บทที่ 18 จัดเตรียมข้าวของ
ส่วนจางซิ่วเอ๋อเจ้าของร่าง ก็คงไม่ได้เกิดมาก็มีนิสัยอ่อนแอแบบนี้ตั้งแต่แรกหรอก
แต่เป็นเพราะในบ้านตระกูลจาง นอกจากบ้านสี่แล้ว คนอื่น ๆ พอมีเรื่องอะไรหงุดหงิดใจก็จะมาด่าว่าตบตีนาง ต่อให้เป็นคนปกติดี ๆ โดนรังแกแบบนี้ก็ต้องมีเสียสติกันบ้าง
ตอนนี้จางซิ่วเอ๋อยังไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในตระกูลจาง นางมุ่งหน้าเดินเท้าไปที่แคว้น
ถึงแม้ตอนนี้นางจะยังพอมีตำลึงอยู่ แต่มันไม่เหมือนตอนอยู่ตระกูลจางแล้ว นางต้องดูแลตัวเองและจางชุนเถา ตำลึงแค่นี้พอใช้ซะที่ไหนกัน
แม้เมื่อก่อนตระกูลจางจะไม่ดียังไงก็ยังได้กินของก้นหม้อ ของที่ใช้ถึงจะเก่า แต่ก็ไม่ต้องสนว่าหามายังไง
แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกันแล้ว พวกนางไม่มีแม้แต่ผ้าห่ม กระทั่งจะตักน้ำในบ่อก็ไม่มีถังไม้และเชือก ไม่มีเครื่องครัวจานชาม ของพวกนี้มีอย่างไหนบ้างที่ไม่ใช้ตำลึง?
แต่จะใช้ตำลึงให้หมดไปเลยก็ไม่ได้
ตอนนี้ทั้งสองร่างกายอ่อนแอมาก ไม่รู้ว่าจะล้มหมอนนอนเสื่อเมื่อไหร่ ถึงตอนนั้นถ้านางและจางชุนเถาป่วยจะตายจริง ๆ คงไม่หวังอย่างไร้เดียงสาว่าแม่เฒ่าจางจะช่วยหรอก
ส่วนพ่อแท้ ๆ ก็เป็นคนที่คาดหวังอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง
ส่วนแม่แท้ ๆ ถึงตอนนั้นอาจจะมีใจอยากช่วย แต่แม่โจวคงไม่มีสักแดงเดียวเช่นกัน ถึงตอนนั้นจึงได้แต่ร้อนใจ
พอคำนึงทุกอย่างแล้ว จางซิ่วเอ๋อในตอนนี้ต้องใช้เงินให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้
ก่อนที่นางจะหาเงินก้อนต่อไปได้ นางต้องใช้ชีวิตแบบนี้ให้รอดให้ได้ก่อน
แต่ตอนขากลับ จางซิ่วเอ๋อรู้ว่าตัวเองต้องหารถจ้างแล้วแน่ ๆ ของที่เธอจะซื้อมีเยอะมาก ถือเองก็ไม่หมด แค่กระทะอันเดียวนางก็แบกกลับไม่ได้แล้ว
กระทะในตอนนี้เป็นกระทะเหล็กอย่างหนา แถมชิ้นใหญ่ ไม่มีกระทะเบา ๆ เล็ก ๆ แบบยุคปัจจุบัน
ตอนมาถึงแคว้น จางซิ่วเอ๋อก็เห็นพวกลากรถ คนพวกนี้รับจ้างอยู่แถวนี้เป็นประจำ ส่วนเรื่องราคาก็ถือว่ายุติธรรมอยู่
พอต่อรองราคากันได้ คนลากรถขากะเผลกคนหนึ่งก็รับปากจางซิ่วเอ๋อว่าตอนตะวันตกดินสามารถไปส่งนางไปหมู่บ้านชิงสือได้ โดยคิดทั้งหมด 15 เหรียญ
