บทที่ 3

ในป่า เช้าวันรุ่งขึ้น

หยดน้ำที่ไหลลงมาตามใบไม้หยดลงบนหน้าของชายหนุ่ม ถังหยินที่กำลังนอนอยู่บนต้นไม้ก็ตื่นขึ้น ชายหนุ่มเปิดเปลือกตาขึ้นเล็กน้อย

ด้วยเหตุผลบางอย่าง หัวของเขารู้สึกเหมือนกับว่ากำลังถูกแทงโดยเข็มจำนวนนับไม่ถ้วน

เขาคร่ำครวญออกมาด้วยความเจ็บปวดและกุมหัวตัวเอง หลังจากผ่านไปพักหนึ่งเขาก็รู้สึกดีขึ้น ถังหยินค่อย ๆ ลืมตาและมองไปรอบ ๆ ยิ่งเขามองนานเท่าไหร่ ดวงตาของเขาก็ยิ่งเบิกกว้างขึ้น จนท้ายที่สุด โดยไม่ต้องคิด เขาลุกขึ้นและมองไปรอบป่าทึบด้วยสีหน้างุนงง

ถ้าหากเขาจำไม่ผิด เขากำลังนอนอยู่ในห้องของโรงแรม ทำไมจู่ ๆ ตัวเขาถึงมาอยู่ในป่าได้ ?

เมื่อไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น คิ้วของถังหยินก็ย่นเข้าหากัน ถ้าหากมีใครแอบมาพาตัวเขามาในตอนที่เขานอนอยู่ นั่นก็แทบจะไม่มีทางเป็นไปได้เลย ข้อแรก มันไม่มีใครที่จะทำแบบนั้น และข้อสอง ไม่มีใครสามารถทำแบบนั้นได้ด้วย เพราะต่อให้เป็นตอนที่เขานอนหลับ เขาก็ยังคงตื่นตัวมากอยู่ดี

ขณะที่เขากำลังคิดอยู่นั้น สายลมแรงจากภูเขาพัดผ่านป่าทำให้ถังหยินตัวสั่น ราวกับสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ เขาพลันก้มหน้าลงมองตนเอง ก่อนที่ใบหน้าของถังหยินจะเปลี่ยนเป็นแดงเถือกทันที ปรากฏว่าตอนนี้ร่างกายของเขาเปลือยเปล่าโดยที่ไม่มีอะไรสักเลยชิ้น เสื้อผ้าของเขาทั้งหมดหายไปอย่างไร้ร่องรอย

เกิดอะไรขึ้น ? นี่มันบ้าอะไรกัน ! ถังหยินตัวอ่อน เขาเอนตัวไปพิงต้นไม้ที่อยู่ข้างๆ หลับตาลง และพยายามนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้เงียบ ๆ

คืนก่อนนั้นเขากำลังดื่มเหล้าอยู่ในลานเต้นรำขณะที่มีหญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาคุยด้วย ก่อนที่เธอจะถูกอันธพาล 4 คนเข้ามาหาเรื่อง ทว่าเขาก็ไม่ได้สนใจคนพวกนั้น ต่อมาเขาก็ฆ่าคนทั้ง 4 ภายในตรอกที่อยู่ด้านหลังโถงนั้น จากนั้นจึงไปส่งหญิงสาวไว้ที่โรงพยาบาลพร้อมกับกำจัดยาหลอนประสาทที่อีกฝ่ายได้รับ ก่อนจะกลับมาที่โรงแรมเพื่อพักผ่อน แต่พอเขาตื่นขึ้นมา เขาก็อยู่ที่นี่แล้ว และเสื้อผ้าของเขาทั้งหมดก็หายไป นี่มันแปลกเกินไปแล้ว !

