บทที่ 17 ตั้งหลักที่บ้านผีสิง

ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายสาวชาวสวน

บทที่ 17 ตั้งหลักที่บ้านผีสิง

ถึงยังไงนางก็เป็นคนจากยุคปัจจุบัน ไม่ได้หว้งว่าตัวเองจะยิ่งใหญ่เกรียงไกรในยุคโบราณ และไม่ได้คาดหวังว่าจะเป็นนารีพังเมืองที่โดนเหล่าวีรบุรุษตามมอบความรักให้หรอก นางแค่อยากเป็นสาวชาวไร่ตัวน้อย ๆ ที่มีปัจจัยสี่และใช้ชีวิตให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ มันคงไม่ยากไปใช่ไหม?

ในสวนมีบ่อน้ำลึกอยู่ แต่กะละมังและเชือกที่ใช้ตักน้ำพังหมดแล้ว

ยังดีที่มีหลุมน้ำในสวน และมันกักเก็บน้ำฝนไว้ไม่น้อย

ในตอนนี้จางซิ่วเอ๋อก็ไม่ได้เรื่องมากอะไร ใช้น้ำในหลุมนี้ล้างหน้าให้สะอาด แล้วกัดเอากิ่งไม้เล็ก ๆ มาทำความสะอาดฟันตัวเอง

นางไม่กล้าสระผมเลย ที่นี่ไม่มีน้ำร้อนและนางก็ยังมีแผลอยู่ด้วย อย่าเอาชีวิตตัวเองไปล้อเล่นเลยจะดีกว่า

ตอนนี้จางชุนเถาก็ตื่นแล้ว และทำความสะอาดตัวเองตามวิธีของจางซิ่วเอ๋อ

พอทำความสะอาดเรียบร้อย จางชุนเถาก็ไปเก็บห้องด้วยตัวเอง

จางซิ่วเอ๋อเห็นอย่างนั้นก็เอ่ยขึ้น “ชุนเถา ข้าจะไปแคว้น เดี๋ยวขากลับจะเอาของกินมาฝากนะ เจ้าอยู่แต่บ้านอย่าไปไหนล่ะ แล้วก็ไม่ต้องทำงานมากหรอก มีอะไรก็รอข้ากลับมาแล้วช่วยกันทำดีกว่า”

ที่จริงแล้วจางซิ่วเอ๋อนั้นอยากพาชุนเถาไปที่แคว้นด้วย

แต่สถานการณ์ไม่อำนวย เกรงว่าอีกไม่นานคนทั้งหมู่บ้านก็จะรู้เรื่องที่ชุนเถากลายเป็นคนเอ๋อ การพาชุนเถาไปข้างนอกตอนนี้ไม่เหมาะเสียเท่าไหร่

ไม่ต้องพูดถึงคนอื่น เอาแค่แม่เฒ่าจาง หากแม่เฒ่าจางรู้เข้าว่าชุนเถาหายแล้ว ต่อให้เดาไม่ได้ว่าโดนหลอก ก็ต้องลากชุนเถากลับไปขายแน่

เพราะฉะนั้น ตอนนี้จะให้คนอื่นรู้ว่าชุนเถาหายแล้วไม่ได้เด็ดขาด

อย่างน้อย ๆ ก็รอให้ทุกอย่างแน่นอนก่อน ให้ความผิดที่แม่เฒ่าจางทอดทิ้งชุนเถาเป็นที่ประจักษ์ ถึงตอนนั้นค่อยให้ชุนเถาหาย

ต่อให้แม่เฒ่าจางจะหาเรื่องอีก เวลานางเถียงกับแม่เฒ่าจางตัวนางก็จะมีจุดยืนมั่นคง

จางชุนเถาแหงนหน้ามองต้นไม้ที่บิดเบี้ยวในสวนแล้วหดตัวลง เห็นได้ชัดว่านางยังกลัวอยู่

จางซิ่วเอ๋อเห็นแบบนี้ก็ไม่อยากทิ้งชุนเถาไว้ที่นี่คนเดียว แต่มันก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้

