“หากเจ้ารู้สึกว่าเวลายังเหลือเฟือ ข้าจะค่อยๆ เล่าอย่างละเอียดกับเจ้า” หลี่ซิ่วฉายยิ้มออกมาเล็กน้อย เรียวปากโค้งขึ้นกำลังพอดี ช่างสง่างามและอบอุ่น เผยกลิ่นอายความเป็นกันเอง แม้กระทั่งตัวเขาเองก็ไม่ทันรู้เลยว่าความรู้สึกสนิทสนมเช่นนี้เกิดขึ้นอย่างธรรมชาติได้อย่างไรกัน
นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไปนางก็คือผู้ที่อยู่ในนามภรรยาของเขา เป็นเพื่อนคู่รบที่จะเคียงบ่าเคียงไหล่ไปกับเขา เป็นผู้ที่สามปีต่อจากนี้แม้ไม่เอ่ยว่าจะใกล้ชิดสนิทสนมมากที่สุด แต่ทว่าก็นับเป็นคนที่สำคัญผู้หนึ่ง เรื่องราวในโลกนี้ล้วนยากเกินกว่าคาดเดาได้จริงๆ ก่อนหน้าที่หลินหลันมาหาถึงหน้าประตู ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่คาดคิดเลยว่า หลินหลันจะใช้วิธีนี้บุกรุกเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเขา แต่ในเมื่อเขาเองก็ยอมรับแล้ว จะว่าไร้สาระ? ก็อาจจะ จะว่าน่าตลก? ก็ไม่แน่
เขาพอจะสามารถจินตนาการออกว่า เมื่อเขาพาหลินหลันกลับไปถึงบ้าน คนเหล่านั้นจะมีลักษณะอารมณ์อย่างไร ผิดหวัง? โกรธเคือง? …หรืออาจจะหัวเราะเยาะ เย้ยหยัน ล้วนไม่สำคัญทั้งสิ้น ตั้งแต่สามปีก่อน หญิงนางนั้นเข้ามาในบ้าน ความรู้สึกที่เขามีต่อบ้านนั่นนอกจากเกลียดก็ไม่มีอื่นใดอีก
ท่านแม่หยิ่งทะนง เพื่อรักษาเอาไว้ซึ่งศักดิ์ศรีจึงเลือกจากออกมา เขาเองก็หยิ่งทะนงเช่นกัน แต่ทว่าไม่เลือกที่จะหลีกหนี
หลี่จิ้งเสียน ฮานชิวเย่ว ให้พวกเจ้าได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสมไปถึงสามปีแล้ว ได้เวลาที่ต้องยุติเสียที
“ไม่ทันการ ข้าจำเป็นต้องกลับไปก่อน แต่ถึงอย่างไร…วันข้างหน้ายังมีเวลาอีกยาวนาน ที่มีแน่ๆ ก็คือโอกาสฟังเรื่องราวของเจ้า” หลินหลันมองดูสีท้องฟ้าที่มืดลง ไม่อาจอยู่ต่อได้ จึงยกไม้ยกมือแสดงท่าทีโบกลาไปทางหลี่ซิ่วฉาย และหันหลังออกไปจากกระท่อมหลังนี้
ครอบครัวหลินซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกสุดของหมู่บ้านในค่ำคืนนี้สว่างไสวเป็นพิเศษ นับตั้งแต่การเสียชีวิตของหัวหน้าตระกูลหลินเฉินเผ้ยหลงเมื่อสองปีก่อน ครอบครัวหลินก็ไม่เคยได้ต้อนรับผู้คนมากมายเช่นนี้อีกเลย
หลินเฟิงนั่งยองๆ อยู่หน้าประตูมองออกไปด้วยความกระวนกระวาย เหม่ยจื่อเหตุใดถึงยังไม่กลับมาอีก
“ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน ท่านลุงเฉินเหลียง ท่านลุงเหยาฮุย อีกเดี๋ยวพวกท่านต้องช่วยเกลี้ยกล่อมหลินหลันให้ดีๆ นางเป็นคนดื้อรั้น ไม่รู้จักพูดจาหรือกระทำเรื่องราวๆ อย่างผ่อนหนักผ่อนเบา…” เหยาจินฮวาแสดงท่าทีที่ดูอ่อนโยนและมีคุณธรรม ก่อนจะนำชามาให้หัวหน้าหมู่บ้านและผู้อาวุโสท่านอื่นๆ
