ตอนที่ 10 ตัดหนทางทำมาหากินของเย่เฉิน

เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?)

และในเวลานี้เองเย่เฉินก็ร่วมวงหัวเราะไปพร้อมๆ กับทุกคน เขายกแก้วเหล้าขึ้นแล้วเดินไปหาหวังเจียเหยา

“หวังเจียเหยา ดีใจด้วย ในที่สุดคุณก็จะได้ครองคู่กับผู้ชายที่คู่ควรกับคุณ”

หวังเจียเหยาแค่นเสียง ด้วยรู้ว่าในรอยยิ้มของเย่เฉินนั้นจะต้องแฝงไปด้วยความรันทดขมขื่น!

หวังเจียเหยากล่าวว่า “ถ้านายคุกเข่าอ้อนวอนฉัน บางทีฉันอาจจะไปขอร้องคุณย่า ไม่หย่ากับนายก็ได้”

เย่เฉินหัวเราะเสียงแผ่ว คุณทรยศผมแต่กลับจะให้ผมคุกเข่าอ้อนวอนคุณเนี่ยนะ?

ถือเป็นสังคมชั้นสูงและนับว่าเป็นตระกูลระดับสูงจริงๆ

เย่เฉินกระดกเหล้าในแก้วจนหมดในครั้งเดียว แล้วพูดทีละคำช้าๆ ชัดๆ “คุณ ไม่ คู่ ควร!”

“แก…”

ใบหน้างดงามของหวังเจียเหยาเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว ยามอยู่ต่อหน้าเย่เฉินเจ้าหล่อนมักวางตัวสูงส่งราวราชินี

ทว่าตอนนี้เวลานี้ข้ารับใช้ที่ต่ำต้อยกลับก่อกบฏ!

หวังเจียเหยาวิ่งไปหาคุณนายหวังเกาะแขนผู้เป็นย่าพลางเอ่ย

“คุณย่า ให้หนูหย่ากับเขาแบบนี้ นับว่าเขาสบายเกินไปแล้ว!”

หวังซ่าวเจี๋ยที่นานๆ ครั้งจะอยู่ข้างเดียวกับหวังเจียเหยาก็เดินมาและกล่าว

“น้องเหยาพูดถูก ต้องสั่งสอนเขาสักหน่อย!”

มือเหี่ยวย่นของคุณนายหวังตบลงบนมือหลานสาวและหลานชายปลอบไปพลางยิ้ม

“วางใจเถอะ คนตระกูลหวังเราไม่ได้รังแกกันง่ายๆ”

จากนั้นคุณนายหวังก็เดินไปหาแขกแล้วกล่าว

“ทุกท่านคะ เย่เฉินคนนี้ทำให้หลานสาวของฉันต้องเสียเวลาสามปีที่เป็นดั่งช่วงเวลาสำคัญในชีวิตเธอแถมยังทำร้ายร่างกายหลานชายของฉัน หลายปีมานี้ตระกูลหวังของเราก็ถือว่าพอจะมีหน้ามีตาอยู่บ้างในอวิ๋นโจว หากปล่อยไปแบบนี้ล่ะก็เกรงว่าภายหน้าคนอีกมากคงจะไม่เห็นหัวตระกูลหวังอีกต่อไป!”

ทุกคนตกอยู่ในความเงียบทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของหญิงชรา นี่คุณนายหวังคิดจะเอาเรื่องเย่เฉิน!

เย่เฉินวางแก้วเหล้าในมือลงแล้วตั้งใจฟัง เขาเองก็อยากจะเห็นว่าคนตระกูลนี้คิดจะเอาเรื่องเขาอย่างไร!

คุณนายหวังกล่าวต่อ “ทุกท่านที่นั่งอยู่ที่นี่ ต่างก็เป็นคนใหญ่คนโตในเมืองอวิ๋นโจวทั้งนั้น ดังนั้นฉันอยากจะขอร้องทุกท่านให้ช่วยตัดทางทำมาหากินของเขาที!”

ตัดหนทางทำมาหากินของเย่เฉิน!

สิ่งที่สำคัญที่สุดของคนเราก็คือรายได้ แล้วนี่ตระกูลหวังมาตัดทางทำมาหากินของเย่เฉินคือพวกเขาจะทำให้เย่เฉินหมดหนทางทำมาหากินในเมืองอวิ๋นโจว!

แขกต่างๆ ก็พากันถกเถียงกัน แต่ว่าผ่านไปอยู่นานก็ไม่มีใครตอบรับ

พวกเขากำลังชั่งใจและคิดถึงผลลัพธ์ที่จะตามมา

คนทำธุรกิจล้วนต้องหัวไว

อย่างไรเสียการตัดหนทางทำมาหากินหนักหนารุนแรงเหมือนฆ่าบุพการีคนอื่น ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ก็ไม่มีใครอยากจะล่วงเกินคนอื่น

แต่ในเวลานี้กลับมีฟางเชาเสนอตัวเป็นคนแรก

“ผมขอเป็นตัวแทนตระกูลฟางยินดีสนับสนุนตระกูลหวัง!

ทุกท่านครับ ผมขอแนะนำตัวเองสักหน่อย ผมฟางเชา ตระกูลเราทำธุรกิจเกี่ยวกับโรงแรม การลงทุน แล้วยังครอบคลุมธุรกิจอื่นๆ ด้วย เรื่องอื่นผมไม่กล้าพูด แต่ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ผมกล้ารับรองเลยว่าโรงแรมตั้งแต่สี่ดาวลงไปของเมืองอวิ๋นโจวจะไม่ให้เย่เฉินเข้าพัก! นายนอนได้แค่ริมถนนแค่นั้นแหละ!”

