ตอนที่ 16 ไข่ต้มหนึ่งฟอง

แม่สาวเข็มเงิน

ตอนที่ 16 ไข่ต้มหนึ่งฟอง

ความสามารถในการมองเห็นตอนกลางคืนของร่างกายนี้ดีจนคิดไม่ถึง แม้ว่าท้องฟ้าจะมืดสลัวลงแล้ว แต่เจียงป่าวชิงยังจำสิ่งนั้นที่หวังอาซิ่งถือไว้ในมือได้

มันคือไข่ต้ม

เจียงป่าวชิงรีบชักมือกลับทันที

นางรู้ว่าสถานการณ์ของหวังอาซิ่งตอนที่อยู่ในบ้านของนางนั้นไม่ค่อยดีนัก และไม่รู้ว่าไข่ต้มฟองนี้อาซิ่งเก็บมานานเท่าไหร่แล้วถึงไม่ยอมกินสักที

นางคงรับไว้ไม่ได้

เมื่อหวังอาซิ่งเห็นเจียงป่าวชิงชักมือกลับ นางก็ร้อนรนเล็กน้อย “ป่าวชิง ไข่ฟองนี้ข้าให้เจ้ากิน นี่เป็นไข่ต้มที่พี่สะใภ้ของข้าแอบเอามาให้ข้าก่อนหน้านี้ ข้าตัดใจกินไม่ลง” อาซิ่งพูดไปด้วยและกลืนน้ำลายอย่างลืมตัวไปด้วย

ได้ฟังดังนั้น เจียงป่าวชิงก็ยิ่งรู้สึกว่ารับไว้ไม่ได้มากขึ้นไปอีก

หวังอาซิ่งอายุน้อยกว่านางสองปี กำลังเป็นวัยเจริญเติบโต ในวันธรรมดาก็ไม่มีอะไรมาเติมเต็มร่างกายอยู่แล้ว ไข่ต้มหนึ่งฟองคงจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่หวังอาซิ่งสามารถเอาออกมาได้

แต่หวังอาซิ่งกลับนำไข่ต้มฟองนี้มาให้นางกิน

เจียงป่าวชิงตื้นตันใจ นางก้าวถอยหลังเล็กน้อยและกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับเห็นแม่ของหวังอาซิ่งเดินเข้ามาเสียก่อน  แม่ของหวังอาซิ่งง้างมือตบลงไปบนหัวของนาง

“ท่านแม่!”

หวังอาซิ่งงงเป็นไก่ตาแตก ร่างนางเซเล็กน้อย ถ้าหากตรงหน้าไม่มีรั้วกั้นไว้ เกรงว่านางคงจะล้มลงไปแล้ว  นางจับรั้วด้วยมือข้างเดียว ส่วนมืออีกข้างก็รีบนำไข่ต้มฟองนั้นไปซ่อนไว้ที่ด้านหลังอย่างร้อนรน

ทว่าแม่ของหวังอาซิ่งเห็นตั้งนานแล้ว นางจ้องหวังอาซิ่งเขม็ง “หนอยแน่! ข้าได้ยินหมดแล้ว! ปีกกล้าขาแข็งแล้วใช่ไหมเจ้าน่ะ ?! กล้าหลอกเอาไข่มาจากพี่สะใภ้! พี่สะใภ้เจ้ามีลูกอยู่ในท้อง เจ้าก็มีลูกอยู่ในท้องด้วยอย่างนั้นสิ เจ้าคู่ควรกับไข่ต้มฟองนี้หรืออย่างไร ?!” ด่าเสร็จนางก็ตบลงไปบนท้ายทอยของหวังอาซิ่งอีกครั้ง

หวังอาซิ่งถูกตีจนน้ำตาคลอเบ้า นางหดตัวมากกว่าเดิม กลัวจนไม่กล้าพูดอะไรออกมาสักคำ

เจียงป่าวชิงทนดูต่อไปไม่ไหวแล้วจึงพูดขึ้น “อาหวัง…”

