ตอนที่ 15 ปัญหาเกี่ยวกับการขับถ่าย

ทะลุมิติทั้งครอบครัว

ซ่งฝูเซิงกำลังพะวงกับเรื่องปัญหาการเข้าห้องน้ำ อีกด้านคือซ่งฝูหลิงกลับเลวร้ายกว่า 

 

 

ก่อนอื่นเลย นั่งยองๆ ลงท่ามกลางป่าเขา เงยหน้าก็เห็นก้อนเมฆสีขาวบนท้องฟ้าสีคราม บริเวณรอบตัวก็มีแมลงตัวเล็กๆ ส่งเสียงบินไปมา ไม่ใช่นั่งการอยู่ในห้องน้ำแล้วถือโทรศัพท์ดูไปด้วย ที่จะนั่งนานแค่ไหนก็ไม่มีปัญหา ซ่งฝูหลิงเริ่มอารมณ์ขุ่นมัวแล้วสิ 

 

 

แต่เดิมใจก็ร้อนรน อยากให้ตนเองเสร็จเร็ว ยังต้องฟังท่านแม่บ่นพึมพำอยู่ข้างหู แม่ยิ่งพูดมาก นางก็ยิ่งไม่มีแรงเบ่ง 

 

 

“ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป เวลาเจ้าจะถ่ายหนัก ไม่สามารถทำตัวเหมือนตอนอยู่ที่บ้านที่ดึงกระดาษทีละเก้าแผ่น… 

 

 

…ลูกสาว เจ้าไม่รู้หรือ ห้องเก็บของบ้านเรามีกระดาษเจี๋ยโร่วสี่ถุง รวมกันแล้วมีไม่กี่ม้วน กระดาษแบบดึง ก็มีเพียงสองสามถุง รวมกระดาษด้านนอกบนโต๊ะอาหารกับในห้องของเจ้าที่เปิดใช้แล้ว… 

 

 

…เจ้าคิดดูนะ พวกนี้ อ๊าห์ ใช่แล้ว ยังมีสำลีของเจ้าที่ใช้เช็ดหน้า มีสองกล่องอยู่ในห้องน้ำนี่นา… 

 

 

…นี่คือของที่บ้านเรากักตุนไว้ หากใช้หมดแล้ว พ่อของเจ้าก็เอามาเพิ่มไม่ได้” 

 

 

ซ่งฝูหลิงถามอย่างไม่มีชีวิตชีวา “ตกลงครั้งหนึ่งต้องใช้กี่แผ่นละ?” 

 

 

เฉียนเพ่ยอิงเปิดชุดซัวอีออกมาบังให้บุตรสาว มองบุตรสาวไปด้วยพูดไปด้วยว่า “ถ้าถ่ายน้อย เจ้าก็พยายามทำให้แห้ง ถ้าไม่แห้งให้ใช้อีกหนึ่งแผ่น ถ่ายหนักค่อยใช้สี่แผ่น” 

 

 

“ห๊ะ? ให้น้อยขนาดนี้ นิ้วมือแทบจะลอดออกมาหมดแล้ว” 

 

 

“นี่เจ้าอย่าหาเรื่องไปหน่อยเลย คงไม่มีให้ใช้ทุกวันได้ เห็นนี่ไหม?” 

 

 

เฉียนเพ่ยอิงไม่รู้หยิบถุงเท้าขนหงส์มาจากไหนไม่รู้ข้างหนึ่ง 

 

 

“ถุงเท้าของเจ้า อย่ารังเกียจ เจ้าข้างหนึ่ง ข้าข้างหนึ่ง มันนุ่มมาก สถานการณ์เช่นนี้ควรใช้มัน เพราะมีแอ่งน้ำอยู่ด้านข้าง เจ้าใช้มันเช็ด เช็ดเสร็จก็ซัก ตากให้แห้ง ครั้งต่อไปนำมาใช้ต่อ… 

 

 

…วันนี้เป็นวันแรกยังให้เจ้าใช้กระดาษไปก่อน ค่อยๆ ปรับตัว… 

 

 

…แต่กระดาษนั้น ลูกสาว แม่ต้องเตือนเจ้า เก็บไว้ใช้ยามที่ไม่มีน้ำ และตอนที่รอบกายเจ้าไม่มีคนเห็นค่อยใช้… 