ท่านผู้อาวุโสไม่กี่ท่านเอาแต่นิ่งเงียบไม่ส่งเสียงใดๆ ต่างคนต่างดูดยาสูบของตนเองไป ภายในห้องเต็มไปด้วยหมอกควันที่ล่องลอย ภายใต้บรรยากาศแสนอึมครึม
เหยาจินฮวาที่ไม่ได้รับการตอบรับ ในใจรู้สึกไม่พอใจนัก คนพวกนี้ช่วยรีบๆ ตายไปเสียทีเถอะ บ้านไหนมีเรื่องเป็นต้องเข้ามายุ่งวุ่นวาย พอมองไปยังหลินเฟิงที่กำลังนั่งยองๆ อยู่หน้าประตู เหยาจินฮวาก็ยิ่งโกรธมากขึ้นไปอีก คนเปล่าประโยชน์ที่ใช้ไม่ได้ผู้นี้ พอเห็นบรรดาผู้เฒ่าพวกนี้ก็ไม่กล้าเอ่ยปริปากอะไรทั้งนั้น อีกประเดี๋ยวพอหลินหลันกลับมาแล้ว หากเขายังเป็นสภาพเช่นนี้ เขาได้เจอดีแน่
“หลินหลันหายไปไหน นี่ก็ดึกมากแล้วด้วย” ลุงเฉินเหลียงมองไปยังประตูบานใหญ่เอ่ยด้วยความเป็นกังวล หลินหลันเป็นหญิงสาวที่ดีมากผู้หนึ่ง ในหมู่บ้านไม่มีครอบครัวไหนที่ไม่เคยได้รับการช่วยเหลือจากนาง เมื่อรับรู้ว่าหลินหลันจะต้องแต่งกับจางต้าฮู่เพื่อไปเป็นนางบำเรอ ภรรยาบ้านเขาก็โกรธจนเกือบจะล่อนชามแตก อีกทั้งยังเอาแต่ด่าทอเหยาจินฮวาว่าเป็นพี่สะใภ้ที่ใจร้ายใจดำ
“นางคงไม่ใช่ว่าหนีไปแล้วหรอกนะ!” เหยาจินฮวาพูดกับตัวเอง พอคิดถึงความเป็นไปได้นี้ เหยาจินฮวาก็อดไม่ได้ที่จะปาดเหงื่อ
ลุงเหยาฮุยทำเพียงส่งเสียงหึออกมาเบาๆ และจ้องมองไปยังเหยาจินฮวา “หลินหลันไม่ใช่คนที่เชื่อถือไม่ได้ขนาดนั้น”
เหยาจินฮวาหดคอของนาง เลือกที่จะหลีกเลี่ยงสายตาอันเฉียบคมของลุงเหยาฮุย ได้แต่เอ่ยในใจ ตาเฒ่าตายยากตายเย็นพวกนี้ล้วนพากันเข้าข้างหลินหลัน หากว่าทำให้เรื่องดีๆ ของนางต้องพังทลายลง นางก็จะโยนความรับผิดชอบทั้งหมดไปที่พวกเขา คอยดูจางต้าฮู่จะจัดการพวกเขาอย่างไร
หลังจากหลินหลันลงมาจากภูเขา ยังไม่ทันถึงบ้านก็เห็นว่าปากทางเข้ามีคนกลุ่มหนึ่งยืนอยู่
“ท่านป้าจิน ท่านป้าเฉิน เอ้อร์นิว…” หลินหลันมุ่งหน้าเข้าไปพลางเอ่ยทักทาย
ป้าจินเมื่อเห็นหลินหลันกลับมา ก็รีบเข้าไปลากมือหลินหลันเอาไว้ เอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง “หลินหลัน เรื่องของเจ้าพวกเราล้วนได้ยินมาแล้ว เจ้าเป็นหญิงสาวที่แสนดี จะแต่งงานกับจางต้าฮู่ไปเป็นนางบำเรอไม่ได้เด็ดขาด เจ้าวางใจได้ พวกเราจะช่วยสนับสนุนเจ้าเอง หากว่าพี่สะใภ้และพี่ชายของเจ้าดึงดันที่จะบังคับเจ้า ข้าก็จะให้ลุงฟู้กุ้ยขับไล่พวกเขาออกไปจากหมู่บ้านเจี้ยนซีเสียเลย”
“ใช่แล้วหลินหลัน ไม่ต้องกลัวนะ จะต้องยืนหยัดต่อสู้ พวกเราจะคอยสนับสนุนเจ้าเอง” ป้าเฉินก็ยื่นคำขาดออกมาเช่นกัน