ตอนแรกนั้นคนในงานไม่รู้จักฟางเชา อย่างไรเสียเขาก็อายุยังน้อย แขกที่มาตอนนี้ก็อายุอานามปาไปสี่ซ้าห้าสิบกันหมดแล้ว

ทว่าพอเขาแนะนำตัวเช่นนี้ แขกในงานทุกคนก็รู้เรื่องแล้ว

“ที่แท้ก็คุณชายฟางนี่เอง ได้ยินมาว่าโรงแรมในอวิ๋นโจว 70% เป็นธุรกิจของพวกเขา”

“แค่นั้นที่ไหน พวกเครือโรงแรมฮั่นถิงเอย หรูเจียเอยในอวิ๋นโจว พวกเขาก็มีหุ้นด้วยทั้งนั้น!”

“เย่เฉินจบเห่แล้ว ต่อไปคิดจะไปเปิดห้องกับผู้หญิงก็ไม่ได้แล้ว ฮ่าๆ”

เย่เฉินได้ยินแล้วอยากจะหัวเราะ เขาที่เป็นถึงคุณชายเย่ ทำไมต้องไปพักโรงแรมที่ระดับต่ำกว่าสี่ดาวด้วย?

พอได้ฟางเชาเป็นคนเปิดบวกกับทุกคนก็รู้ดีแก่ใจว่าเย่เฉินก็เป็นแค่เขยที่แต่งเข้าไม่ได้มีเส้นสายอะไรในอวิ๋นโจวจะรังแกเขาก็ไม่เห็นเป็นไร

ดังนั้นจึงมีชายอีกคนเสนอตัวอย่างรวดเร็ว

ชายคนดังกล่าวอายุสี่สิบกว่าๆ ถลึงตามองเย่เฉินแล้วกล่าว

“ทุกท่านผมคือจงเหว่ย เจ้าของร้านอาหารโหลวว่ายโหลว ซานว่ายซานและเทียนว่ายเทียนเปิดร้านในอวิ๋นโจวได้ยี่สิบกว่าปีแล้ว ผมขอสนับสนุนการตัดหนทางทำมาหากินของเย่เฉินของตระกูลหวัง! ด้วยเส้นสายที่ผมมีในวงการอาหารเชื่อผมได้เลยว่าเย่เฉินจะไม่สามารถทำงานในร้านอาหารใดในอวิ๋นโจวได้แน่!”

คนตระกูลหวังประสานฝ่ามือเพื่อแสดงความขอบคุณ

หม่าเสินเองก็ก้าวออกมา “ผมหม่าเสินเป็นตัวแทนของบริษัทเดลิเวอรี่ถวนถวนประจำอวิ๋นโจว ผมเองก็ขอเข้าร่วมการตัดทางทำมาหากินเย่เฉินของตระกูลหวังด้วย!

“…เย่เฉิน ต่อไปนายอย่าได้คิดจะทำงานเดลิเวอรี่อีก ไม่ใช่แค่บริษัทเดลิเวอรี่ถวนถวนแต่บริษัทเดลิเวอรี่อื่นๆ นายก็ส่งไม่ได้!”

เย่เฉินอดแสยะยิ้มไม่ได้ ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนว่าตนเองคล้ายคลึงกับเฉียวฟงตอนอยู่บนหมู่ตึกผู้กล้าเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์เป็นขโยงรุมสังหารเขาในแปดเทพอสูรมังกรฟ้า!

ทว่ากลุ่มคนตรงหน้านี้โง่งมกว่าพวกคนเลวในเรื่องแปดเทพอสูรมังกรฟ้ามากนัก

เย่เฉิน “พนักงานบริการโรงแรม เดลิเวอรี่ สองสายอาชีพนี้ก็ปิดทางทำมาหากินของผมแล้วยังมีสายอาชีพอื่นอีกไหม?”

แล้วก็มีอีกคนก้าวออกมา “ผมคือเจ้าของคาราโอเกะจินคว่าง นายอย่าคิดจะทำงานเป็นพนักงานในร้านคาราโอเกะและร้านเหล้าทั้งอวิ๋นโจว!”

“ฮ่าๆ ดีมาก ยังมีอีกไหม?” เย่เฉินถามต่อ

และก็มีคนอีกสองคนยืนขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่งานที่ไม่ต้อนรับเขานั้นก็เป็นงานระดับล่างเพราะในสายตาพวกเขาเย่เฉินไม่ได้มีวุฒิการศึกษาหรือประสบการณ์การทำงานแต่อย่างใดทำได้เพียงแค่งานบริการเท่านั้น

ขอแค่ตัดหนทางทำมาหากินพวกนี้ของเขา เขาก็ไม่อาจมีชีวิตรอดในเมืองอวิ๋นโจวแล้ว

พอเห็นเย่เฉินไม่มีท่าทีลนลาน จู่ๆ หวังซ่าวเจี๋ยก็โพล่งออกมา

“เย่เฉินเด็กนี่ ต่อยตีเก่งขนาดนี้ เขาคงไม่ไปสมัครเป็นบอดี้การ์ดหรอกมั้ง?”