แม่ของหวังอาซิ่งหัวเราะเหน็บแนมเล็กน้อย จากนั้นก็มองมาที่เจียงป่าวชิง “ได้ยินมาว่าคนปัญญาอ่อนอย่างเจ้าสมองหายดีแล้ว  ข้าว่าน่าจะใช่ เพราะเจ้าหลอกเอาไข่ต้มบ้านข้าเป็นแล้ว  ถุย! เจ้ามันหน้าไม่อาย! พวกตระกูลเจียงไม่มีใครดีสักคนเลยจริง ๆ” พูดจบนางก็มองเจียงป่าวชิงด้วยสายตาดูแคลน จากนั้นก็หันไปผลักและกระชากเสื้อผ้าของหวังอาซิ่ง สุดท้ายนางพูดขึ้นอย่างรำคาญว่า “กลับได้แล้ว! มาดูกันซิว่าข้าจะจัดการกับเจ้าอย่างไร”

หวังอาซิ่งหดตัวเล็กน้อย นางไม่กล้าพูดอะไรอีกแล้ว ทำได้เพียงกัดริมฝีปาก มองเจียงป่าวชิงสักหน่อยก่อนจะโบกมือให้ ทว่านั่นทำให้นางถูกแม่ของนางกระชากจนเดินโซเซ

ดูเหมือนว่าทุกครั้งที่หวังอาซิ่งมาหานาง ไม่มีครั้งใดเลยที่จะลงเอยด้วยดี

เจียงป่าวชิงถอนหายใจอย่างไม่สบายใจ  พละกำลังของนางในตอนนี้อ่อนแอเกินไป นางช่วยอะไรหวังอาซิ่งไม่ได้เลย

เจียงป่าวชิงกลับไปที่ห้องด้วยใจคอเหี่ยวแห้ง ครุ่นคิดอยู่สักครู่ จากนั้นก็ไปค้นเอากระเป๋าผ้าใบเล็กเก่า ๆ ออกมาจากในตู้

นี่เป็นของกระจุกกระจิกที่นางคัดแยกออกมาในตอนที่จัดเรียงเสื้อผ้าก่อนหน้านี้ ข้างในมีเข็มเย็บผ้าอันใหญ่สองอันที่รูปร่างเหมือนทำออกมาอย่างชุ่ย ๆ  เข็มเย็บผ้าอันนี้เป็นอันเดียวกับที่เจียงหยุนชานใช้เย็บเสื้อผ้า

ถึงอย่างไรเสื้อผ้าของพวกเขาสองพี่น้องก็ไม่มีชิ้นไหนที่พอดีตัว ทั้งหมดล้วนเย็บเป็นรอยปะ ถูกเย็บปะติดปะต่อกันไปทั้งอย่างนั้น ทว่าในระหว่างขั้นตอนนี้ เจียงหยุนชานฝึกฝนจนตัวเขาเป็นงานเย็บปักถักร้อย

เข็มเย็บผ้าสองอันหมุนอยู่บนนิ้วของเจียงป่าวชิง นางจะไม่ยอมแสดงออกมาให้เห็นว่าตนเองมีวิชาฝังเข็มเด็ดขาด

ตอนนี้นางอ่อนแอเกินไป อ่อนแอถึงขั้นแทบจะไม่มีแรงสวนกลับเลยก็ว่าได้  อย่างเมื่อสักครู่ หากนางดึงหวังอาซิ่งหนีไป ก็เท่ากับว่านางเป็นคนร้ายที่มีเจตนาไม่ดีทันที

เจียงป่าวชิงกัดริมฝีปากล่างเบา ๆ และค้นเอาหินลับมีดที่หักเป็นท่อนใหญ่ออกมาจากในซอก

เข็มสองอันนี้เพียงพอต่อการเย็บเสื้อผ้าหยาบ แต่มันค่อนข้างใหญ่ไปสำหรับวิชาฝังเข็มของนาง อีกทั้งยังไม่สามารถควบคุมความแม่นยำได้ดีเท่าที่ควร

เจียงป่าวชิงลับเข็มเย็บผ้าบนหินลับมีดท่ามกลางแสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามาทางหน้าต่าง