นางถอนหายใจ ไม่รู้ว่าพวกนางทั้งสองต้องอยู่ที่นี่อีกนานเท่าไหร่ แต่ช้าหรือเร็วก็ต้องทำตัวให้ชินเข้าไว้

จางชุนเถากัดปากและเอ่ยขึ้น “พี่ไปเถอะ พี่สบายใจได้ ข้าอยู่คนเดียวได้ไม่เป็นไรหรอก”

จางซิ่วเอ๋อพยักหน้า และพูดอย่างเป็นกังวล “ระวังตัวด้วยนะ อย่าหักโหมนักล่ะ”

เด็กคนนี้เป็นคนเข้มแข็งเข้ากระดูกดำ จางซิ่วเอ๋อกลัวว่านางจะหักโหมเกินไปเสียจริง ๆ

จางชุนเถารีบพยักหน้า “ข้ารู้น่า”

จางซิ่วเอ๋อไปยังที่ที่ตัวเองซ่อนตำลึงเอาไว้ ก่อนจะเอาตำลึงไปที่แคว้น

โชคดีที่ตอนนั้นนางคิดขึ้นมาได้และไม่ได้ซ่อนตำลึงเอาไว้ที่ตระกูลจาง ไม่อย่างนั้น…ตอนนี้นางคงไม่มีโอกาสกลับไปเอาตำลึงเป็นแน่

ตอนผ่านตระกูลจาง จางซิ่วเอ๋อชะโงกมองด้านใน แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะคิดถึงตระกูลจาง แต่เพราะเป็นห่วงแม่โจวนิดหน่อย เมื่อวานตัวนางเองพาชุนเถาออกมาเลยไม่รู้ว่าแม่โจวจะรับไหวหรือไม่

ขณะเดียวกัน จางซานหยาก็ชะโงกหัวออกจากห้องฝั่งตะวันตก เมื่อนางเห็นจางซิ่วเอ๋ออยู่ที่นี่ก็พุ่งออกมาอย่างดีใจ “พี่ใหญ่”

“ซานหยา แม่เป็นยังไงบ้าง?” จางซิ่วเอ๋อถามอย่างเป็นห่วง

จางซานหยาได้ฟังก็ย่นหน้าเล็ก ๆ พูดอย่างกลัดกลุ้ม “แม่เป็นห่วงพี่กับพี่รองมากเลย เมื่อคืนพวกพี่ไปอยู่ไหน? พี่รองฟื้นรึยัง? โดนฝนรึเปล่า?”

จางซิ่วเอ๋อเล่าให้จางซานหยาฟังเสียงเบา

จางซานหยาปิดปากอุทาน สีหน้าหวาดกลัว “พวกพี่ไปอยู่บ้านผีสิงเหรอ?”

จางซิ่วเอ๋อยิ้มอ่อนโยน “ซานหยาไม่ต้องกลัวนะ ที่นั่นไม่มีผีหรอก รอพี่ว่างนะ พี่จะพาเจ้าไปดูแล้วเจ้าจะรู้เอง แล้วเจ้าไปบอกแม่ด้วยนะว่าพวกพี่สบายดี ไม่โดนฝน ไม่อดข้าว”

จางซานหยาพยักหน้าแรง ๆ นางต้องไปบอกแม่ ไม่อย่างนั้นแม่คงกังวลต่อไปโดยที่ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายแม่บ้าง

สองพี่น้องอยากจะคุยกันอีก แต่จู่ ๆ แม่เฒ่าจางก็เดินฉับออกมาจากห้องของตัวเอง

พริบตาที่เห็นจางซิ่วเอ๋อ แม่เฒ่าจางก็หน้าดำคร่ำเครียด และด่ากราดทันที “ไอ้ตัวซวย! กลับมาอีกทำไม? ไสหัวไปซะ เดี๋ยวพวกเราตระกูลจางจะซวยไปด้วย!!”

จางซิ่วเอ๋อแค่นเสียง “ข้ายืนอยู่บนถนนของหมู่บ้าน ถนนนี่เป็นของพวกเจ้าตระกูลจางตั้งแต่เมื่อไหร่?”

