ตอนที่ 24 การหยอกล้อของพญายม (2) + ตอนที่ 25 ลิ้มลองอีกครั้ง

สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?!

ตอนที่ 24 การหยอกล้อของพญายม (2)

แท้จริงแล้ว เล่อเหยาเหยาตอนนี้เหนื่อยจนแทบจะตายแล้ว

แม้ว่าพื้นฐานของร่างกายนี้จะไม่เลวทั้งเอวยังอ่อนอย่างมาก จนสามารถโค้งตัวไปด้านหลังที่ยากขนาดนี้ได้

ทว่าการโค้งตัวไปด้านหลังเป็นเวลานาน ช่างเหน็ดเหนื่อยอย่างมาก

ผ่านไปไม่นาน บนหน้าผากอิ่มเอิบที่ขาวหมดจดของเล่อเหยาเหยาพลันปกคลุมด้วยเม็ดเหงื่อ

ใบหน้าเรียวที่งดงามดูยับย่นเล็กน้อย ด้วยท่าทางหวาดหวั่นเจ็ดส่วน ทรมานสองส่วน และไม่สบอารมณ์หนึ่งส่วน

แต่เธอไม่กล้าขยับขาทั้งสองข้างและผลักชายตรงหน้านี้ออกไป ทำได้เพียงกัดฟันรอคอยว่าสุดท้ายชายผู้นี้คิดจะทำสิ่งใดกันแน่

เมื่อเทียบกับเล่อเหยาเหยาที่ทั่วใบหน้าดูทุกข์ใจสับสน เหลิ่งจวิ้นอวี๋กลับคล้ายกำลังชื่นชมสิ่งของที่น่าสนใจชิ้นหนึ่งอยู่ ด้วยสีหน้าที่แม้จะเย็นชาราวน้ำค้างเช่นเดิม ทว่าสายตากลับเปี่ยมด้วยความครุ่นคิด

เพราะเป็นครั้งแรกที่เขามองเห็นบนใบหน้าของคนที่สามารถแสดงอารมณ์มากมายออกมาพร้อมกันเช่นนี้ ทำให้เขาประหลาดใจจริงๆ หากยังคิดว่าขันทีน้อยตรงหน้านี้ยิ่งน่าสนใจมากขึ้น!

เมื่อคิดถึงตรงนี้ เหลิ่งจวิ้นอวี๋จึงยกยิ้มที่มุมปากขึ้นเล็กน้อย รอยยิ้มนั้นบางเบาอย่างมากจนทำให้ผู้คนไม่ทันสังเกตเห็น เพราะกระทั่งเขาเองล้วนไม่รู้ว่าตนกำลังยิ้ม ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงเล่อเหยาเหยาที่ถูกเขาทำให้ตกใจจนความกล้าหาญเหลือเพียงน้อยนิดนั้น

“ขลุ่ยที่ข้าเป่าเมื่อครู่ ไพเราะหรือไม่?”

เสียงพูดของเหลิ่งจวิ้นอวี๋นั้นทุ้มต่ำ แหบแห้ง และแฝงด้วยความเบื่อหน่าย

ในค่ำคืนที่เงียบเหงานี้ เหมือนเหล้าดีที่หมักมานานปีที่เพิ่งเปิดผนึก จึงดึงดูดและมอมเมาผู้คนเช่นนี้

กังวลในใจอยู่นาน เมื่อได้ยินประโยคเช่นนี้ของเขา เล่อเหยาเหยาจึงมีสีหน้าตกตะลึงเล็กน้อย พร้อมความงุนงงภายในใจ

ทว่ายังไม่ได้เอ่ยตอบกลับไป เธอพลันพยักหน้าราวโขลกกระเทียม

ด้วยกลัวว่าเขายังไม่เชื่อ เธอจึงฉีกยิ้มบางๆ หมายคิดที่จะทำท่าทางเยินยอ กลับไม่รู้ว่ารอยยิ้มตอนนี้ของตน น่าเกลียดยิ่งกว่าการร้องไห้ด้วยซ้ำไป!

“เออ ไพเราะ ไพเราะมากขอรับ ฮ่าๆ ขลุ่ยที่ท่านอ๋องเป่ายอดเยี่ยมมากขอรับ คือข้า ไม่ บ่าวเพิ่งเคยได้ยิน สิ่ง สิ่งที่ไพเราะที่สุดขอรับ”

เล่อเหยาเหยาฉีกยิ้มที่มุมปาก พร้อมกับพรั่งพรูคำพูดที่ประจบสอพลอออกมา ทว่าในใจกลับวิพากษ์วิจารณ์

มารดาเถอะ พูดก็พูดออกไปแล้ว ใยจะต้องเข้าใกล้ขนาดนี้ด้วย?

โธ่เอ๋ย เอวอันบอบบางของเธอ ทนไม่ไหวแล้วจริงๆ!

