ดึกสงัดเงียบสงบ เริ่นเสี่ยวซู่มาดูผลเก็บเกี่ยวของตน สองวันที่แล้ว เขาได้เหรียญคำขอบคุณจากเสี่ยวอวี้ เหยียนลิ่วหยวน และนักเรียนอีกสองคน รวมเป็นทั้งหมดสี่เหรียญ
ซึ่งเขาใช้ไปแล้วหนึ่ง จึงเหลือสามเหรียญกับขวดขี้ผึ้งที่ใช้ได้อีกแค่สองครั้ง เริ่นเสี่ยวซู่ตัดสินใจตั้งชื่อขี้ผึ้งนี้ว่า ‘ยาดำ’ จะได้จำง่ายๆ
ตามที่เริ่นเสี่ยวซู่มอง เขาสามารถใช้หนึ่งเหรียญคำขอบคุณแลกยาดำได้ขวดหนึ่ง โดยแต่ละขวดสามารถใช้รักษาได้สามคน ตราบใดที่ยาหนึ่งขวด สามารถได้รับสามเหรียญขอบคุณ ก็ถือว่าเป็นกำไรแล้ว
ใช้เหรียญคำขอบคุณแลกยาดำ จากนั้นขายยาดำออกไป ทำแบบนี้ดูเหมือนจะทำให้กระบวนการปลดล็อกอาวุธช้าเข้าไปอีก แต่ว่ายิ่งเขาใช้เหรียญคำขอบคุณแลกยาดำมากเท่าไร ก็จะมีเหรียญคำขอบคุณกลับมามากขึ้นเท่านั้นไม่ใช่เหรอ นี่เป็นการเติบโตแบบก้าวกระโดด ไม่แน่ว่าอาจจะปลดล็อกอาวุธได้เร็วกว่าเดิมเชียวนะ!
ส่วนมีดกระดูกของเหยียนลิ่วหยวนก็พอทนใช้ได้อยู่ ไหนๆ ช่วงนี้เขาก็ยังไม่ต้องออกไปล่าอยู่แล้ว ดังนั้นการหาเงินมาสนับสนุนครอบครัวจึงสำคัญที่สุด เขาต้องหาเงิน!
คืนล่าสุด เริ่นเสี่ยวซู่ฝัน เขาฝันว่าตัวเองกำลังยืนอยู่ในแดนรกร้างโดยที่ในมือมีมีดสีดำเล่มหนึ่ง เป็นมีดที่ให้ความรู้สึกถึงความหนาหนักและลี้ลับดุจยามค่ำคืน
……
เริ่นเสี่ยวซู่ออกไปตั้งแต่รุ่งสาง วันนี้เขาไม่ได้พกหม้อตัวเองมาด้วย พกไปแค่มีดกระดูกของเหยียนลิ่วหยวน
ตอนนี้เสี่ยวอวี้จะอยู่บ้านคอยดูแลทั้งสองกระท่อม จึงยากมากที่ของส่วนตัวพวกเขาจะถูกขโมยไปช่วงกลางวัน หรือจะให้พูดตรงๆ ก็คือ คนในเมืองที่มีความคิดชั่วร้าย ทว่ารังแกแต่คนอ่อนแอนั่นน่ะ มีหรือจะกล้ามาขโมยของจากเริ่นเสี่ยวซู่ผู้โหดร้าย
พอไม่ต้องแบกหม้อแล้ว ทำเอาเขารู้สึกสุดยอดไปเลย
ในฐานะที่เป็นคนหนุ่มผู้มีอนาคตอันรุ่งโรจน์ จะให้แบกไปไหนต่อไหนทุกวันคงดูไม่ดีเท่าไร[1]
วันนี้เขาจะออกไปแดนรกร้าง ไม่ได้ออกไปล่าสัตว์ แต่ออกไปหาสมุนไพร
เริ่นเสี่ยวซู่เป็นคนระมัดระวังมาก ในเมื่อตัวเองอ้างว่ามีสูตรสมุนไพร เขาย่อมต้องออกไปเก็บสมุนไพรเสียหน่อย คนอื่นจะได้ไม่สงสัยเอา
ถึงเริ่นเสี่ยวซู่จะไม่เคยได้ยินว่ามีคนต่อต้าน ‘พลังพิเศษ’ แต่เขาก็เข้าใจหลักการดี หากอยากจะอยู่รอดท่ามกลางคนอันบ้าคลั่ง ก็ต้องรู้จักกลมกลืนไปกับคนพวกนั้นด้วย
ปืนยิงนกที่ยื่นหัวออกมา ไม้เด่นเกินไพรลมพัดหักโค่น เงินทองอย่าเปิดเผย ล้วนเป็นคำสอนจากคนโบราณไม่ให้โอ้อวดตนเอง
พอกลับเข้ามาในเมืองก็เพิ่งเที่ยงเองเท่านั้น เริ่นเสี่ยวซู่ขนสมุนไพรกลับมาไม่น้อย มีคนรู้จักเขาผู้หนึ่งถาม “เริ่นเสี่ยวซู่ ทำไมขนเจ้าหญ้าพวกนี้กลับมาล่ะ”
“หญ้าพวกนี้?” เริ่นเสี่ยวซู่จ้องเขาเขม็ง “มันคือสมุนไพร!”
