เจอกันอีกครั้ง

 

 

 

 

ถ้าไม่ใช่คนที่ศาสตราจารย์หลิวถูกใจ เธอไม่มีทางทำแบบนี้แน่ 

 

 

“ถ้าเธอกล้ารักษาคนโดยไม่มีใบประกอบโรคศิลปะอีก ฉันจะจัดการเธอ” 

 

 

“ทราบแล้วค่ะ…อันที่จริงเคสนี้หนูมีความมั่นใจจริงๆนะคะ อีกทั้งยังได้บันทึกอาการอย่างละเอียดด้วย รออาจารย์ตื่นขึ้นมาจะได้เอาไปให้ดู อาจารย์เลิกโกรธเถอะนะคะ คิดเสียว่าเป็นการบ้านหนูไม่ได้เหรอคะ ถ้าอาจารย์ยังไม่หายโกรธก็เปลี่ยนเป็นเอาพจนานุกรมมาตีเลยดีกว่า อย่าเอาสมุดบันทึกเลยนะคะ นอกจากจะตีไม่เจ็บแล้วอาจารย์ยังเหนื่อยด้วย หนูปวดใจนะคะ…” 

 

 

ศาสตราจารย์หลิวทั้งโกรธทั้งขำ 

 

 

“กับคนอื่นเธอไม่เห็นทะเล้นแบบนี้ คนในคณะเรียกเธอว่ายังไงนะสาวจอมเย็นชา?” 

 

 

“อาจารย์ก็ไม่เป็นแบบนี้กับคนอื่นเหมือนกัน คนข้างนอกเรียกอาจารย์ว่าอาจารย์แม่จอมโหด…” 

 

 

“อะไรนะ?” ศาสตราจารย์หลิวโมโห 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนกระพริบตาปริบๆ ไม่ทันระวังปากเผลอพูดออกไปแล้ว 

 

 

“นี่ไม่ใช่เรื่องสำคัญ สิ่งสำคัญก็คือหนูต้องไปหาอวี๋ไข่เหล็กแล้ว เคสนี้ยกให้หนูนะคะ เดี๋ยวหนูจัดการเอง” 

 

 

“เธอ…ช่างเถอะ ฉันเอง” 

 

 

โรคภาวะผิดปกติทางใจอย่างรุนแรงไม่ถือเป็นโรคใหญ่อะไรมาก แต่เนื่องด้วยบุคคลคนนี้มีสถานะที่ค่อนข้างพิเศษ ถ้าเสี่ยวเชี่ยนจัดการได้ดีก็ดีไป แต่ถ้าผิดพลาดขึ้นมาก็จะเป็นเรื่องใหญ่ ศาสตราจารย์หลิวต้องการปกป้องเสี่ยวเชี่ยนที่ตอนนี้ยังเป็นแค่นักศึกษา ไม่มีใบประกอบโรคศิลปะหากคนนอกรู้จะยิ่งยุ่ง 

 

 

เดิมเสี่ยวเชี่ยนอยากให้อาจารย์ได้พัก เรื่องแค่นี้เธอใช้วิธีของเธอนิดหน่อยก็จัดการได้แล้ว แต่พอมาคิดๆดู อาจารย์ทำไปเพราะอยากปกป้องเธอ ตอนนี้สถานะของเธอไม่เหมือนกับชาติที่แล้ว ก่อนที่จะได้เป็นดอกเตอร์ทำตัวสงบเสงี่ยมไว้จะดีกว่า 

 

 

“งั้นเอาแบบนี้ อาจารย์ไปกับหนูได้ไหมคะ? แต่ก็ยังให้หนูเป็นคนจัดการ อาจารย์คอยดูอยู่ข้างๆ ถ้าคิดว่าตรงไหนไม่ถูกก็ช่วยหนูแก้ แบบนี้อาจารย์ก็ไม่เหนื่อย หนูก็ไม่พลาดด้วยต่างไม่เสียเวลากันและกัน” 

 

 

ข้อเสนอของเสี่ยวเชี่ยนดีมาก ศาสตราจารย์หลิวคิดแล้วก็พยักหน้าอนุญาต 

 

 

“งั้นก็ได้ ไปกันเถอะ” เสี่ยวเชี่ยนเตรียมจะไปแต่กลับถูกศาสตราจารย์หลิวเรียกไว้ 

 

 

“อย่าแต่งตัวแบบนี้ รอเดี๋ยวนะ เธอกลับไปเปลี่ยนชุดกับฉัน” 

 

 

ทางนั้นกำลังฝึกซ้อมทหารกันอยู่ หากมีคนแต่งตัวธรรมดาเข้าไปย่อมตกเป็นเป้าสายตา 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนตามศาสตราจารย์หลิวกลับบ้าน แล้วก็เห็นเธอหยิบชุดลายพรางทหารที่ไม่มีเครื่องประดับบ่าออกมาจากในตู้สองชุด เอาชุดหนึ่งให้เสี่ยวเชี่ยน 

 

 

“อาจารย์มีชุดนี่ได้ไงคะ?” 