เล่อเหยาเหยากำลังคาดเดาในใจ เมื่อเห็นเขาสีหน้าไม่แยแส ทว่าคล้ายไม่มีเจตนาร้ายเลยสักนิดเดียว จึงคิดที่จะลองลุกยืนขึ้นอย่างช้าๆ กลับกลายเป็นว่าเมื่อได้ยินประโยคถัดมาของเขานั้น ทั่วร่างพลันตกใจจนแข็งทื่อราวหินอยู่ตรงนั้น

“ยังไม่เคยมีผู้ใดได้ฟังเพลงขลุ่ยของข้า เพราะคนพวกนั้นที่เคยฟังข้าเป่าขลุ่ย ล้วนตายหมดแล้ว”

“เออ”

หนังศีรษะเล่อเหยาเหยาพลันชาวาบ รอยยิ้มที่มุมปากชะงักงัน ดวงตาอันงดงามมองยังเหลิ่งจวิ้นอวี๋จึงเบิกกว้างขึ้น ภายในเต็มไปด้วยความวิตกกังวลที่ปิดบังเอาไว้ไม่ได้

คล้ายเธอยืนอยู่ด้านหน้าของชายหนุ่มที่พลันมีสามหัวหกแขนงอกออกมา

ท่าทางของเล่อเหยาเหยาในตอนนี้ แสดงให้เห็นถึงว่ากำลังประจบเหลิ่งจวิ้นอวี๋

เห็นเพียงเหลิ่งจวิ้นอวี๋ยิ้มที่มุมปาก ริมฝีปากแดงสดเผยอเล็กน้อย ก่อนน้ำเสียงที่แหบแห้งของเขาจะดังขึ้นมาอีกครั้ง

“เจ้ากลัวข้ามาก? ข้ามิใช่ภัยพิบัติอันใหญ่หลวง สัตว์ประหลาดสามหัวหกแขน เจ้ากลัวข้าทำไมกันหรือ!? ”

“…”

เมื่อได้ฟังคำพูดของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ เล่อเหยาเหยาขมวดคิ้วด้วยความสับสน ในใจอยากร้องไห้ออกมาทว่าไม่มีน้ำตาไหลออกมา

ไม่หวาดกลัวเขา!?

นั่นสิถึงจะแปลก!

เธอสามารถพูดว่าเขาน่ากลัวยิ่งกว่าภัยพิบัติอันใหญ่หลวงเสียอีก ได้หรือไม่!?

………………………………………………………………..

ตอนที่ 25 ลิ้มลองอีกครั้ง

แน่นอนว่าไม่ได้ หากยังไม่กล้าอีกด้วย

ดังนั้นเล่อเหยาเหยาจึงรักษาท่าทางที่แปลกประหลาดนั้น หนังศีรษะชาวาบ อารมณ์บนใบหน้าชะงักงัน เผยอปากเล็กน้อย คล้ายจะเอ่ยบางสิ่ง แต่พอปากเล็กขยับพูดลำคอและคอหอยด้านในคล้ายอัดแน่นด้วยสำลี ทำอย่างไรก็ส่งเสียงออกมาไม่ได้

แล้วจึงมองยังใบหน้าหล่อเหลาที่อยู่ห่างตนเพียงหนึ่งนิ้ว แม้ใบหน้าเขาคล้ายกำลังยิ้ม ทว่ากลับเป็นรอยยิ้มที่เหมือนไม่ยิ้ม พร้อมทั้งสายตาที่ให้ความรู้สึกว่าแฝงด้วยการหยอกล้อนั้น คล้ายสัตว์ร้ายที่ดุร้ายตัวหนึ่งที่หลังจากจับเหยื่อได้  แล้วไม่กัดให้มันตาย หากแต่ค่อยๆ ทรมานเพลิดเพลินไปกับท่าทางที่หวาดกลัวของเหยื่อก่อน

ไม่ต้องสงสัยเลย ตอนนี้ชายผู้นี้คือสัตว์ร้ายที่ดุร้ายตัวนั้น

แม้เธอจะโมโหและโกรธเคืองอย่างมาก แต่ทว่าเธอกลับไม่กล้าต่อต้านและไม่มีความสามารถที่จะต่อต้านด้วย

เมื่อคิดถึงมือสังหารสิบกว่าคนที่รูปร่างแข็งแรงสูงใหญ่ในตอนเช้านั้น ผ่านไปไม่นานก็ถูกชายตรงหน้านี้ใช้วิชาฝ่ามือที่แตกต่างกันสังหารตาย แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเขาวิทยายุทธล้ำเลิศ ไม่ใช่หญิงสาวประเภทไม่มีแรงแม้แต่ฆ่าไก่อย่างเธอจะสามารถต่อต้านได้

ยิ่งคิดในใจเล่อเหยาเหยายิ่งหวาดกลัว ทว่าเธอยังเป็นคนที่มีความหยิ่งในศักดิ์ศรี

ถ้าต้องถูกคนจับเป็นเหยื่อเล่นสนุก แล้วค่อยสังหารอีกครั้ง มิสู้ให้อีกฝ่ายสังหารเธอให้ตายไปเสียดีกว่า

