จะไม่มีเพื่อนเอา

 

 

 

 

เฉียวเจิ้นไม่อธิบายอะไรยังพอว่า พออธิบายขึ้นมา อวี๋หมิงหลางฟังแล้วก็ยิ่งโมโห 

 

 

ถุงยางกลิ่นวนิลาที่เขาซื้อมายังคงนอนอย่างโดดเดี่ยวอยู่ในกล่องเก็บของท้ายรถ 

 

 

เฉียวเจิ้นมีสิทธิ์อะไรบทจะทำก็ทำได้ ทำ ไม 

 

 

อัดแค่นี้ยังน้อยไป 

 

 

หลังจากที่เฉียวเจิ้นถูกอวี๋หมิงหลางอัดอย่างไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ก็เริ่มตั้งรับ ทั้งสองคนซัดกันนัวเนีย ผลัดกันคนละที ดูแล้วสนุกไม่เบา 

 

 

ห่างจากตรงนั้นไปไม่ไกล ทหารท้องที่หลายนายที่มาช่วยทำสนามทดสอบกำลังยืนมองอยู่ การปะทะกันอย่างดุเดือดของอวี๋หมิงหลางกับเฉียวเจิ้นได้เป็นประเด็นให้พวกเขาพูดคุยกัน 

 

 

“011สองคนนี้สุดยอดเลยว่ะ” 

 

 

“น่าเสียดายที่พวกเราคุณสมบัติไม่พอเข้าร่วมคัดเลือก มีแค่ทหารเก่งๆเท่านั้นถึงจะเข้าร่วมทดสอบได้ หวางย่าเฟยที่ได้เลื่อนหกขั้นติดก็เข้าร่วมด้วยพวกนายเคยได้ยินเปล่า?” 

 

 

“บุคคลในตำนานที่อาศัยปลูกผักจนได้เลื่อนสามขั้นไปเป็นนักสอดแนม จากนั้นก็กลายเป็นนักแม่นปืนน่ะเหรอ?” 

 

 

“ใช่ๆ เลื่อนหกขั้น ทั้งหมดมีแปดคนที่มีคุณสมบัติเข้าร่วมการทดสอบได้ แต่ชื่อเสียงของเขาดังสุด ยังคิดอยู่ว่าหวางย่าเฟยก็เก่งมากแล้วนะ แต่พอเห็นฝีมือของ011ถึงได้รู้ว่า เหนือฟ้ายังมีฟ้า สมกับเป็นพี่ใหญ่ของหน่วยรบพิเศษ” 

 

 

ทหารพวกนี้ไม่ได้รู้เลยว่า อวี๋หมิงหลางกับเฉียวเจิ้นที่ได้รับการชื่นชมอยู่นั้น สาเหตุที่พวกเขาลงไม้ลงมือเป็นเพราะคนหนึ่งได้กินเนื้อแล้ว อีกคนยังเป็นพระอยู่ ดังนั้นหลวงพี่เลยโมโห อยากอัดเฉียวเจิ้น 

 

 

ผ่านไปห้านาทีเครื่องมือสื่อสารของอวี๋หมิงหลางก็ดังขึ้น เขาถึงปล่อยมือ ปล่อยเฉียวเจิ้นที่ถูกเขาต่อยจนหน้าบวมจมูกเขียว 

 

 

เฉียวเจิ้นลูบปาก จนถึงตอนนี้เขายังไม่เข้าใจเลยว่าทำไมถูกอัด “ถ้าไม่ติดว่าเมื่อคืนใช้พลังไปเยอะนะ ฉันเอาคืนแน่” 

 

 

“แรงนายน่ะสู้ฉันไม่ได้อยู่แล้ว” หลังจากอวี๋หมิงหลางพูดท้าทายเสร็จก็กดปุ่มรับ 

 

 

“ผมOneครับ เชิญพูด” 

 

 

“One มีสายด่วนของคุณ ช่วยมาที่รถสื่อสารด้วย” 

 

 

“รับทราบ” 

 

 

อยู่ข้างนอกจะต้องเก็บโทรศัพท์ไว้ แต่ถ้ามีเรื่องด่วนก็โทรเข้าเบอร์ฉุกเฉินเพื่อหาเขาได้ 

 

 

อวี๋หมิงหลางยกนิ้วกลางให้เฉียวเจิ้นด้วยความ โกรธ อาฆาต ริษยาแล้วรีบวิ่งไปที่รถสื่อสาร 

 

 

“ใครโทรมาครับ?” อวี๋หมิงหลางถาม 

 

 

ทหารสื่อสารตอบด้วยท่าทียำเกรง “คู่หมั้นของคุณครับ บอกว่ามีเรื่องด่วน” 

 

 

เสี่ยวเชี่ยน? อวี๋หมิงหลางไม่กล้ารอช้า ปกติเสียวเหม่ยไม่มีทางโทรถึงที่นี่ได้แน่ คงมีเรื่องด่วนมาก 

 

 

