ขาฟางเจิ้งที่ยกขึ้นหยุดชะงัก ไม่ใช่เพราะไต้ซือหรือเจ้าอาวาสอะไร แต่เพราะวัดใหญ่ที่สุด! หลวงจีนหนึ่งนิ้วเคยพูดอยู่หลายครั้งว่าความปรารถนาสูงสุดของเขาคือสร้างวัดเอกดรรชนีให้เป็นวัดใหญ่เหมือนกับวัดเมฆาขาว! อีกทั้งวัดเมฆาขาวก็เป็นเพียงวัดขนาดกลางเท่านั้น มีพื้นที่ร้อยกว่าหมู่[1]จะไปเทียบกับวัดใหญ่ที่สุดในโลกได้อย่างไร?
ฟางเจิ้งคิดมาตลอดว่าตนไม่ติดค้างใคร แต่เขาต้องยอมรับว่าเขาติดค้างหลวงจีนหนึ่งนิ้วเยอะมาก ตอนหลวงจีนหนึ่งนิ้วมรณภาพก็ไม่ได้ร้องขออะไรเขา แต่แววตานั้นกลับเหมือนขอร้องบางอย่าง ตอนนั้นฟางเจิ้งพยักหน้า…
‘เฮ้อ เป็นลูกผู้ชายรับปากไว้แล้วก็ต้องทำให้ได้สิ ช่างเถอะ!’ ฟางเจิ้งส่ายหน้าแล้วพูดขึ้น “ในโลกนี้ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ นายต้องการให้ฉันทำอะไร?”
“ส่งเสริมพระธรรมให้รุ่งเรือง” ระบบตอบกลับ
ฟางเจิ้งพูดต่อ “ได้ ถือว่าผ่านทาง ไม่มีปัญหา!”
“ติ๊ง! ระบบพระพุทธองค์ผูกมัดสำเร็จแล้ว ร่างสถิตจะต้องหมั่นเพียรฝึกสมาธิ ส่งเสริมพระธรรมให้เจริญรุ่งเรือง ชี้นำทุกสรรพสัตว์! หากผิดศีล จะไม่มีทายาทสืบต่อไป”
‘เวรเอ๊ย!’ ฟางเจิ้งด่าทอในใจ ก่อนพูดขึ้น “ทำไมนายไม่บอกก่อนเล่า!”
“ก็ร่างสถิตไม่ได้ถาม?” ระบบตอบ
ฟางเจิ้งตะลึง ไม่มีทายาทสืบต่อไป? นี่จะเป็นหมันตลอดชีวิตเหรอ? เขายังอยากแต่งงานมีลูกนะ! นี่มันโหดร้ายเกินไปแล้ว!
“ตอนนี้เปลี่ยนได้หรือเปล่า?” ฟางเจิ้งถามเสียงอ่อย
“ได้!” ระบบตอบกลับอย่างตรงไปตรงมา
“อย่างนั้นก็ดี ฉันเปลี่ยนใจแล้ว” ฟางเจิ้งพูดต่อ
“หลังร่างสถิตตายจะปลดข้อผูกมัดให้เอง” ระบบเอ่ยช้าๆ
“ไอ้เวรเอ๊ย!” ฟางเจิ้งอดใจไม่ไหวด่าออกไป
“เปรี้ยง!” สายฟ้าผ่าลงตรงหน้าฟางเจิ้ง พื้นเป็นสีดำสนิท ฟางเจิ้งถึงกับขาชา
“เป็นคนที่พระพุทธองค์เลือก จะต้องระวังคำพูด ห้ามด่าทอตามอำเภอใจ” ระบบกล่าว
“ด่าในใจได้หรือเปล่า?” ฟางเจิ้งถามต่อ
“….” ระบบเองก็หมดคำจะพูด
“ระบบทำการผูกมัดแล้ว ขอประกาศภารกิจแรกของระบบ ต้องเก็บกวาดทั้งวัดให้สะอาดในหนึ่งวัน เมื่อสำเร็จจะได้รับรางวัลเสกป้ายวัดอันใหม่!”
“เอ่อ ว่าแต่ป้ายวัดมีประโยชน์อะไรเหรอ?” ฟางเจิ้งสงสัย ก็แค่ป้ายวัดเอง ยังเอามาเป็นรางวัลระบบอีก? ตอนนี้เขาก็มีอยู่แล้วนี่!
“ได้รับการปลุกเสกเพิ่มจากพระพุทธองค์ ยกระดับความยิ่งใหญ่ของวัด”
“ตอนนี้ไม่มีเลยเหรอ?”