 

 

…ท่านพ่อเจ้าบอกแล้ว ยุคโบราณใช้กระดาษเช็ดก้นไม่ได้ โดยเฉพาะกระดาษที่ผลิตในยุคปัจจุบันของพวกเรา กระดาษเนื้อดีกว่ากระดาษของที่พวกเขาเขียนอักษรเสียอีก หากให้คนยุคโบราณนี้เห็นเข้า คงด่าว่าพวกเราลับหลัง กระดาษถือเป็นสิ่งล้ำค่ามาก” 

 

 

ซ่งฝูหลิงเงยหน้าปรึกษา “ท่านแม่ ข้าไม่ได้เป็นคนพิถีพิถันขนาดนั้น แต่ถุงเท้ามันไม่ได้จริงๆ ใช้ผ้าเช็ดตัวไม่ได้หรือ?” 

 

 

เฉียนเพ่ยอิงรีบปฏิเสธ  

 

 

“ไม่ได้ ผ้าขนหนูของพวกเรามีน้อยกว่ากระดาษ มีแค่ไม่กี่ผืน หากพวกเราดวงซวยต้องอยู่ที่นี่ไปตลอดชีวิต ต่อไปเจ้าจะใช้อะไร… 

 

 

…ข้าคิดไว้แล้ว รอเดินทางพรุ่งนี้แน่นอน พื้นที่พิเศษของพวกเรา ผ้าเช็ดเท้าเก่าของพ่อเจ้าต้องเอามาซักให้สะอาด ให้เขาใช้เช็ดหน้า อย่างน้อยก็ยังดีกว่าผ้าฝ้ายของพวกเขามาก… 

 

 

…อีกอย่างผ้าเช็ดตัวบ้านเราทั้งหมดเจ้าเป็นคนซื้อ เจ้าซื้อมาเยอะขนาดไหนจะไม่รู้เลยเหรอ?… 

 

 

…ผืนใหญ่ขนาดนั้น หากให้พ่อของเจ้านำออกมา ทุกครั้งที่เจ้าเช็ดเสร็จจะต้องใช้สบู่ในการซักล้างมากเท่าไร ถุงเท้าขนาดแค่ฝ่ามือ ขนหงส์ก็อ่อนนุ่มและยังแห้งง่าย” 

 

 

“ถ้าเช่นนั้นให้สบู่กับข้าก้อนหนึ่งก็ได้ ข้าจะพกติดตัวไป มิฉะนั้นคงมีกลิ่นเหม็น อาบน้ำเสร็จก็อาจจะยังมีกลิ่นหลงเหลือ” 

 

 

ซ่งฝูหลิงยังพูดไม่จบ เฉียนเพ่ยอิงก็โบกมือแล้ว 

 

 

“ไม่มี เจ้าใช้สบู่ของที่บ้านยุคโบราณนี้ก็แล้วกัน ในห่อผ้ายังมีอีกสองก้อน พวกผู้ชายหนึ่งก้อน พวกเราสองคนต่อหนึ่งก้อน ข้าว่าดีแล้ว สบู่นี่คล้ายกับของสมัยที่คุณตาใช้ซักผ้าในยุคนั้น… 

 

 

…สบู่ของพวกเรา เจ้าคิดว่าจะล้างมือสิ้นเปลืองได้เหมือนเมื่อก่อน? ยังต้องเก็บไว้ล้างหน้าอีก… 

 

 

…คิดดูให้ดีนะลูกรัก ไม่ใช่ว่าแม่ขี้เหนียว ก็ยังเป็นประโยคนั้น เมื่อครีมล้างหน้าเจ้าหมดแล้ว เจ้าจะใช้อะไร ของที่ผลิตในยุคโบราณจะดีกว่าสบู่ของพวกเราหรือ… 

 

 

…ตอนนี้ข้าดีใจที่ก่อนจะฉลองปีใหม่ ตลาดใหญ่แต่ละแห่งต่างก็มีโปรโมชั่น ข้าซื้อของใช้มาไม่น้อย ซื้อยาสีฟันหลอดใหญ่แถมหลอดเล็ก ข้าตุนเอาไว้หลายหลอดแล้ว เป็นยี่ห้อเสี่ยวซูต๋าทั้งหมด ดีกว่าพวกยาสีฟันญี่ปุ่น เกาหลีของเจ้ามาก… 