การโทรจะต้องผ่านหลายคน คิดดูก็รู้ว่าเสี่ยวเชี่ยนคงโทรหาพ่อของเขาก่อน จากนั้นก็ใช้เส้นสายโอนสายกันจนมาถึงที่นี่ สถานการณ์ที่นี่ในตอนนี้แตกต่างจากปกติ โทรศัพท์ทั่วไปไม่มีทางติดต่อได้โดยตรง 

 

 

“เสียวเหม่ยเกิดอะไรขึ้น?” อวี๋หมิงหลางพอคว้าโทรศัพท์ได้ก็รีบถามด้วยความร้อนใจ 

 

 

“เรียกฉันว่าหมอเฉินด้วยค่ะ ตอนนี้ฉันคุยกับคุณในฐานะคนเป็นหมอ” 

 

 

“……” เมื่อกี้ยังตึงเครียดอยู่ พอได้ยินเธอพูดแบบนี้ก็โล่งใจ ดูท่าจะไม่ได้เกิดเรื่องขึ้นกับเธอ 

 

 

“ว่ามาครับหมอเฉิน เกิดอะไรขึ้น?” 

 

 

“หวางย่าเฟยนายรู้จักไหม?” 

 

 

“รู้จัก” นี่คือคนที่มาแรงที่สุดในบรรดาคนที่เข้าร่วมการทดสอบครั้งนี้ อวี๋หมิงหลางกับเฉียวเจิ้นมาที่นี่ก็เพราะถูกใจในพรสวรรค์การยิงปืนของหวางย่าเฟย เขาเองก็คาดหวังกับผลงานในวันพรุ่งนี้ของหวางย่าเฟย 

 

 

“ตามจรรยาบรรณของพวกเรา เราไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลรวมถึงชื่อแซ่ของคนไข้ได้ แต่นี่เป็นกรณีพิเศษ ฉันจำเป็นต้องบอกนาย ถ้าพรุ่งนี้หวางย่าเฟยผ่านการทดสอบของนาย ขอความกรุณาอย่าพาเขากลับไปด้วย” 

 

 

“ขอเหตุผล” อวี๋หมิงหลางขมวดคิ้ว 

 

 

“เพราะเขาเป็นโรคภาวะผิดปกติทางใจอย่างรุนแรงแอบแฝง หากเข้าหน่วยรบพิเศษไปอาจเกิดผลร้ายที่ค่อนข้างหนัก” 

 

 

อวี๋หมิงหลางอึ้งไปกับคำพูดของเสี่ยวเชี่ยน 

 

 

“โรคอะไรนะ?” 

 

 

“โรคภาวะผิดปกติทางใจอย่างรุนแรง ถ้าฉันวินิจฉัยไม่ผิดล่ะก็ อาการของเขามีมาหลายปีแล้ว แต่ฉันสะกดจิตเขาล้มเหลว เลยไม่รู้ว่าเกิดขึ้นตั้งแต่ปีไหน ฉันได้อาศัยเส้นสายให้ลองสืบดูแล้ว ดังนั้นก่อนที่ฉันจะรักษาเขาหาย อย่าเพิ่งให้เขาเข้าหน่วยนาย นี่ถือเป็นการรับผิดชอบต่อพวกนาย และเป็นการรับผิดชอบต่อตัวเขา” 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนเองก็ตัดสินใจหลังจากที่ความคิดตีกันไปยกใหญ่ 

 

 

เธอรักษาหวางย่าเฟยครั้งแรกล้มเหลว หลังจากที่ลังเลอยู่สักพัก ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจทำผิดจรรยาบรรณ เอาข้อมูลของคนไข้เปิดเผยกับอวี๋หมิงหลาง 

 

 

การกระทำแบบนี้ถือเป็นการทำผิดกฎ 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสียแล้ว เธอคิดว่าการปล่อยให้หวางย่าเฟยเข้าหน่วยโลนวูล์ฟของ011ไป ไม่เพียงแต่ตัวเขาเองจะมีอันตราย ทั้งทีมก็จะมีอันตรายไปด้วย ถึงตอนนั้นอวี๋หมิงหลางก็จะได้รับผลกระทบ 

 

 

“รายละเอียดเป็นไง?” 

 

 

คำพูดของเสี่ยวเชี่ยนได้เรียกความสนใจของอวี๋หมิงหลางได้มากทีเดียว 

 

 

“อีกหนึ่งชั่วโมงฉันจะไปถึงสนามทดสอบของนาย เดี๋ยวค่อยคุยกัน” 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนติดต่อไปหาหัวหน้าใหญ่ก่อน จากนั้นหัวหน้าใหญ่ก็อนุญาตให้เข้าไปยังสนามทดสอบได้เป็นกรณีพิเศษ เรื่องนี้ค่อนข้างใหญ่ เกี่ยวข้องกับอวี๋หมิงหลาง เธอไม่มีทางปล่อยไปโดยไม่สนใจ 

 

 

เสียวเหม่ยจะมา? 