เมื่อคิดมาถึงตอนนี้ ถังหยินก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวและยิ้มออกมาอย่างขมขื่น

ศัตรูของเขาเจอตัวเขาแล้วงั้นเหรอ ? ถ้าหากเป็นแบบนั้น อีกฝ่ายก็คงฆ่าเขาไปนานแล้ว และคงไม่ได้ใช้ความพยายามขนาดนี้ด้วย หรือว่าเขาจะถูกเพื่อนแกล้ง ? แต่เขาไม่มีเพื่อนที่ไหน ถ้าพูดอย่างจริงจังก็มีแค่คนเดียว และคนคนนั้นก็ไม่มีทางมาแกล้งเขาแบบนี้แน่ ทั้งหมดนี่มันเกิดอะไรขึ้น ? ถังหยินยังคงไม่เข้าใจไม่ว่าเขาจะพยายามคิดแค่ไหนก็ตาม

“อะไรวะเนี่ย ! ” ถังหยินพึมพำกับตัวเอง เขาหันกลับไปมองต้นไม้ที่อยู่ด้านหลังและเดินถอยหลังไปสองสามก้าว

เขากำลังเจอปัญหาอย่างหนัก ชายหนุ่มขยี้ตาและมองออกไป สิ่งที่เข้ามาในสายตาของเขาคือป่าหนาทึบ มันดูราวกับไม่มีที่สิ้นสุด ตีเส้นคู่ไปกับขอบฟ้า มันอาจจะดีกว่าที่จะไม่มอง เพราะหลังจากที่เห็นแบบนี้ ถังหยินก็เหยียดยิ้มออกมา ตอนนี้เขามั่นใจแล้วว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในนครเฉิงตู เพราะที่เฉิงตูไม่ได้มีป่าที่ใหญ่ขนาดนี้

ที่นี่มันที่ไหนกัน ?

ถังหยินกัดริมฝีปากของตัวเอง จากนั้นจึงค่อย ๆ ไถลตัวลงไปตามลำต้นไม้ ถ้าหากเป็นคนอื่น ตอนนี้คนพวกนั้นก็คงจะหมดหวังไปแล้ว พวกเขาไม่รู้อะไรเลยแม้แต่ทิศทางเมื่อต้องมาอยู่ในป่าที่กว้างใหญ่แบบนี้ โดยพื้นฐานแล้วมันเป็นไปไม่ได้เลยที่คนพวกนั้นจะเอาชีวิตรอด ทว่าถังหยินกลับแค่ตกใจเท่านั้น

ป่าเป็นสถานที่ที่เขาคุ้นเคยมากที่สุด หากเปรียบเทียบมันกับป่าทางฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือแล้ว ที่นั่นยากกว่ามาก พวกคนที่ไม่เคยลองย่างเท้าเข้าไปในนั้นมาก่อนไม่มีทางเข้าใจ ถ้าหากเขาสามารถเอาชีวิตรอดในป่าทางฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือที่อุณหภูมิอยู่ -40 ถึง -50 องศาเซลเซียสได้ แล้วทำไมจะอยู่ที่นี่ไม่ได้ ?

อย่างไรก็ตาม ใบมีดคู่ และของใช้จำเป็นต่าง ๆ ตอนนี้เขาไม่มีติดตัวเลย ซึ่งนั่นก็ทำให้ถังหยินรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย สำหรับผู้ใช้ศิลปะการต่อสู้อย่างเขาแล้ว อาวุธคือชีวิต การสูญเสียใบมีดคู่นั้นหมายถึงการสูญเสียครึ่งหนึ่งของชีวิตไป

ชายหนุ่มมองไปรอบ ๆ ก่อนจะ หยิบกิ่งไม้ที่ตกอยู่บนพื้นและหักมันเพื่อทำเป็นท่อนไม้อย่างชำนาญ เป็นป่าที่แปลกจริง ๆ อันตรายเต็มไปหมด มีแค่ไม้ท่อนเดียวแบบนี้คงลำบากน่าดู อย่างน้อยมันก็ควรมีอาวุธเอาไว้ช่วยชีวิตหน่อยสิ

จากนั้นเขาก็ใช้กิ่งไม้ที่หักออกมาสานกันรอบเท้าของตัวเองจนเป็นวงกลมเพื่อปกปิดบริเวณเป้าของตัวเองเอาไว้

หลังจากทำทุกอย่างเรียบร้อย ถังหยินก็แกว่งแท่งไม้ที่อยู่ในมือของตน เขากัดฟันแน่นและพูดออกมาว่า “ถ้าหากฉันรู้ว่าใครเป็นคนทำเรื่องนี้ ฉันจะไม่มีทางอภัยให้เด็ดขาด ! ”

ชายหนุ่มตัดสินจากทิศทางปกติของพระอาทิตย์ หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็เดินไปทางทิศเหนือ