 

 

…อีกทั้งห้างจิงตงก็จัดโปรโมชั่น ข้าใช้คูปองส่วนลดซื้อน้ำยาซักผ้าลังใหญ่กับเม็ดซักผ้าหนึ่งกล่อง ยังซื้อแปรงสีฟันแบบเก้าอันแถมสามอันมาด้วย… 

 

 

…ดูสิ ข้าฉลาดไหม เมื่อก่อนเจ้าบอกว่าข้าชอบเอาเปรียบ แต่เมื่อถึงสถานการณ์คับขัน เจ้าก็ไม่เหมือนข้า คนที่รู้จักการใช้ชีวิตจะต้องเตรียมสิ่งของไว้บ้าง… 

 

 

…เหมือนแปรงสีฟันไฟฟ้าของเจ้า ขายแพงขนาดนั้น ราคาเท่ากับแปรงธรรมดาหลายอัน ข้าถามเจ้าหน่อยว่ามันใช้ได้กี่ครั้ง จะไปชาร์ทแบตที่ไหนได้” 

 

 

ซ่งฝูหลิงฟังจนปลงแล้ว นางจะเอาอะไรก็ไม่ให้ 

 

 

เฉียนเพ่ยอิงเหมือนไม่สังเกตเห็นว่าบุตรสาวกำลังเบื่อหน่าย “ตอนนี้ข้ากังวลใจ พวกเราต้องรักษาความสะอาดไม่ให้เป็นโรคท้องร่วง คนบ้านนั้นไม่รู้ว่าเป็นโรคอะไรหรือเปล่า ต้องกินข้าวกระทะเดียวกันกับพวกเขา พวกเขาไม่ได้แปรงฟันมาหลายปี โอ้ย นี่ก็อีกเรื่อง หัวของเด็กพวกนั้นไม่รู้ว่ามีเหาไหม ผู้หญิงโบราณต่างก็ไม่ตัดผม ผมยาวลากจนจะถึงเท้าอยู่แล้ว ไม่รู้ว่าจะแพร่เชื้อมาให้พวกเรารึเปล่า” 

 

 

“ท่านแม่ อย่าพูดอีกเลย ขนข้าลุกชันขึ้นมาหมดแล้ว ข้าต้องยอมแพ้ท่านจริงๆ เวลาไม่ยอมรับความจริงก็โวยวาย แต่เวลายามคับขันกลับวิเคราะห์ได้อย่างละเอียด” 

 

 

“ดังนั้นยังมีชีวิตอยู่ก็นับว่าดีแล้ว ต่อไปจะลำบากมากกว่านี้อีก อย่าทำหน้าหวาดกลัว ถ่ายเสร็จรึยัง เสร็จแล้วก็รีบลุกขึ้น ข้าเลยพลอยต้องใช้แรงเบ่งไปกับเจ้า” 

 

 

ซ่งฝูหลิง “…” 

 

 

ทุกคนกลับขึ้นมาอยู่บนรถลากเทียมลาอีกครั้ง ซ่งฝูเซิงพบว่าบุตรสาวดูไม่มีชีวิตชีวา “เป็นอะไรไป?” 

 

 

“ไม่มีอะไร” 

 

 

ซ่งฝูเซิงก็ไม่ได้สอบถามอีกเพราะได้ยินเสียงรถม้าจากทางด้านหน้าและด้านหลัง โดยเฉพาะด้านหน้า หากหรี่ตามองออกไป จะพบว่ามีหลายครัวเรือนที่รีบเดินทาง 

 

 

เหล่าหนิวตวัดแส้พร้อมกับเอ่ยขึ้น 

 

 

“นายท่าน ท่านดูซิ ดีที่พวกเราไม่ไปเส้นทางหลักของตำบล มาเส้นถนนสายเล็กถูกต้องแล้ว ตอนนี้สถานการณ์ในตำบลยากที่จะคาดการณ์… 

 

 

…ยังดีที่ซื่อจ้วงฉลาดเฉลียว รู้จักซื้อรถลากเทียมล่อมาส่งข่าวให้กับพวกเรา การเดินทางเร็วขึ้น พวกเราทราบข่าวก็ไม่ช้า… 

 

 

