ตอนที่ 26 หัวใจที่เต้นอย่างรุนแรงของพญายม
ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าขันทีน้อยตรงหน้านี้หวาดกลัวที่ต้องตาย ทว่ากลับมีท่าทีดึงดันที่จะตายให้ได้ เหลิ่งจวิ้นอวี๋คิดจะให้อภัยเขา
เพราะถึงอย่างไรเรื่องทั้งหมดนี้ล้วนควรมีขอบเขต หากมากเกินไปอาจไม่ดีเท่าไหร่นัก
แต่ทว่าเมื่อเขามองยังใบหน้าเล็กขนาดเท่าฝ่ามือและผิวที่ขาวหมดจดราวหยก โดดเด่นภายใต้แสงจันทร์เปล่งประกายแวววาวระยิบระยับออกมา
องคาพยพทั้งห้าบนใบหน้างดงามจนหาใครเทียบไม่ได้
คิ้วดังพระจันทร์เสี้ยว ขนตางอนยาว จมูกโด่งเรียวเล็ก จนในที่สุดสายตาของเหลิ่งจวิ้นอวี๋จึงตกอยู่ที่ริมฝีปากเล็กที่สมบูรณ์แบบคู่นั้นอย่างไม่รู้ตัว
ริมฝีปากอมชมพูดราวกลีบดอกซากุระอันชุ่มฉ่ำอวบอิ่มที่งดงามและหอมหวาน!
เมื่อนึกย้อนถึงจุมพิตในตอนเช้านั้น ในใจเหลิ่งจวิ้นอวี๋จึงหัวใจเต้นแรงขึ้น ซึ่งความรู้สึกประเภทนี้ซับซ้อนอย่างมาก
คล้ายกับว่ามีสิ่งของบางอย่างเริ่มงอกเงยขึ้นภายในใจเขา ราวจิตใจที่นิ่งเงียบเหมือนทะเลสาบของเขาถูกขว้างก้อนหินขนาดเล็กเข้าไป จนเกิดเป็นสิ่งที่วิจิตรงดงามขึ้น
ทำให้เขาหัวใจเต้นแรงและลุ่มหลง
ในที่สุดกระทั่งเหลิ่งจวิ้นอวี๋ล้วนไม่รู้ตัวว่า สายตาอันเย็นชาที่มองเล่อเหยาเหยาของตน ได้ค่อยๆ ลึกล้ำและร้อนแรงขึ้นโดยไม่รู้ตัว
หากยังแฝงด้วยความหลงใหล
สุดท้ายใบหน้าหล่อเหลาของเขาก็ค่อยๆ ก้มต่ำลงไปชิดกับใบหน้าเรียวเล็กที่งดงามนั้นที่ละนิ้ว ก่อนจะค่อยๆ…
อย่างไรก็ตามขณะที่ริมฝีปากของเหลิ่งจวิ้นอวี๋จะเข้าครอบครองริมฝีปากคู่ที่ตนปรารถนามายาวนานนั้น พลันมีเสียงแปลกประหลาดดังขึ้นมาทันที จึงทำให้บรรยากาศที่แปลกประหลาดและแฝงด้วยระลอกคลื่นถูกทำลายลงในที่สุด
“เออ”
“…”
เมื่อได้ยินเสียงอันแปลกประหลาดพลันดังขึ้น ทั้งสองคนจึงล้วนคล้ายมึนงงอย่างมาก
เล่อเหยาเหยาจึงลืมตาที่ปิดแน่นขึ้น พร้อมสีหน้าลำบากใจ
แต่เสียงที่แปลกประหลาดยังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง “จ๊อกๆ” ในคืนที่เงียบสงัดจึงชัดเจนอย่างมาก
ขณะนี้แม้ตอนแรกเล่อเหยาไม่ได้อยากตาย ทว่าพลันอยากตายขึ้นมาทันที
เพราะเสียงนี้เป็นเสียงที่ดังออกมาจากภายในท้องของเธอ อีกทั้งตอนนี้ยังร้องอึกทึกราวตีกลองไม่หยุดอยู่เช่นเดิม
ในใจรู้สึกหงุดหงิดและผิดหวังกับท้องของตนเอง เกียรติที่คิดจะตายนั้นไม่หลงเหลือสักนิดเดียวเลย
แต่นี้จะโทษเธอไม่ได้
หลังจากตอนเช้ากินน่องไก่ตุ๋นที่หอมอร่อยไป จนถึงยามก่อนฟ้าสางที่ฟื้นได้สติขึ้นมา (ราวตีหนึ่งถึงตีสาม) เธอแทะหมั่นโถวที่ทั้งแห้งและเย็นไปเพียงลูกเดียวเท่านั้น แม้กินจนหมดก็ยังไม่พอที่จะจิ้มฟันเลย
เดิมทีเธอหิวจนจะตายอยู่แล้ว ต่อมาถูกพญายมผู้นี้ทำให้ตกใจจึงหลับตาลง ดวงตาจึงมองไม่เห็นสิ่งใด อวัยวะอย่างอื่นจึงเปลี่ยนแปลงเป็นไวต่อสิ่งต่างๆ อย่างมาก โดยเฉพาะจมูก
เพราะฉะนั้นตอนที่เธอหลับตาลง จมูกจึงได้กลิ่นของขนมดอกกุ้ยฮวาที่วางอยู่บนโต๊ะด้านข้างที่หอมฟุ้งแฝงด้วยความหอมหวาน