เขาไม่รู้ว่าตัวเองควรเดินไปทางถึงจะออกไปจากป่านี้ได้เร็วที่สุด เขารู้แค่ว่ามันเป็นไปตามความรู้สึกของตัวเองเท่านั้น

ป่านี้ดูเหมือนไม่มีที่สิ้นสุด ถังหยินเดินตั้งแต่เช้ามืดจนถึงเที่ยง แต่เขาก็ยังอยู่ในป่าเหมือนเดิม ในเวลาเดียวกัน เขาก็ยิ่งสับสนมากขึ้นเรื่อย ๆ ป่าที่กว้างใหญ่นี้มาจากไหน ? เขามีคำถามอยู่เยอะมาก

แต่ขณะที่ชายหนุ่มกำลังจะขึ้นไปบนต้นไม้และกำหนดทิศทางอีกครั้ง ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงคำรามดังมาจากด้านหน้า เสียงนั้นคลุมเครือและเบามากเนื่องจากอยู่ไกลเกินไป ถังหยินตกใจเป็นอย่างมาก เขายืนจ้องอยู่อย่างนั้นอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงบังคับตัวเองให้กำท่อนไม้ในมือแน่นและก้าวขาเดินต่อ เขารีบวิ่งไปตามทิศทางของเสียงนั้นทันที

ยิ่งเขาวิ่งไปข้างหน้าเท่าไหร่ เสียงนั้นก็ยิ่งชัดขึ้นและเอะอะขึ้นเรื่อย ๆ มีเสียงของโลหะปะทะเข้าด้วยกัน เสียงตะโกนและกรีดร้อง ?

เสียงหลายเสียงผสมปนเปกันไปหมดจนเขาไม่สามารถนับมันได้ สิ่งนี้ทำให้ถังหยินรู้สึกว่าเขากำลังมุ่งหน้าไปที่สนามรบขนาดใหญ่ แต่มันประหลาดเกินไปที่จะคิดแบบนั้น ใครจะมาสู้กันใครป่า ? ยิ่งไปกว่านั้น คนกลุ่มนี้ยังใช้อาวุธเย็น*ด้วย และถ้าหากพวกเขาเป็นมาเฟีย มันก็ยิ่งตลกมากขึ้นไปอีก คนพวกนี้กำลังต่อสู้อะไรกันในสถานที่ที่ห่างไกลแบบนี้ ?

ต้นไม้ในป่าค่อย ๆ ลดลงและกลายเป็นทุ่งหญ้ามากขึ้น เมื่อรู้สึกได้ว่าตัวเองเริ่มเข้าใกล้บริเวณที่ชุลมุนอยู่ ถังหยินก็ค่อย ๆ ลดความเร็วลง ร่างของเขาค่อย ๆ ก้มลงขณะที่ขยับเข้าไปใกล้อย่างระมัดระวัง

ถังหยินที่ไม่ทันระวัง เขาสะดุดจนล้มลงไปบนพื้น แต่โชคดีที่เขาอยู่ท่ามกลางทุ่งหญ้า ดังนั้นเขาจึงไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดอะไรตอนที่ล้มลง เขาสบถออกมาเบา ๆ และค่อย ๆ คลานไป จากนั้นจึงหันกลับไปมอง

แต่แล้วสีหน้าเขาก็เปิดเผยความตกตะลึงออกมาทันที ปรากฏว่าร่างที่เขาชนเมื่อกี้คือคนจริง ๆ อีกฝ่ายเลือดท่วมตัว นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น ถังหยินอ้าปากค้าง ขมวดคิ้วขณะที่มองผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า

ชายตรงหน้าสวมเสื้อคลุมสีดำ และบริเวณอกของเขาก็มีชุดเกราะหนังที่ถูกทาเป็นสีดำ เท้าทั้ง 2 ข้างสวมรองเท้าบูตและในมือมีหอกยาวหนึ่งเล่ม