…ท่านมองดูครอบครัวด้านหน้าซิ ส่วนใหญ่เป็นรถม้า แสดงว่าพวกเขาก็เหมือนกับพวกเราที่รู้ข่าวล่วงหน้ามาก่อนแล้ว ครอบครัวพวกนั้นคงจะมีฐานะอยู่บ้าง คาดว่าอย่างน้อยคนในบ้านก็ต้องทำงานในหน่วยข่าวกรอง คงได้ยินข่าวสารมาก่อนแล้ว… 

 

 

…ยังมีทางด้านหลังพวกเราอีก ด้านหลังคงไม่ใช่ครอบครัวใหญ่ แต่เมื่อมองผ่านด้านหลังไปอีกก็ไม่มีรถม้าแล้ว ทั้งหมดใช้เท้าเดินกับคนยากจนที่อพยพหนีได้ช้า เฮ้อ!” 

 

 

“ใช่สิ” ซ่งฝูเซิงแหงนหน้ามองท้องฟ้า มองพระอาทิตย์ ตอนนี้คงเป็นเวลาช่วงหกโมงเย็น ถ้าสามารถไปถึงตอนสองทุ่มกว่าได้ก็ไม่เลว 

 

 

เขาเริ่มรู้สึกหนักใจ “พวกเราก็ต้องรีบเดินทางไปข้างหน้าต่อ หลังจากนี้ไม่ต้องพักแล้ว ตอนนี้หลายครัวเรือนที่รีบเดินทางอยู่ไม่ห่างกัน ตอนนี้ยังไม่ขาดแคลนเรื่องการกินการดื่ม ยังคงไม่มีอันตราย ต่างก็ไม่มีใครยุ่งเกี่ยวกับใคร แต่ถ้าพวกเราอยู่ด้านหลังของพวกเขา เจอครอบครัวยากจนที่ลี้ภัยมามือเปล่า นั่นก็อาจจะพูดยาก ถึงที่หมายแล้วค่อยพักละกัน” 

 

 

แต่เมื่อถึงแล้วจะได้พักผ่อนได้จริงหรือ 

 

 

ซ่งฝูเซิงทราบดี ภรรยากับบุตรสาวสามารถงีบบนรถได้ ลาสามารถหมอบกินน้ำได้ มีแต่เขาคนเดียวที่ไม่สามารถพักได้ 

 

 

เขายังต้องจัดระเบียบแบบแผนขั้นตอนการลี้ภัยให้กับกลุ่มญาติคนในบ้านเกิด และยังต้องรับผิดชอบเป็นแนวหน้าตามพี่ชายทั้งหลาย สละที่ว่างบนรถให้กับท่านแม่และหลานๆ ของเขา ตอนนั้นเขายังต้องแบกของเดินทางด้วยเท้า ถือว่าตอนนี้คงหาเวลาพักผ่อนได้ยากแล้ว 

 

 

เฮ้อ เมื่อคิดถึงวันพรุ่งนี้ ไม่รู้ว่าสถานการณ์โดยรอบจะเป็นเช่นไร หากไม่มีภรรยาและลูกทะลุมิติมากับเขา เขาก็คงไม่อยากมีชีวิตอีกต่อไปแล้ว 

 

 

คิดถึงตรงนี้ก็หันหน้าไปมองบุตรสาว แต่เดิมอยากเห็นหน้าลูกเพื่อที่จะได้มีกำลังใจ แต่ปรากฏว่านางเกือบทำให้เขาหยุดหายใจ “เปลือกตาเจ้าเป็นอะไร?” 

 

 

หนังตาข้างขวาของซ่งฝูหลิงถูกยุงกัด เปลือกตาเกือบปิด จ้องมองซ่งฝูเซิง อยากร้องไห้ก็ร้องไม่ออก อยากร้องไห้ต่อหน้าท่านพ่อ ลำบากมาก ชีวิตช่างมีอุปสรรค อดทนเข้าห้องน้ำ ไม่มีกระดาษเช็ดก้น แล้วยังต้องมาเจอกับยุงกัดอีก 

 

 

อดทนหลายวินาที ไม่พูดอะไรออกมา รู้สึกไม่สบาย ได้แต่ขยับก้นที่โดนยุงกัดถูกับกระดานรถไปมา แค่เข้าห้องน้ำก็ถูกกัดไปเจ็ดแปดตุ่มบนร่างกายแล้ว