เมื่อได้ยินคำพูดกินใจเหล่านี้ และมองไปยังใบหน้าจริงใจของแต่ละคน ดวงตาของนางจะแดงระเรื่อขึ้นมา ใครกันที่บอกว่าเมื่อแม่ของนางตายไปแล้วก็จะไม่มีใครรักและเป็นห่วงนางอีก? ยังมีบรรดาท่านป้าเหล่านี้ที่คอยออกตัวยินยอมสนับสนุนนางแม้ในช่วงเวลายากลำบากที่สุดของนาง…หลินหลันรู้สึกซาบซึ้งใจยิ่งนัก “ขอบคุณท่านป้า ขอบคุณพวกท่านทุกคน มีพวกท่านคอยสนับสนุน ข้าก็ไม่เกรงกลัวอะไรแล้ว วางใจได้ ข้าจะยืนหยัดต่อสู้จนได้”
ในที่สุดหลินเฟิงก็มองเห็นเงาร่างที่แสนคุ้นตานั้นภายใต้ฉากยามค่ำคืน จึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก แล้วลุกขึ้นยืนเข้าไปต้อนรับ “เหม่ยจื่อ หายไปไหนมา ยังไม่ได้กินข้าวใช่ไหม เกอไปเอาข้าวให้เจ้านะ”
นัยน์ตาของผู้เป็นพี่ชายยังเต็มไปด้วยแสงแห่งความรักและเป็นห่วงเป็นใยเฉกเช่นที่ผ่านมา ภายในใจของหลินหลันรู้สึกเสียใจยิ่งนัก ถ้าหากผู้เป็นพี่ชายไม่ขี้ขลาดเสียขนาดนี้ เหยาจินฮวาก็คงไม่กล้าทำเช่นนี้?
เมื่อเห็นดวงตาที่เศร้าโศกของผู้เป็นน้องสาว หลินเฟิงก็รู้สึกผิดอยู่ในใจ เอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “เหม่ยจื่อ อีกประเดี๋ยวเจ้าคิดอย่างไรก็พูดออกไปอย่างนั้นกับบรรดาหัวหน้าหมู่บ้าน ในส่วนที่ว่าพี่พูดอะไรออกไปเจ้าก็อย่าได้คิดจริงจัง อย่าได้เก็บเอาไปใส่ใจ พี่…แม้ว่าพี่จะไม่ได้เรื่องได้ราว แต่ว่าพี่ก็ไม่มีทางบีบบังคับให้น้องสาวทำในสิ่งที่ไม่ชอบแน่”
หลินหลันประหลาดใจ ความหมายของผู้เป็นพี่ชายก็คือ อีกประเดี๋ยวหลังจากนี้เขาจะไม่ช่วยนางพูดใดๆ ภายใต้แรงกดดันมหาศาลครั้งนี้ แต่ในใจของเขานั้นเอนเอียงมาทางนาง? หลินหลันรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก เป็นเช่นนี้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน เขาเป็นถึงพี่ชายแต่ก็ยังไม่ยอมยืนหยัดอย่างกล้าหาญออกมาปกป้อง แล้วยังสนใจแต่ความรู้สึกของเหยาจินฮวา? ไม่น่าแปลกใจเลยที่ท่านแม่มักพูดเสมอว่าพี่ชายของนางแต่งงานกับลูกสะใภ้แล้วก็ลืมผู้เป็นแม่เสียแล้ว เหยาจินฮวาเป็นตัวซวยในชะตากรรมของพี่ชาย … ช่างเถอะ ลืมไปซะ ถึงอย่างไรนางก็ไม่ได้หวังอะไรในตัวพี่ชายของนางอยู่แล้ว ทำได้เพียงต้องพึ่งพาตัวเองให้ได้เท่านั้น หลินหลันก้มศีรษะลงและเดินผ่านผู้เป็นพี่ชายไปอย่างเงียบๆ
หลินเฟิงเมื่อเห็นว่าผู้เป็นน้องสาวไม่สนใจเขา ก็ยิ่งรู้สึกแย่ขึ้นไปอีก ไม่ใช่ว่าเขาไม่ช่วยผู้เป็นน้องสาว เพียงแต่ไม่สามารถช่วยอย่างเปิดเผยได้ วันนี้จินฮวาเอ่ยคำขู่ออกมา หากทำให้นางอับอายขายขี้หน้า นางจะฆ่าเด็กในท้องให้เขาดู
“หลินหลันกลับมาแล้ว! ข้ากำลังคิดว่าจะให้พี่ชายของเจ้าออกไปตามหาเจ้าอยู่พอดี!” เหยาจินฮวายิ้มอย่างสดใสราวกับว่าหลินหลันเป็นน้องสาวแท้ๆ ของนางเอง
หลินหลันมองนางด้วยสายตาเหยียดหยาม ก่อนจะเอ่ยอย่างไม่แยแส “เจ้าแค่เกรงว่าข้าจะหนีไปแล้ว เงินที่ได้รับมาพวกนั้นก็จะหายไปต่างหากเล่า!”