ภายในห้องมืดสลัว สิ่งของอย่างเช่นเทียนกับตะเกียงน้ำมันอะไรทำนองนั้นไม่มีแน่นอน แต่สำหรับเจียงป่าวชิง ดูเหมือนว่าของจำพวกเข็มจะเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายของนางไปแล้ว และนางก็คุ้นเคยกับมันเป็นอย่างดีด้วยเช่นกัน

ภายในห้องไม่มีเสียงใด ๆ มันเงียบสงบมาก มีเพียงเสียงเล็ก ๆ ของเข็มเย็บผ้าที่ถูอยู่บนหินลับมีดเท่านั้น

…… เจียงเอ้อยากลับไปที่ห้องด้วยท่าทางมีลับลมคมใน นางรออย่างใจจดใจจ่ออยู่ในห้องเป็นเวลานาน เมื่อเห็นเจียงเอ้อยากลับมา นางก็กุมท้องและลุกขึ้นยืนอย่างตื่นเต้น

“ได้มาไหม ?” นางรีบถาม

เจียงเอ้อยาเผยรอยยิ้มภูมิใจออกมาให้เห็น “แน่นอนอยู่แล้ว เจ้าดูสิว่านี่ใคร ?”

สีหน้าตื่นเต้นของเจียงต้ายาปิดไม่มิด พวงแก้มนางเจือสีแดงเรื่อเล็กน้อย

เจียงเอ้อยาหันกลับไปมองในห้อง เมื่อแน่ใจว่าเจียงเหมยฮัวไม่อยู่ นางจึงหยิบถุงกระดาษน้ำมันที่ห่ออย่างแน่นหนาออกมาจากในอ้อมกอดของตัวเอง “พี่ ข้าจะบอกเรื่องนี้กับพี่ว่าข้าแค่ช่วยพี่ทำธุระกับแม่เฒ่ากัวเท่านั้น… ส่วนผงข้างในเป็นอะไรนั้นข้าไม่รู้เรื่อง และข้าไม่สนว่าพี่จะใช้อย่างไรเช่นกัน”

“พอแล้ว ข้ารู้แล้ว ไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้าหรอก เจ้าวางใจได้” เจียงต้ายาโบกมืออย่างรำคาญ จากนั้นนางก็รับถุงกระดาษน้ำมันเล็ก ๆ อันนั้นมาจากในมือเจียงเอ้อยาอย่างอดใจรอไม่ไหว และนำมาถือไว้ในมือ ทว่าต่อมานางกลับมีท่าทางเหมือนไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี

เจียงเอ้อยานั่งลงข้างเจียงต้ายาอย่างใกล้ชิด และมีสีหน้าราวกับว่าตัวเองได้ความดีความชอบมาจากความสำเร็จของผู้อื่นอย่างไรอย่างนั้น

“พี่ เมื่อสักครู่ที่ข้าออกไปซื้อถุงกระดาษอันนี้ที่บ้านแม่เฒ่ากัว ข้าถูกท่านแม่ด่าทอมาด้วย และเมื่อสักครู่ดูเหมือนพี่ฉายของเราจะถูกเจ้าปัญญาอ่อนนั้นรังแก  ท่านพ่อกับท่านปู่ไม่อยู่บ้าน ท่านแม่กับท่านย่าจึงออกไปกันหมด จากนั้นก็จับเจ้าปัญญาอ่อนมาตี แล้วเมื่อสักครู่ท่านแม่ยังไม่พอใจที่ข้าไม่ได้ไปช่วยในเวลาสำคัญ นี่ก็ถึงเวลาที่ต้องกินซี่โครงแล้ว คงต้องกลับบ้านแล้ว… พี่ดูสิ ข้าถูกด่าเพราะไปซื้อของให้พี่นะ พี่ต้องอย่าลืมข้านะ”

เดิมทีเจียงต้ายายังมีกะจิตกะใจฟังเจียงเอ้อยาบ่นอยู่  ทว่าต่อมาที่นางได้ยินคำว่า ‘ซี่โครง’ ดวงตาของนางก็เป็นประกาย นางยิ่งคิดก็ยิ่งดีใจ สุดท้ายก็ตบโต๊ะอย่างรุนแรง

เจียงเอ้อยามีท่าทีตกใจ “พี่ทำอะไร ?”