กลิ่นหอมหวานที่หอมฟุ้งนั้น ปลุกพยาธิในท้องของเธอให้ตื่นขึ้น ดังนั้นเสียงประหลาดที่ดังขึ้นจึงทำให้เธอรู้สึกอับอายขายหน้า
เล่อเหยาเหยาตอนนี้รู้สึกอับอายอย่างสุดชีวิต
เพราะถึงอย่างไรการผิดพลาดต่อหน้าพญายมผู้นี้ ป็นเรื่องที่หนักหนายิ่งกว่าการสังหารเธอซะอีก
เพราะฉะนั้นครั้งนี้ เล่อเหยาเหยาที่ไม่รู้ว่าเพราะถูกทำให้โมโหหรือตกใจจนขาดสติ ในใจกลับไม่หวาดกลัว ก่อนจะกัดฟันตะโกนเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าที่ไม่สนใจคนที่อยู่ด้านบนเช่นเดิม
“ท่านจะสังหารบ่าวหรือไม่ ถ้าไม่บ่าวจะได้ไปขอรับ!”
“เออ”
เมื่อถูกเล่อเหยาเหยาเอ่ยคำรามคล้ายรำคาญใจ สีหน้าเหลิ่งจวิ้นอวี๋จึงตกตะลึงเล็กน้อย ขณะที่เล่อเหยาเหยาคิดว่าเขาคงจะโมโหเดือดดาลก่อนที่จะสังหารเธอ ทว่ากลับได้ยิน
“เจ้าหิวหรือ?”
“…”
เมื่อได้ยินคำพูดที่ไม่สอดคล้องกับสิ่งที่เอ่ยถามไป เล่อเหยาเหยาพลันพูดไม่ออก
นิสัยของพญายมผู้นี้เอาแน่เอานอนไม่ได้อย่างที่คิดจริงๆ ทำให้ผู้อื่นยากที่จะเข้าใจ
………………………………………………………………..
ตอนที่ 27 ความโกรธของพญายม
ก่อนหน้านี้เขายังมีท่าทีโหดเหี้ยมคิดจะสังหารตน ทว่าต่อมากลับพลันเอ่ยถามเธอว่าหิวหรือไม่ สุดท้ายแล้วในใจเขาคิดอะไรอยู่กันแน่!?
ตอนนี้เล่อเหยาเหยาคลางแคลงใจและไม่เข้าใจเลย จึงเพียงพยักหน้าออกไปตามความจริง
กลับเห็นชายหนุ่มที่โน้มตัวอยู่ด้านบนเธอ พลันปลีกตัวออกไป
เมื่อความกดดันด้านบนหายไป เล่อเหยาเหยาพลันรู้สึกโล่งอก ดังนั้นจึงลองปรับเอวบางที่โค้งไปด้านหลังจนแทบจะหักของตนเองกลับมาดังเดิมอย่างช้าๆ
แต่ทว่าดวงตากลมโตที่งดงามคู่นั้น กลับไม่เคลื่อนย้ายจากตัวของชายหนุ่มตรงหน้าเลยสักนิดเดียว และภายในสายตาแฝงด้วยความระแวดระวัง
เมื่อเห็นสายตาที่ระแวดระวังของเล่อเหยาเหยา เหลิ่งจวิ้นอวี๋เพียงหลับตาลง เพราะถึงอย่างไรสายตาเช่นนี้เขาเห็นมานักต่อนักแล้วและยังชินชาเสียด้วย
ในสายตาของผู้คนบนโลก เขาเป็นเหมือนปีศาจที่โหดเหี้ยม ขณะที่พูดคุยกันก็สามารถสังหารปลิดชีพคนได้
ทว่าความจริงเรื่องเหล่านี้เขาล้วนเคยลงมือทำ จึงไม่โทษผู้อื่นที่อาจจะหวาดกลัวเขา
เพียงแต่ความกลัวภายในดวงตาของเล่อเหยาเหยาและระแวดระวังตัวกับเขา กลับทำให้ในใจเกิดความรู้สึกไม่พอใจขึ้นมา
ซึ่งความรู้สึกเช่นนี้ เขาไม่ชื่นชอบอย่างมาก
แม้เหลิ่งจวิ้นอวี๋จะคิดเช่นนี้ แต่สีหน้าเขายังคงเย็นชาราวน้ำค้างแข็งเช่นเดิม ภายในดวงตาที่เหมือนดวงดาวที่เดียวดาย ดูมืดมิดนิ่งสงบ ล้ำลึกจนคาดเดาไม่ถูก จึงทำให้ผู้ที่มองคาดเดาความคิดของเขาไม่ได้
เล่อเหยาเหยาจึงมองชายหนุ่มที่คาดเดาความคิดไม่ได้ตรงหน้าอยู่อย่างเงียบๆ จากนั้นยืนมือข้างหนึ่งไปที่เอวด้านหลัง ก่อนจะนวดเบาๆ เพราะค้างอยู่ในท่าเอนตัวไปด้านหลังอยู่เป็นเวลานานและเอวเล็กที่ปวดเมื่อยอย่างมาก
พร้อมกับใคร่ครวญในใจอย่างช้าๆ จากสีหน้าของชายผู้นี้ในตอนนี้ เขาจะปล่อยเธอไปหรือไม่กันแน่?