จางซิ่วเอ๋อจองรถลากเสร็จก็ไปซื้อของที่ต้องการ
ตอนนี้ปัญหาแรกที่ต้องแก้คือเรื่องผ้าห่ม
เมื่อมาถึงร้านผ้า จางซิ่วเอ๋อก็มองผ้าสวย ๆ มากมายแล้วก็พวกของสำเร็จรูปจน ตาลายไปหมด
เจ้าของร้านเป็นผู้หญิง สวมชุดผ้าแพรสีฟ้าอร่าม รูปร่างค่อนข้างท้วม แค่มองก็รู้ว่าอยู่ดีกินดี
นางขมวดคิ้วมองจางซิ่วเอ๋อโดยมีสีหน้ารังเกียจนิดหน่อย นางมองจางซิ่วเอ๋อพลางเอ่ยขึ้นว่า “เจ้าอยากจะซื้ออะไรก็บอกข้า อย่าใช้มือจับนะ ถ้าทำผ้าข้าสกปรกของจะเสียราคาเอา”
คำที่เจ้าของร้านพูดออกจะแสลงหูอยู่บ้าง ซึ่งเห็นได้ชัดว่าดูถูกจางซิ่วเอ๋อ
จางซิ่วเอ๋ออยากจะหันหลังแล้วเดินออกไปเลย แต่พอคิดถึงท่าทีของร้านต่อไป บางทีอาจจะไม่ได้ดีไปกว่านี้เช่นกัน แถมเวลาของนางมีจำกัด จึงได้แต่อดทนอดกลั้นไว้
“เจ้ามีผ้าห่มสำเร็จรูปหรือเปล่า? มีผ้าห่มถูก ๆ ขายไหม?” จางซิ่วเอ๋อบอกจุดประสงค์ตัวเอง
“ผ้าห่มน่ะมี ที่ถูกสุดก็ต้องเป็นแบบบาง ทำจากฝ้ายเก่า ผ้าห่มผืนนึง 300 เหรียญ” เจ้าของร้านแนะนำ
จางซิ่วเอ๋อได้ยินแล้วก็ต้องอ้าปากทันที ทำไมผ้าห่มนี่แพงจัง
เหรียญนึงน่ะซื้อหมั่นโถวใหญ่ ๆ ได้ 2 ลูกเลยนะ ซื้อของได้เท่ากับ 1 หยวนในยุคปัจจุบันเลยล่ะ แต่ผ้าห่มที่ถูกที่สุดกลับต้องใช้ตั้ง 300 เหรียญ
แต่เพียงแค่พริบตาเดียว จางซิ่วเอ๋อก็คิดตก สมัยโบราณไม่มีเครื่องทอผ้า ไม่มีเครื่องผลิตฝ้าย ทุกอย่างล้วนเป็นงานฝีมือทั้งสิ้น
เอาแค่เรื่องทอผ้าก็เป็นงานที่กินเวลามากโขแล้ว
จางซิ่วเอ๋อมองผ้าห่มผืนที่ทำจากผ้าลินิน มันหยาบกระด้างมาก และเป็นชั้นเดียวบาง ๆ แต่ตอนนี้จางซิ่วเอ๋อไม่มีตัวเลือกมาก
นางขมวดคิ้วมองผ้าห่ม และเอ่ยขึ้น “ลดหน่อยได้ไหม?”
เมื่อเจ้าของร้านเห็นว่าจางซิ่วเอ๋อจะซื้อของจริง ๆ ถึงแม้นางจะดูถูกจางซิ่วเอ๋อ แต่ท่าทีก็ดูเป็นมิตรขึ้นไม่น้อย “แม่หนู ข้าว่าเจ้าก็เป็นคนซื่อ ๆ ข้าไม่ได้บอกราคาสูงเลยน เจ้าออกไปถามใครก็ได้ ผ้าห่มข้าน่ะขายถูกที่สุดแล้ว”
ที่เจ้าของร้านพูดก็เป็นเรื่องจริง นางเห็นการแต่งตัวของจางซิ่วเอ๋อก็รู้ว่าจางซิ่วเอ๋อไม่ได้รำ่รวย จึงไม่ได้ฟันราคา เพราะกลัวว่านางจะตกใจหนีไป
จางซิ่วเอ๋อมองผ้าห่มที่หนาขึ้นหน่อยพลางเอ่ยถาม “ผ้าห่มผืนนี้ล่ะ?”