 

 

“ก่อนหน้านี้ฉันมีโปรเจ็คต์ที่ต้องเข้าไปทำในกองทัพ จำเป็นต้องตามสังเกตปฏิกิริยาของทหารอย่างใกล้ชิด ไม่อยากตกเป็นที่สังเกตก็เลยเปลี่ยนชุด เธอรูปร่างพอๆกับฉันใส่นี่แล้วกัน” 

 

 

ตอนที่อวี๋หมิงหลางเห็นเสี่ยวเชี่ยนมาในชุดลายพรางทหารด้วยมาดสง่างามกระโดดลงจากรถ เขาก็มองตาค้าง 

 

 

ชุดฝึกตามระเบียบกับชุดฝึกทหารมีความแตกต่างกัน อวี๋หมิงหลางเห็นแบบนี้จนชินแล้วทุกวัน แต่ก็ยังรู้สึกว่าพอเสี่ยวเชี่ยนใส่แล้วทำไมดูดีแบบนี้? 

 

 

เธอใส่ชุดทหารออกมาแล้วให้ความรู้สึกที่ไม่เหมือนเดิม ย่างก้าวที่เธอเดินเข้ามา อวี๋หมิงหลางเหมือนได้ยินเสียงดอกไม้เบ่งบานอยู่ในใจ 

 

 

บุคลิกที่ดูสง่างามกันหน้าตาอันสดสวยเมื่อมารวมกัน ทำให้สนามสอบที่มีแต่ผู้ชายให้ความรู้สึกที่ไม่เหมือนเดิมในทันตา 

 

 

อวี๋หมิงหลางถึงกับสงสัยว่า เป็นเพราะลายพรางที่อยู่บนตัวของเสี่ยวเชี่ยนดูสวยขึ้นหรือเปล่า เส้นผมที่ถูกรวบซ่อนไว้ใต้หมวกทำให้หน้ายิ่งดูเล็ก ดวงตาเปล่งประกายมาก 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนพอใจมากที่ได้เห็นสายตาอวี๋หมิงหลางที่มองมาเหมือนถูกมนต์สะกด โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมแบบนี้ การปรากฏตัวของเธอทำให้ผู้ที่มีความรับผิดชอบสูงสุดในที่นี้หลงใหล เธอรู้สึกภูมิใจมาก 

 

 

สายตาที่มองแบบคนรักปรากฏได้ไม่ถึงหนึ่งนาทีอวี๋หมิงหลางก็รีบปรับเข้าโหมดทำงานอย่างรวดเร็ว เข้มงวดจริงจัง ดูมีอำนาจ 

 

 

แต่เสี่ยวเชี่ยนยังคงภาคภูมิใจอยู่ 

 

 

สามารถสะกดเขาได้หนึ่งนาทีก็เพียงพอแล้ว 

 

 

อวี๋หมิงหลางดึงสายตากลับมาจากเสี่ยวเชี่ยน แล้วพูดด้วยท่าทางที่แตกต่างจากปกติกับศาสตราจารย์หลิว 

 

 

“น้าหลิวครับ” 

 

 

“พาอาจารย์ไปที่ศูนย์บัญชาการก่อน” เสี่ยวเชี่ยนกลัวอาจารย์จะเหนื่อย อวี๋หมิงหลางเดินนำศาสตราจารย์หลิวไปที่ศูนย์บัญชาการชั่วคราวของเขา 

 

 

นี่คือศูนย์บัญชาการที่ใช้ตาข่ายลายพรางสีเขียวสร้างขึ้นมาอย่างง่ายๆ ภายในมีโต๊ะ แผนที่ ผังจำลองสนามรบ รวมถึงอุปกรณ์สื่อสาร 

 

 

นอกจากอวี๋หมิงหลางแล้วยังมีเฉียวเจิ้น รวมถึงหัวหน้าของทหารท้องที่ ทหารที่เข้าร่วมการทดสอบครั้งนี้เป็นคนของเขาทั้งนั้น คนๆนี้ยศสูงกว่าอวี๋หมิงหลางหนึ่งขั้น ไม่รู้ว่าเป็นรองหัวหน้าหน่วยหรือหัวหน้าค่าย 

 

 

อวี๋หมิงหลางเรียกให้เสี่ยวเชี่ยนกับศาสตราจารย์หลิวนั่งลง คนอื่นๆนั่งล้อมรอบ เสี่ยวเชี่ยนเป็นคนดำเนินการหลัก เธอหยิบบันทึกประวัติคนไข้ที่เธอเขียนส่งให้อวี๋หมิงหลาง 

 

 

อวี๋หมิงหลางอ่านอย่างรวดเร็ว เขาเป็นคนที่อ่านไวมาก อ่านเสร็จก็ส่งให้คนที่อยู่ข้างๆ “หัวหน้าหวางลองอ่านดูครับ” 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนเริ่มอธิบาย 

 

 