 

 

อวี๋หมิงหลางนิ่งไปเล็กน้อย แต่กลับไม่ได้มีอารมณ์ดีใจที่จะได้เจอคนรักอีก เขาขมวดคิ้วแล้วตอบไปว่าเข้าใจแล้ว จากนั้นก็วางสาย 

 

 

การที่เสียวเหม่ยต้องมาด้วยตัวเองก็แสดงว่าเรื่องนี้หนักหนามาก ทหารที่เขาเล็งไว้กลับเกิดเรื่องแบบนี้ ในใจรู้สึกเสียดายเป็นอย่างมาก ถึงทหารจะมีเยอะ แต่ทหารเก่งๆที่ทำให้อวี๋หมิงหลางถูกใจได้กลับมีน้อยเหลือเกิน จึงค่อนข้างมีค่า 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนวางสายแล้วยกมือไหว้อาจารย์ที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอด้วยอารมณ์ที่ยังมีความโกรธเหลืออยู่ 

 

 

“อาจารย์ หนูจัดการแบบนี้อาจารย์ไม่พอใจเหรอคะ?” 

 

 

ตอนที่เธอคุยกับหวางย่าเฟยไปได้ครึ่งทางศาสตราจารย์หลิวก็โผล่พรวดเข้ามาด้วยความโกรธ เดิมจะมาคิดบัญชีกับเสี่ยวเชี่ยน แต่พอเห็นเธอรักษาอย่างมืออาชีพจึงไม่ได้ขัด แค่ยืนมองอยู่ข้าง 

 

 

ที่แค้นกว่าก็คือ ตอนหวางย่าเฟยถามว่าศาสตราจารย์หลิวเป็นใคร เสี่ยวเชี่ยนตอบไปหน้านิ่งๆว่าเป็นป้าเช็ดกระจก เล่นเอาศาสตราจารย์หลิวโกรธจนหน้าเกือบเบี้ยว 

 

 

แต่วิธีการจัดการของเสี่ยวเชี่ยนไร้ซึ่งปัญหา ศาสตราจารย์หลิวไม่ได้ขัดจังหวะเธอ ปล่อยให้เสี่ยวเชี่ยนรักษาจนเสร็จ 

 

 

เดิมจะมาคิดบัญชีกับเสี่ยวเชี่ยน แต่เพื่อประโยชน์ของคนไข้ อาจารย์กับลูกศิษย์คู่นี้จึงปรึกษาเรื่องอาการของหวางย่าเฟยก่อน หลังจากที่ได้บทสรุปร่วมกัน อาจารย์ก็ติดต่อไปที่หัวหน้าใหญ่ หัวหน้าใหญ่จึงให้วิธีติดต่ออวี๋หมิงหลางกับเสี่ยวเชี่ยน 

 

 

“เฉินเสี่ยวเชี่ยน ใครใช้ให้เธอกล้าถึงขนาดวางยาฉัน อีกทั้งยังรักษาคนไข้โดยไร้ใบประกอบโรคศิลปะ? เธอไม่กลัวฉันไปฟ้องอาจารย์ที่ปรึกษาเธอจนทำให้เธอเรียนไม่จบเหรอ?” 

 

 

เด็กคนนี้กล้ามากจริงๆ ศาสตราจารย์หลิวนอนไปพักใหญ่ พอตื่นขึ้นมาเห็นกระดาษโน้ตของเสี่ยวเชี่ยนก็โกรธแทบบ้า 

 

 

รีบออกมาที่ห้องทำงาน เสี่ยวปืนเหล็กรักษาคนไข้ไปแล้ว 

 

 

“สามีอาจารย์นั่นแหละค่ะที่อนุญาต เขาให้ป้ายอาญาสิทธิ์ละเว้นโทษตายกับหนู อาจารย์มีความโกรธความแค้นความไม่พอใจเชิญไปลงกับสามีได้เลยค่ะ ถ้าเปรียบหนูเป็นมีด งั้นสามีอาจารย์ก็เป็นคนถือมีด อาวุธไม่ผิด คนถือสิผิด อย่ามาคิดบัญชีกับหนูเลยนะคะ สามีอาจารย์ผิดเต็มๆเลย” 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนขายเพื่อนร่วมทีม เอาหัวหน้าใหญ่มาขายจนไม่เหลือชิ้นดี 

 

 

ศาสตราจารย์หลิวชี้หน้าเสี่ยวเชี่ยนด้วยความโกรธ “เขาให้เธอทำอะไรเธอก็ทำเหรอ? เธอสนิทกับเขาหรือกับฉัน?” 

 

 

“ก็ต้องอาจารย์สิคะ ถ้าหนูสนิทกับเขามากเกินไปเดี๋ยวอาจารย์ก็ไม่พอใจ…อาจารย์ อาจารย์เป็นคนมีการศึกษาใช้กำลังไม่ได้นะคะ” 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนถอยไปหนึ่งก้าวหลบสมุดที่ศาสตราจารย์หลิวเขวี้ยงมา 

 

 

“เพ้อเจ้อ” 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนหลบสมุดที่ศาสตราจารย์หลิวจะเอามาตี ปากก็ยังไม่วายพูดเตือนสติอย่างจริงใจ 

 

 

“อาจารย์ นิสัยที่พอชอบใครก็เอาของทุบตีนี่ต้องแก้ไขนะคะ เป็นแบบนี้จะไม่มีเพื่อนเอา…”