เหยาจินฮวาแสยะยิ้มออกมา “ดูเหม่ยจื่อพูดเข้าสิ เหม่ยจื่อช่างเป็นคนที่เข้าใจอะไรง่ายดีเสียจริง ใครบอกว่าจะหนีก็หนีได้งั้นหรือ อีกทั้งหากจะหนีแล้วจะหนีไปไหนได้?”
การข่มขู่ ภัยคุกคามที่มาในรูปแบบที่ไม่ได้เปิดเผย พูดง่ายๆ ก็คือ เจ้าจะสามารถหนีรอดพ้นเงื้อมมือของจางต้าฮู่ไปได้หรือ
หลินหลันเพียงส่งเสียงฮึอย่างเย็นชา ไม่สนใจนาง แล้วเดินเข้าไปทำความเคารพต่อบรรดาหัวหน้าหมู่บ้าน
“เพราะเรื่องของหลินหลัน จึงทำให้ต้องรบกวนท่านหัวหน้าหมู่บ้าน ท่านลุงเฉินเหลียงและท่านลุงเหยาฮุย หลินหลันรู้สึกไม่สบายใจยิ่งนัก”
หัวหน้าหมู่บ้านหยิบแท่งยาสูบมาเคาะลงบนหัวนาง ก่อนจะเอ่ยด้วยสีหน้าอ่อนโยน “หลินหลันเอ้ย! เรื่องของเจ้าทุกคนในหมู่บ้านก็ต่างพากันเป็นห่วงทั้งนั้น ดังนั้น ค่ำคืนนี้ข้าจึงตั้งใจเชิญลุงเฉินเหลียงและลุงเหยาฮุยมาด้วยเป็นการณ์เฉพาะ ทุกคนจะได้ปรึกษาหารือกัน เจ้าพูดความคิดของเจ้าออกมาก่อนเถิด!”
ทันทีที่หัวหน้าหมู่บ้านเปิดประเด็นก็หยิบยกเอาคนทั้งหมู่บ้านขึ้นมา และท่าทีที่เป็นไปในทิศทางบวกช่างแตกต่างไปจากเมื่อตอนเที่ยงเป็นอย่างมาก หลินหลันจึงตระหนักดีว่าเรื่องนี้มีผลกระทบต่อท่านป้าจินไม่น้อยเลย ดูเหมือนว่า คำพูดของผู้เป็นภรรยาจะมีอานุภาคไม่น้อยเลยทีเดียว
เหยาจินฮวาเมื่อได้ยินเช่นนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะจงเกลียดจงชังอยู่ในใจ มิน่าล่ะเมื่อครู่นี้ชายชราที่สมควรตายๆ ไปซะพวกนี้ถึงได้ไม่ปริปากเอ่ยอะไรออกมา ที่แท้พวกเขาก็ตัดสินใจมาแต่ต้นแล้ว ว่าพวกเขาต้องการที่จะช่วยหลินหลัน ฮึ! พวกเจ้ามีแผนรับมือของพวกเจ้า ข้าก็มีแผนรับมือของข้าเช่นกัน พวกเรามารอดูแล้วกันว่าผลลัพธ์ของเรื่องนี้จะเป็นอย่างไร