“ในฐานะที่เป็นหมอพวกเราควรเก็บเรื่องของคนไข้ไว้เป็นความลับ แต่ครั้งนี้เป็นกรณีพิเศษ ฉันกับอาจารย์หลังจากที่ปรึกษากันแล้วจึงตัดสินใจเอาเรื่องนี้มาบอกพวกคุณ ตอนนี้ฉันขอคุยเรื่องหวางย่าเฟยผู้ที่เข้าการทดสอบในครั้งนี้กับพวกคุณ ในฐานะที่ฉันเป็นผู้ช่วยแพทย์ค่ะ” 

 

 

“เชิญครับ” อวี๋หมิงหลางมองเสี่ยวเชี่ยนด้วยสายตาจริงจัง 

 

 

นี่เป็นครั้งแรกที่ทั้งสองคนพูดคุยเรื่องสำคัญกันโดยไม่ใช่ในฐานะคู่รัก รู้สึกได้ว่าเป็นทางการมาก ซึ่งก็ทำให้ทั้งสองคนได้เห็นกันและกันในโหมดทำงาน 

 

 

หมอกับทหารเดิมก็เป็นอาชีพที่ไม่เหมือนกัน แต่กลับได้มาเจอกันเพราะหวางย่าเฟย 

 

 

“จากการวินิจฉัยของฉันหวางย่าเฟยเป็นโรคภาวะผิดปกติทางใจอย่างรุนแรง แสดงอาการออกมาตอนที่มีการจำลองการรบเสมือนจริง เช่น เป็นลม หัวใจเต้นแรง กระวนกระวายเป็นต้น” เสี่ยวเชี่ยนอธิบายอาการคนไข้ บรรดาหัวหน้าที่นั่งอยู่ตรงข้ามเธอพากันหน้านิ่วคิ้วขมวด 

 

 

“หากเขาอยู่กับเป้ายิงจะไม่เกิดอาการแบบนี้ ซึ่งก็หมายความว่า จะต้องเป็นการยิงกับคนเท่านั้นเขาถึงจะมีอาการนี้ค่ะ” ศาสตราจารย์หลิวพูดเสริม 

 

 

หัวหน้าหวางรู้สึกเสียดาย “รักษาได้ไหมครับ? นี่คือทหารที่ดีที่สุดของผม เดิมก็ไม่ได้อยากให้พวกจอมฉก011 แต่นึกไม่ถึงว่าเขา…” 

 

 

อวี๋หมิงหลางกับเฉียวเจิ้นแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินที่หัวหน้าหวางเรียกพวกเขาว่าจอมฉก011 เพราะทุกครั้งที่หน่วยรบพิเศษมาคัดเลือกคนก็จะเอาทหารเก่งๆที่พวกเขาฝึกแทบตายไป จะมีอารมณ์ไม่พอใจอยู่บ้างก็เป็นเรื่องปกติ 

 

 

“การรักษาไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่จำเป็นต้องใช้เวลา พวกเราต้องการรับผิดชอบในหน้าที่ถึงได้เอาเรื่องนี้มาบอกพวกคุณ อีกทั้งหวังว่าฉันกับลูกศิษย์จะได้เป็นคนรักษาเขาจนหาย” 

 

 

ศาสตราจารย์หลิวตอบ 

 

 

“ช่วยรักษาเขาให้หายด้วยครับ เด็กคนนี้มีความพยายามมาก ตอนที่เขาเพิ่งเข้ามาเป็นทหาร เนื่องจากสาเหตุเรื่องสุขภาพทำให้เขาต้องไปเป็นทหารกองหนุนอยู่หนึ่งปี แต่มีความก้าวหน้ามาก ทำผลงานได้ดีในตำแหน่งงานที่ธรรมดา จากนั้นถึงได้ถูกย้ายไปหน่วยรบ พรสวรรค์ด้านการยิงปืนของเขาสุดยอดมากๆ ถ้ายิงปืนไม่ได้ก็น่าเสียดายมากครับ” 

 

 

หัวหน้าหวางก็เป็นคนที่รักลูกน้องคนหนึ่ง คำพูดของเขาล้วนมาจากใจจริง “เรื่องค่าใช้จ่ายผมจะทำเรื่องให้เบื้องบนพิจารณา ขอให้พวกคุณรักษาเขาอย่างเต็มที่เลยนะครับ” 

 

 

“ค่าใช้จ่ายไม่ใช่ปัญหาหรอกค่ะ ปัญหาในตอนนี้ก็คือ การสอบในครั้งนี้ของหวางย่าเฟยฉันหวังว่าจะได้รับความร่วมมือจากพวกคุณ” 

 

 

“ผมจะให้เขาถอนตัวทันที แล้วให้เขาไปรับการรักษาจากพวกคุณเต็มตัว” หัวหน้าหวางพูด กว่าจะมีนักแม่นปืนเก่งๆแบบนี้ในหน่วยไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เขาไม่อยากให้เด็กคนนี้ต้องจบชีวิตการเป็นทหารลง 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนกับศาสตราจารย์หลิวมองหน้ากัน ศาสตราจารย์หลิวพยักหน้าให้เสี่ยวเชี่ยน 

 

 

“ไม่ค่ะ ไม่จำเป็นต้องถอนตัว” คำพูดของเสี่ยวเชี่ยนทำให้ทุกคนหันมามอง