แม่เฒ่าจางเห็นจางซิ่วเอ๋อกล้าเถียงตัวเองก็โมโหโทโส หน้าเหี่ยว ๆ นั่นบิดเบี้ยว “ไอ้ตัวขาดทุนเดนตาย เจ้ากล้าเถียงข้าเรอะ!”

จางซิ่วเอ๋อแค่นเสียง “ข้าเป็นตัวขาดทุน พูดอย่างกับเจ้าไม่ใช่ตัวขาดทุนอย่างนั้นแหละ”

เมื่อได้ยินแบบนั้น แม่เฒ่าจางก็บันดาลโทสะในบัดดล นางเถียงจางซิ่วเอ๋อไม่ออกก็มองจางซานหยาแทน “ไอ้ตัวขาดทุนเล็ก ยังไม่รีบเข้ามาอีก ไปยืนอยู่กับแม่ม่ายดวงกินผัวนั่นทำไม!”

ดวงกินผัว แม่ม่าย คำสองคำนี้ต่อให้พูดในยุคปัจจุบันก็ถือว่าแสลงหูมาก ซึ่งในหมู่บ้านเล็ก ๆ ยุคโบราณนี่ก็เป็นคำด่าที่โหดร้ายมากเช่นกัน

จางซิ่วเอ๋ออยากจะปะทะวาจากับแม่เฒ่าจางสักตั้ง แต่พอสายตาเหลือบไปเห็นจางซานหยาแล้วนางจึงมีทีท่าอ่อนลง

และได้แต่นึกในใจ ตอนนี้ซานหยากับแม่โจวยังอยู่ที่ตระกูลจาง ถ้านางทะเลาะรุนแรงกับแม่เฒ่าจางตอนนี้ ไม่รู้ว่าซานหยากับแม่โจวจะโดนรังแกอะไรบ้าง

โดยเฉพาะซานหยา เมื่อกี้ก็โดนด่าเพราะตัวเอง

คิดมาถึงตรงนี้จางซิ่วเอ๋อก็ถอนหายใจ และรู้สึกหมดแรงขึ้นมา

ตอนนี้นางไม่อยากเถียงกับแม่เฒ่าจางแล้ว จึงบอกกับจางซานหยา “ดูแลตัวเองด้วย มีอะไรก็ไปหาพี่ที่บ้านผีสิง”

กำชับเสร็จนางก็หันหลังจากไป

แม่เฒ่าจางเห็นจางซิ่วเอ๋อไปแล้วก็หายใจฟึดฟัด เหอะ ออกมาเสียงดัง ทำอย่างกับตัวเองชนะศึก และทำเหมือนจางซิ่วเอ๋อกลัวนางยังไงยังงั้น

“ยังไม่รีบไปตัดหญ้าให้หมูอีก พี่สาวเวรตะไลสองคนของเจ้าไม่อยู่แล้ว งานพวกนี้เจ้าต้องทำ” แม่เฒ่าจางมองจางซานหยาด้วยสายตาเย็นเยียบ

จางซานหยาผู้อายุยังน้อยหยิบเชือกมาสองเส้น แล้วก็แบกตะกร้าที่แทบจะใหญ่เท่าตัวนางขึ้นหลัง และเดินขึ้นเขาไปเงียบ ๆ

ที่จริงเมื่อเช้านางยังไม่ได้กินข้าวเลย เมื่อคืนก็ไม่ได้กินข้าวเช่นกัน

แต่เวลานี้จางซานหยาไม่กล้าพูดอะไร นางรู้ว่าขืนตัวเองพูดอะไรอีกต้องโดนด่าเป็นชุดแน่ เผลอ ๆ ข้าวเที่ยงก็ต้องอดไปด้วย

แถมร่างกายแม่ก็ไม่ค่อยดี ถ้าย่าด่าว่านางต่อ แม่ต้องร้อนใจแน่….

แม้จางซานหยาจะอายุไม่มากนัก แต่อายุแค่นี้ก็คิดอะไรต่ออะไรได้ไม่น้อย

ว่ากันว่าลูกคนจนรู้เรื่องเร็ว ในบรรดาลูกหลานบ้านตระกูลจางโดยเฉพาะจางชุนเถาและจางซานหยาก็เป็นตัวอย่างนึง