“ไม่มี”
“เวรกรรม…” ฟางเจิ้งเบะปากพลางไม่คิดอย่างนั้น ก่อนแบกสัมภาระกลับกุฏิ ในเมื่อไปไหนไม่ได้ ก็เป็นนักบวชอย่างสงบสุขนี่แหละ
จากนั้นฟางเจิ้งหยิบไม้ขนไก่มาเริ่มเก็บกวาดลาน วัดนี้ไม่ได้สกปรกมาก เพียงแค่หลังหลวงจีนหนึ่งนิ้วมรณภาพแล้วก็มีฝุ่นเกาะจำนวนมากเท่านั้น ยุ่งกับงานในช่วงบ่าย ก่อนตะวันลาลับ ในที่สุดก็ทำความสะอาดวัดเสร็จ เขาปาดเหงื่อบนใบหน้าพลางว่า “ระบบ เสร็จแล้ว!”
“ติ๊ง! เก็บกวาดได้สะอาดมาก สมบูรณ์แบบ! พระธรรมปลุกเสกป้ายวัดเอกดรรชนี!”
เสียงวิ้งดังขึ้น แสงทองส่องลงบนป้ายวัด เห็นเพียงป้ายวัดขยับแสงวูบวาบราวกับทองคำ!
ฟางเจิ้งอดคิดในใจไม่ได้ “หากเป็นทองบริสุทธิ์ ถอดลงมาน่าจะเอาไปขายได้ราคาสูงอยู่?”
“ป้ายวัดเป็นหน้าตาของวัด ห้ามเอาไปขาย” ระบบเตือนอย่างไม่เกรงใจ
ฟางเจิ้งเบะปาก “ฉันแค่คิดก็ไม่ได้เหรอ? จริงๆ นะ ก็นายไม่ให้เงินฉัน แล้วยังจะห้ามไม่ให้ฉันคิดเรื่องพวกนี้อีกเหรอ? นายมีอำนาจทุกอย่างแล้ว ยังจะมาสนใจฝันกลางวันของฉันอีกทำไม?”
ผลคือระบบไม่สนใจเขา
แสงทองอาบไล้อยู่สิบนาทีก็หายไป
ทว่าป้ายวัดก็ยังเป็นป้ายเก่าที่ผุพังเล็กน้อยอันเดิม ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรเลย แต่ความรู้สึกกลับต่างออกไป มองแวบแรกฟางเจิ้งยังเกิดความเคารพ เกิดความรู้สึกจิตใจสงบ! ความกลัดกลุ้มในใจพลันหายไป ความรู้สึกนั้นสุขสบายจริงๆ!
“เฮ้ย มหัศจรรย์จริงๆ!” ฟางเจิ้งอดพูดอย่างปลงอนิจจังไม่ได้
“ติ๊ง! เนื่องจากร่างสถิตสำเร็จภารกิจแรกในระดับสมบูรณ์แบบ รางวัลระบบจะมอบรางวัลวัดให้อีก จับรางวัลฟรีหนึ่งครั้ง!”
ฟางเจิ้งยังไม่ทันตั้งตัวก็เห็นแสงทองสายหนึ่งพุ่งลงมาจากฟ้า เหมือนกับพระพุทธองค์ทุบค้อนเหล็กลงมา!
“เวรแล้ว นี่ไม่ใช่ซ่อมแล้ว นี่มันจะพังกันชัดๆ!” ฟางเจิ้งตะโกนเสียงดัง ถอยเข้าไปในวัด แต่แสงทองนอกวัดขยับวูบผ่านขวางเขาไว้ข้างนอก ไม่ว่าเป็นหรือตายก็เข้าไปไม่ได้
บนวัดยังมีระฆังใหญ่ใบหนึ่ง เปล่งแสงทองอร่าม
มือของเศียรพระพุทธรูปภายในทุบค้อนเหล็กลงมา มองไม่ออกว่ากำลังทำอะไร ผ่านไปราวสิบนาที ระฆังสีทองหายไป พระพุทธองค์ก็หายไปเช่นกัน แต่ทั้งวัดเปลี่ยนไปแล้ว!
กำแพงวัดที่เดิมทีถล่มลงซ่อมกลับมาใหม่อีกครั้ง เป็นผนังสีแดงดูเด่นตาเป็นพิเศษ
ต้นโพธิ์ที่แห้งตายไปนานแล้วภายในลานมีสีเขียวขึ้นมา กิ่งไม้แก่มีหน่ออ่อน!