เจียงต้ายาตื่นเต้นจนหน้าแดงลามไปถึงใบหู “เจ้าไม่ต้องถามมาก!” นางชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็คลี่ยิ้ม “เอ้อยา คนที่ข้าให้เจ้าช่วยไปหา เจ้าหาเจอหรือยัง ?”

เจียงเอ้อยาเบะปาก ทว่าสายตากลับเป็นประกายเล็กน้อย “พี่… พี่ให้ข้าไปหาคนเสเพลตรงทางเข้าหมู่บ้านทำไมหรือ ?”

เจียงต้ายากระแอมไอเล็กน้อย ดวงตาของนางค่อนข้างเป็นอิสระ จากนั้นนางก็พูดอย่างอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ “ ข้าก็แค่ให้เขาส่งต่อคำพูดให้พี่เฉิงหยวนเท่านั้นเอง” เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ นางก็จ้องเจียงเอ้อยาอย่างโมโหเสียอย่างนั้น “เจ้าถามไปทำไมให้มากความ ข้าเป็นพี่จะใช้เจ้าไม่ได้เลยหรืออย่างไร ?!”

เจียงเอ้อยาลื่นไถลลงมาจากบนม้านั่ง มุมปากของนางคว่ำลง แต่ปากกลับขานรับเจียงต้ายา “ไอ้หยา! พี่ แม้ว่าพี่จะใช้ข้า แต่ข้าจะไม่เชื่อฟังพี่ได้หรือ ?  พี่วางใจเถอะ ซุนต้าตงคนเสเพลคนนั้น ข้าทำตามที่พี่สั่งแล้ว ข้าให้เงินเขาห้าทองแดง และบอกให้เขามาหลบคนรออยู่ที่ด้านนอกประตูบ้านเราในตอนบ่าย”

เจียงต้ายากำมือ ตั้งสติเล็กน้อย  เดิมทีนางเกิดมามีผิวคล้ำอยู่แล้ว ตอนนี้ภายในบ้านค่อนข้างมืด เมื่อสักครู่ตอนที่นางแก้มแดงจากการเป็นกังวลนั้น ในความมืดจึงไม่ค่อยเห็นเท่าไหร่นัก

เจียงต้ายากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ม่านตรงประตูก็ดังขึ้นมาเสียก่อน เจียงเหมยฮัวเลิกม่านออกและผลักประตูเข้ามา เมื่อเห็นว่าเจียงต้ายากับเจียงเอ้อยาอยู่ในห้องไม่ได้ไปไหน นางก็ชะงักไปเล็กน้อย และไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดีจึงพยักหน้าให้พวกนางสองคนเพื่อเป็นการทักทาย

เจียงต้ายารีบยัดถุงกระดาษน้ำมันเข้าไปในอ้อมกอดอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็พูดขึ้นเพื่อจงใจที่จะปิดบังความจริง “ท่านป้าเล็กกลับมาแล้วหรือเจ้าคะ ?”

เจียงเหมยฮัวเห็นเจียงต้ายาซ่อนถุงกระดาษน้ำมันเข้าไปในอ้อมกอด แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร  เพราะหลานสาวสองคนนี้ของนางชอบซ่อนของกินมาตั้งแต่เด็ก นางจึงคิดว่าการกระทำเมื่อครู่คือการซ่อนของกิน

เจียงเหมยฮัวขานรับอย่างเชื่องช้า “ใช่ ข้ากลับมาแล้ว” จากนั้นก็นั่งบนเตียงอิฐอีกฝั่งโดยไม่ส่งเสียง นางจุดตะเกียงน้ำมันก๊าด จากนั้นก็หยิบงานเย็บปักถักร้อยชิ้นหนึ่งออกมา และเริ่มทำงานเย็บปักถักร้อยใต้ตะเกียงน้ำมันก๊าด

เจียงเอ้อยาเบะปาก บ่นพึมพำหนึ่งประโยค “เมื่อวานท่านย่าไม่พอใจที่ห้องเราใช้น้ำมันก๊าดหมดเร็วเกินไปอยู่เลย” จากนั้นก็เลิกม่านและเดินออกไปทันที