ตอนนี้เธอควรจะออกไป หรือว่าต้องอยู่ที่นี่ด้วยความกังวลและหวาดกลัวต่อไป!?
ขณะที่เล่อเหยาเหยากำลังลังเลและกระวนกระวายในใจ พญายมตนนั้นก็เอ่ยปากขึ้นอีกครั้ง
“เมื่อหิว ก็กินอะไรสักหน่อยเถอะ!”
“เออ?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เล่อเหยาเหยามีสีหน้าตกตะลึง แล้วกระพริบดวงตางดงามที่แวววาวลง ขมวดคิ้วคล้ายไม่เข้าใจ
กินอะไรบางอย่าง!?
ความหมายของเขาคือ…
จากสายตาของพญายม เล่อเหยาเหยาจึงอดที่จะหันกลับไปมองขนมดอกกุ้ยที่วางอยู่บนโต๊ะหินด้านหลังไม่ได้
เมื่อครู่เพราะเธอได้กลิ่นของขนมดอกกุ้ยจานนี้จึงอดใจไม่ไว้ทำเรื่องอับอายออกไป หรือว่าความหมายของพญายมก็คือให้เธอกินมันใช่หรือไม่!?
แต่เพราะเหตุใด?
เมื่อครู่เขาไม่ได้คิดจะสังหารเธอหรือ? เพราะเหตุใดเมื่อได้ยินเสียงท้องที่ร้องจ๊อกๆ ของเธอ ถึงใจดีให้เธอกินของพวกนี้?!
หรือข้างในขนมดอกกุ้ยจานนี้จะมีสิ่งผิดปกติ!?
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เล่อเหยาเหยายังไม่ทันได้คิดไตร่ตรอง รู้สึกเพียงอุณหภูมิบริเวณรอบๆ พลันลดลงอย่างรวดเร็ว เธอจึงสั่นเทาด้วยความหนาวเย็น สายตาสาดส่องไปมา และเมื่อเห็นสายตาที่เย็นชาราวน้ำค้างแข็งคู่นั้นกำลังจ้องมองเธออย่างโหดเหี้ยม เล่อเหยาเหยารู้สึกเพียงชาวาบไปทั่วหนังศีรษะ
ครั้งนี้เหลิ่งจวิ้นอวี๋โมโหแล้วจริงๆ
บ่าวรับใช้สมควรตายผู้นี้ เขาเมตตาให้ของกินกับเขา ทว่าเขากลับไม่รู้จักดีชั่วเช่นนี้ คิดว่าเขาเป็นพวกตีสองหน้า!?
ยิ่งคิดเหลิ่งจวิ้นอวี๋ยิ่งหงุดหงิดใจ รวมทั้งมีสีหน้าเย็นชาคล้ายก้อนน้ำแข็งหนาเกาะตัวกันขึ้น
ทำให้คนอกสั่นขวัญแขวน ไม่กล้าเข้าใกล้
“เมื่อเจ้าคิดว่าขนมนี้มียาพิษ ก็ไม่ต้องกินมัน!”
น้ำเสียงที่เย็นชาคล้ายอุณหภูมิที่ลดต่ำลงยามน้ำแข็งและหิมะละลาย ทำให้คนรู้สึกคล้ายอยู่ในถ้ำน้ำแข็ง
ขณะเดียวกันหลังเหลิ่งจวิ้นอวี๋เอ่ยพูดจบ จะเห็นเขาชูแขนที่เรียวยาวขึ้น พร้อมกับยกมือใหญ่ขึ้นสูง
………………………………………………………………..