปคือชายสวมหมวกดำที่ช่วยชีวิตเขาไว้ มันทำให้ชายหนุ่มหยุดการโจมตี และหันไปมองอีกฝ่ายด้วยความมึนงง