เมื่อคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยากัดฟันแน่นขึ้น พร้อมดวงตาอันงดงามที่เต็มไปด้วยความกลัวและขี้ขลาดพลันเปล่งประกายความเด็ดเดี่ยวออกมา คล้ายได้ตัดสินใจทำบางสิ่งที่สำคัญเรียบร้อยแล้ว

เมื่อเห็นเช่นนั้น ดวงตาที่เดียวดายของเหลิ่งจวิ้นอวี๋จึงเปล่งประกายระยิบระยับขึ้นมา

เพราะเขาไม่เข้าใจ

เพราะเหตุใดขันทีน้อยตรงหน้า ก่อนหน้านี้ยังมองเขาด้วยสีหน้าที่เกรงกลัวและหวาดกลัว ต่อมาดวงตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวนั้นกลับเปล่งประกายแสงแห่งความเด็ดเดี่ยวออกมา

แสงนั้นคล้ายแสงจันทร์ทั้งหมดรวมตัวอยู่ภายในที่กระจ่างใสสะท้อนเป็นประกาย ทั้งคล้ายแสงอาทิตย์ในเดือนสามที่งดงามแวววาว!

ช่างงดงามมากจริงๆ!

ขณะที่เหลิ่งจวิ้นอวี๋รู้สึกประหลาดใจกับความงดงามของดวงตาเล่อเหยาเหยา ประโยคถัดมาของเธอก็ทำให้เขามีสีหน้าตกตะลึง

“ท่าน สังหารบ่าวเถอะขอรับ!”

ถ้าให้เขาเล่นเป็นลิง มิสู้ให้เขาสะสางเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมา

เพราะถึงอย่างไรเมื่อล่วงเกินปีศาจตนนี้ชีวิตเธอก็ถูกลิขิตให้โดนสังหารแล้ว หากเธอยังไม่ตายก็ต้องทนอกสั่นขวัญแขวนเหมือนตอนนี้ต่อไป!

เมื่อเทียบกับเล่อเหยาเหยาที่มีท่าทางคล้ายผู้กล้าที่ตัดสินใจอย่างไม่ลังเล เหลิ่งจวิ้นอวี๋หลังตกตะลึงเล็กน้อยอยู่ชั่วขณะ พลันค้นหาบางอย่างจากทั่วใบหน้าของเล่อเหยาเหยาทันที

ใบหน้าหล่อเหลาที่ตกตะลึงเล็กน้อยพลันเผยอริมฝีปากที่แดงก่ำและแคบให้กว้างขึ้น จนสุดท้ายเกิดเป็นเสียงหัวเราะที่ทุ้มต่ำที่อดกลั้นเอาไว้ไม่ได้ดังออกมาจากปากของเขา

“ฮ่าๆ”

เหลิ่งจวิ้นอวี๋หัวเราะออกมา เพราะเป็นครั้งแรกที่เขาพบเจอขันทีน้อยที่น่าสนใจเช่นนี้

เล่อเหยาเหยาที่เดิมทีได้เตรียมตัวตาย เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ ดวงตางดงามที่แน่วแน่คู่นั้นจึงปรากฏความไม่พอใจขึ้นมา

กระทั่งใบหน้างดงามที่ถูกทำให้ตกใจจนขาวซีดราวกระดาษอยู่นั้นแดงก่ำขึ้นจากความโกรธ ทำให้เธอดูคล้ายลูกท้อที่เพิ่งสุกงอมที่ดูน่ารักและเย้ายวนใจ

ทว่าทั้งหมดนี้เธอล้วนไม่รู้

เธอรู้เพียงตนรู้สึกเกลียดชังรอยยิ้มของบุรุษตรงหน้าอย่างมาก เพราะรอยยิ้มของเขาเป็นยิ้มที่กำลังเยาะเย้ยเธอ!

ดังนั้นสุดท้ายเล่อเหยาเหยาจึงหลับตาลงเพื่อไม่ต้องการรับรู้ความจริงที่อยู่ตงหน้า

เมื่อเห็นเล่อเหยาเหยาหลับตาลง ท่าทางคล้ายไม่อยากมองเห็นตน ทำให้รอยยิ้มที่มุปปากของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ลึกล้ำยิ่งขึ้น

เดิมทีเขาเพียงคิดกลั่นแกล้งขันทีตัวน้อยตรงหน้านี้เท่านั้น คิดไม่ถึงว่าขันทีน้อยตรงหน้านี้กลับน่าสนใจ

ความกล้าหาญของเธอ ดวงตาอันงดงามของเธอ รวมถึงอารมณ์อันหลากหลายของเธอ จึงดึงดูดลูกตาของเขาเอาไว้ทั้งหมด ทำให้เขารู้สึกอยากลิ้มลองอีกครั้ง

………………………………………………………………..