ฟางเจิ้งเห็นดังนั้นก็ด่ายิ้ม “เจ้านี่แตกกิ่งในฤดูใบไม้ร่วงเนี่ยนะ ไม่กลัวถูกแช่แข็งตายเรอะ? จริงๆ แล้วก็ยังอยากจะตัดแกไปทำฟืนอยู่เหมือนกัน แต่เป็นแบบนี้ก็ช่วยไม่ได้”
น่าเสียดายต้นโพธิ์พูดไม่ได้ขยับไม่ได้ ถ้าไม่อย่างนั้นคงต้องตบปากมันสักที…
ซ่อมอุโบสถเสร็จแล้ว มีภาพแกะสลักสวยงาม ชายคายกสูง สวยงามจริงๆ! ขณะเดียวกันทุกที่มีกลิ่นอายของธรรมะ นี่คือความงามแบบธรรมชาติ งามจนเหมือนกับศิลปะธรรมชาติชั้นสูง!
ตรงประตูก็มีเทวรูปพระเวทโพธิสัตว์[2] เดิมทีแขนหายไปข้างหนึ่ง คทาสยบมารในมือก็ชำรุด ตอนนี้ยืนอยู่ตรงนั้นสมจริงราวกับมีชีวิต เดิมทีชุดเกราะสีลอกไปแล้ว แต่ตอนนี้กลับมาทองอร่ามอีกครั้ง พระหัตถ์ข้างหนึ่งเท้าสะเอว พระหัตถ์อีกข้างกดคทาสยบมารลงพื้น ดูน่าเกรงขามและยิ่งใหญ่มาก!
วัดเอกดรรชนีเป็นวัดเล็ก เทวรูปพระเวทโพธิสัตว์สร้างขึ้นแบบนี้ บอกกับผู้มาเยือนว่านี่คือวัดเล็ก ไม่ดูแลอาหารสามมื้อ หากเป็นวัดขนาดกลางอย่างเช่นวัดเมฆาขาว พระเวทโพธิสัตว์ในพระวิหารจะใช้สองมือกอดคทาสยบมาร ความหมายคือดูแลอาหารและที่พักสามวัน หากเป็นวัดใหญ่อย่างวัดเส้าหลิน พระเวทโพธิสัตว์จะกอดคทาสยบมาร สองมือประนม ความหมายคือดูแลอาหารและที่พักเจ็ดวัน!
ดังนั้นแล้วพระเวทโพธิสัตว์ไม่ใช่เพียงเทพปกปัก แต่ยังเป็นป้ายประกาศของแต่ละวัดใหญ่ หากเป็นแขกคนเฒ่าคนแก่ มองพระเวทโพธิสัตว์แวบเดียวก็รู้อะไรมากแล้ว
เดินผ่านธรณีประตูสูงไปจะวางกล่องบริจาคสีแดงเอาไว้หนึ่งใบ มองไม่เห็นว่าข้างในมีเงินเท่าไร
ฟางเจิ้งมองกล่องบริจาคพลางส่ายหน้าเบาๆ ในภาพจำเขา ตอนนั้นที่วัดเอกดรรชนีโด่งดังที่สุดก็ยังไม่เคยเห็นธนบัตรสีแดงในกล่องบริจาคมาก่อน กลับกันพวกเขายากจนมาตลอด
ใต้กล่องบริจาควางเบาะนั่งไว้สามใบสำหรับให้คนมาคารวะเทพ
ตรงข้ามกับประตูใหญ่มีเทวรูปสีขาวบริสุทธิ์ยืนอยู่องค์หนึ่ง ในอ้อมอกอุ้มทารกคนหนึ่ง ทางซ้ายขวาเป็นชายหญิงกำลังปรนนิบัติ นั่นคือพระแม่กวนอิมปางประทานบุตรกับกุมารทองกุมารีหยก
นี่ก็เป็นเทพที่วัดเอกดรรชนีบูชามาตลอด เพียงแต่พระแม่กวนอิมในตอนแรกไม่ได้อยู่กับกุมารทองกุมารีหยก อีกทั้งตอนสร้างยังดูไม่ได้อยู่เล็กน้อย กระทั่งเครื่องหน้าไม่ชัดเจน พระแม่กวนอิมตอนนี้สมจริงดั่งมีชีวิต คล้ายๆ กับหุ่นขี้ผึ้ง สวยเพียบพร้อม น่าเกรงขาม ศักดิ์สิทธิ์และมีเมตตากรุณา
……………………
[1] หนึ่งหมู่เท่ากับ 666.67 ตารางเมตร
[2] พระเวทโพธิสัตว์ คือเทพธรรมบาลผู้ปกปักพุทธศาสนาตามความเชื่อของชาวพุทธมหายานในจีน