“ 500 เหรียญ” เจ้าของร้านตอบอย่างไม่ใส่ใจ
จางซิ่วเอ๋อถอนหายใจ ความทุกข์ใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนาง “ถ้าข้าบอกว่าจะซื้อทั้งสองผืน แล้วซื้อผ้าเพิ่มอีก เจ้าลดให้หน่อยได้ไหม?”
“งั้นเจ้าไปดูผ้าก่อน เลือกได้แล้วเราค่อยคุยกัน” พอเจ้าของร้านเห็นว่าจางซิ่วเอ๋อจะซื้อของจริง ๆ รอยยิ้มบนใบหน้านางก็กว้างขึ้นอีก
ถึงแม้ยัยหนูนี่จะดูจน ของที่ซื้อก็ราคาถูก แต่ถ้าซื้อเยอะนางก็พอได้กำไรอยู่
“ผ้าก็เอาแบบที่ถูกที่สุดใช่ไหม?” เจ้าของร้านถาม
จางซิ่วเอ๋อพยักหน้า
เจ้าของร้านหยิบผ้าดิบสองแบบให้จางซิ่วเอ๋อดู สีน้ำเงินแบบนึง สีเหลืองแบบนึง ดูก็รู้ว่าหยาบกระด้างมาก แต่ยังดีที่การย้อมสีของสมัยโบราณถือว่าธรรมชาติอยู่ บนผ้านี่จึงไม่มีกลิ่นเคมีแสบจมูกเลย
“อ้อ จริงสิ ข้ามีผ้าฝ้ายอยู่ แต่ผ้าฝ้ายพวกนี้ชื้น ตอนเก็บในคลังก็ไปโดนน้ำที่หยดจากไม้ จึงมีวงน้ำสีเหลือง ดูแล้วไม่สวยเท่าไหร่…” เจ้าของร้านเหมือนนึกอะไรขึ้นได้จึงเอ่ยขึ้น
จางซิ่วเอ๋อตาเป็นประกายทันทีเมื่อได้ยิน “ขอข้าดูหน่อย”
จางซิ่วเอ๋อเห็นผ้าสีขาวจำนวนหนึ่ง บนนั้นมีรอยวงน้ำอยู่จริง ๆ เนื่องจากไม่ได้เปื้อนน้ำธรรมดา จึงล้างไม่ออก แต่ล้างไม่ออกก็ไม่มีผลกระทบกับคุณภาพของผ้า มันแค่ไม่สวยเท่านั้น
“ถ้าเจ้าอยากได้ งั้นผ้าพวกนี้ 1 หมี่[1] ข้าคิดแพงกว่าผ้าดิบแค่ 2 เหรียญพอ ปกติแพงกว่าเท่านึงเลยนะ” เจ้าของร้านบอกยิ้ม ๆ
ผ้านี่นางขายยากอยู่ ต่อให้เป็นบ้านคนจนทั่วไปก็รักสะอาด มีไม่มากนักที่จะซื้อผ้าแบบนี้
ตอนนี้จางซิ่วเอ๋อมีปัญหาแม้แต่การใช้ชีวิต และไม่มีคนไปหาพวกนางที่บ้านผีสิงด้วย นางย่อมไม่คิดมากเรื่องพวกนี้หรอก จะไปสนทำไมว่าสวยไหม นอนหลับสบายสิสำคัญสุด
จางซิ่วเอ๋อจึงเหมาผ้าฝ้ายทั้งหมด และซื้อผ้าดิบสีน้ำเงินอีก 5 หมี่ ผ้าดิบสีเหลือง 5 หมี่ รวม ๆ กันแล้วต้องใช้เงินถึง 400 เหรียญ
หลังจากการต่อรองราคาเรียบร้อย จางซิ่วเอ๋อก็ประหยัดไปได้ 50 เหรียญ และได้ผ้าฝ้ายหนาขนาดเท่าผ้าเช็ดหน้าสองผืนไปเช็ดหน้า
————————————————————————————————
[1] 米(mǐ) หมี่ ในที่นี้หมายถึง เมตร