นี่เขากำลังถ่ายหนังอยู่เหรอ ? ถังหยินระเบิดเสียงหัวเราะออกมา เขายกหัวมองไปรอบ ๆ หูของเขาเต็มไปด้วยเสียงของการต่อสู้ แต่ทว่าชายหนุ่มไม่เห็นตากล้องเลยสักคน เห็นได้ชัดว่าไม่มีตากล้องอยู่ที่นี่ นักแสดงชายที่แกล้งตายคนนี้ไม่ดูเหมือนจริงเกินไปหน่อยเหรอ ? เมื่อคิดได้แบบนี้ เขาก็หยิบก้านไม้ขึ้นมาและตีไปที่อีกฝ่ายแล้วพูดว่า “ตื่นได้แล้วพี่ชาย การแสดงจบแล้ว ! ”

ชายตรงหน้านอนนิ่งอยู่บนพื้น ดูไม่หายใจด้วยซ้ำ ใบหน้าของเขาขาวซีดราวกับคนตายไม่มีผิด

ถังหยินเลิกคิ้วขึ้นและค่อย ๆ ดึงไม้กลับมา เมื่อเห็นว่าปลายก้านมีเลือดของอีกฝ่ายติดมา เขาก็ยื่นนิ้วไปแตะมัน จากนั้นก็ก้มลงดมมัน กลิ่นของมันหวาน ๆ ด้วยประสบการณ์จำนวนมากของถังหยิน เขารู้ทันทีว่านี่คือเลือดจริงไม่ใช่ของปลอม ดวงตาของเขาเบิกกว้างขึ้น ขยับเข้าไปใกล้ร่างตรงหน้าและเอามือแตะบริเวณลำคอของอีกฝ่าย

เฮ้ย ! ถังหยินตกตะลึงอยู่ในใจ นี่มันตายจริง ๆ ไม่ใช่แกล้งหลอก นี่ก็แสดงว่านี่ไม่ใช่การแสดงหรือว่าถ่ายหนัง แต่มันคือการต่อสู้จริง ๆ ! แต่ถึงอย่างนั้นมันก็แปลกที่ไม่มีใครคนอื่นที่สวมใส่เสื้อผ้าแบบนี้อีก ว่าแล้วถังหยินก็ลุกขึ้นและเตรียมจะเดินออกจากป่าไปเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น หลังจากเดินไปได้ 2 ก้าว เขาก็หยุดลง ก้มหน้าและมองร่างกายเปลือยเปล่าของตัวเองที่มีแค่กิ่งไม้ที่สานเป็นวงกลมปิดบังเอาไว้

เขาถอนหายใจออกมา หันไปมองศพที่นอนอยู่ที่พื้นและเดินกลับไปแล้วพูดเบา ๆ ว่า “เพื่อน ขอโทษนะ แต่เสื้อผ้าของนายเป็นประโยชน์กับฉันมากกว่า ! ” ขณะที่พูด เขาก็ถอดเสื้อผ้าของศพออกมาและรีบสวมมัน ทว่าถังหยินไม่รู้เลยว่าหลังจากที่เขาสวมเสื้อผ้าชุดใหม่เสร็จ ชีวิตของเขาทั้งหมดจะเปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน

ถังหยินเป็นคนที่มีรูปร่างปานกลาง ดังนั้นตราบใดที่เสื้อผ้าไม่ได้เป็นขนาดพิเศษ เขาก็สามารถสวมใส่มันได้ ถึงแม้ว่าความเหนอะหนะของเลือดที่ติดอยู่จะทำให้ถ้งหยินรู้สึกอึดอัดในการใส่เสื้อผ้าของคนที่ตายแล้ว แต่มันก็ยังดีกว่าตัวเปล่า ในที่สุด เขาก็หยิบเกราะหนังขึ้นมา หลังจากลองชั่งน้ำหนักของมันด้วยมือของตัวเอง เมื่อพบว่ามันค่อนข้างหนัก เขาก็โยนมันทิ้งไปและหยิบเอาหอกที่อยู่ในมือของศพมาแทน

ถังหยินมองศพที่อยู่บนพื้นและหัวเราะออกมาอย่างชั่วร้าย จากนั้นเขาก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ และมุดออกจากป่าไป

เมื่อเขาออกมาที่ด้านนอกของป่าและมองไปยังทุ่งหญ้าที่กว้าง เขาก็ต้องตกตะลึงกับภาพที่เห็นตรงหน้า

*อาวุธเย็น ศาสตราวุธที่ทำจากโลหะหรือไม้ จำพวก ดาบ ทวน หอก ธนู