สมุนไพร? คนถามนิ่งไป คนที่เติบโตอยู่ในเมืองแบบเขา จะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเจ้าพืชพวกนี้คืออะไร อีกทั้งไม่มีใครคิดเลยว่ามันจะเป็นสมุนไพร
เริ่นเสี่ยวซู่แสร้งว่าทำนองลึกลับ “ถ้าผสมสัดส่วนพอเหมาะ สามารถใช้เป็นยารักษาแผล คิดว่าก่อนหน้านี้ฉันรอดจากอาการบาดเจ็บได้ยังไงล่ะ”
คนถามคิดอยู่พักใหญ่ “ไม่ใช่ว่าที่นายรอดเพราะกำลังใจล้วนๆ หรอกเหรอ”
“ไปไกลๆ เลยไป๊!” เริ่นเสี่ยวซู่เดินต่อ มุ่งหน้ากลับกระท่อมตนเอง
ตอนนี้หลีเสี่ยวอวี้กำลังเย็บปักชุนเสื้อผ้าของเริ่นเสี่ยวซู่ พอเธอเงยหน้าขึ้น เห็นเขากลับมาพร้อมกับสมุนไพรกองใหญ่ ก็วางงานในมือลง “ของพวกนี้เอาไว้ทำอะไรน่ะ”
“เป็นสมุนไพรไว้ใช้ทำสูตรยาลับ” เริ่นเสี่ยวซู่ตอบ
เริ่นเสี่ยวซู่ตั้งหม้อ จุดไฟ จากนั้นเติมน้ำลงไป ทำท่าแสร้งเป็นต้มยา ของที่มีราคาที่สุดจริงๆ แล้วคือน้ำ น้ำมีค่ายิ่งกว่าทรัพยากรอื่นๆ อย่างฟืนหรือพวกหญ้าที่เขาใส่ลงหม้อไปมาก
เขาถึงกับตั้งใจยกม่านประตูขึ้น หวังให้พวกคนในเมืองเห็นว่าเขาทำอะไรอยู่
มีคนไม่น้อยเห็นเริ่นเสี่ยวซู่กำลังต้มยา แต่ไม่มีใครกล้าเข้ามาถามว่าเป็นยาอะไร
เริ่นเสี่ยวซู่เริ่มไม่พอใจแล้ว ที่ตั้งใจยกม่านประตูขึ้น เพราะอยากให้คนมาถามว่าเขาทำอะไรอยู่ แบบนั้นเขาจะได้โฆษณายาสูตรเฉพาะของตนไปในตัวด้วย
หลังจากรอมาพักใหญ่ ก็ยังไม่มีใครเข้ามาถามอะไรเขาอยู่ดี เริ่นเสี่ยวซู่ก็หน้าอึมครึม หันไปมองชายร่างผอมที่ด้อมๆ มองๆ อยู่นอกประตู “นาย!”
ชายร่างผอมชี้ตัวเอง “ฉันเหรอ”
“ใช่ มานี่สิ” เริ่นเสี่ยวซู่รอชายร่างผอมเข้ามาใกล้ แล้วก็พูด “ถามฉันว่าฉันกำลังทำอะไรอยู่!”
ชายร่างผอม “…”
เริ่นเสี่ยวซู่ “…”
“ถามมา” เริ่นเสี่ยวซู่กดดัน
“หนะ…นายทำอะไรอยู่” ชายร่างผอมถาม
ความต้องการสำเร็จเสร็จสิ้นแล้ว เริ่นเสี่ยวซู่ก็แสยะยิ้ม พูดด้วยใบหน้าเปี่ยมเมตตา “ฉันกำลังเคี่ยวยาอยู่! ปกติเวลาบาดเจ็บจะใช้เคี่ยวยาสูตรนี้ตลอด นอกจากจะลดการอักเสบและความเจ็บแล้ว ยังทำให้แผลหายไวขึ้นอีก! เมื่อก่อนฉันเก็บสูตรยานี้ไว้กับตัวเองเป็นความลับ แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าตัวเองทำผิดไป ฉันเลยอยากจะเคี่ยวยาและแบ่งปันกับทุกคน! นับแต่วันนี้ไป ฉันจะเปิดคลินิกเฉพาะด้านการรักษาแผล มีใครบาดเจ็บแล้วต้องการรับการรักษาไหม”
คนที่ยืนอยู่ข้างๆ พลันโดนปาฐกถาของเริ่นเสี่ยวซู่จนนิ่งอึ้งไปเลย ทว่าทุกคนเพียงสบตากัน และค่อยๆ แยกย้ายหายไป ไม่มีใครเชื่อเริ่นเสี่ยวซู่เลย
ตลกแล้ว เริ่นเสี่ยวซู่ นายอาจจะเก่งกาจมาก แต่จู่ๆ ก็มาพูดว่ารักษาแผลคนได้นี่โคตรโม้เลย ทุกคนแถวนี้รู้กันหมดแหละว่าก่อนหน้านี้นายรอดจากอาการบาดเจ็บสาหัสมาได้จริง
แต่อยู่ๆ มาพูดว่าตัวเองมีสูตรยารักษา ใครจะเชื่อลง!
เริ่นเสี่ยวซู่ไม่สบอารมณ์มาก เขาต้องทำให้ทุกคนรู้ให้ได้ว่าผลยาเป็นอย่างไร เรื่องนี้ง่ายมาก เขาเคยได้ลองกับตัวเองมาก่อนแล้ว พอทายาบนแผล ความแสบปวดร้อนก็หายวับ วันต่อมาแผลก็ตกสะเก็ดแล้ว!
ถ้าทุกคนได้รู้ว่ายาดีอย่างไรละก็ กิจการต้องดังระเบิดระเบ้อแน่!
เริ่นเสี่ยวซู่พกขวดขี้ผึ้งออกไปเดินหาคนไข้ในเมือง ที่ไหนนะที่คนไข้มากที่สุด*…คลินิกไง!*
พอเริ่นเสี่ยวซู่มาถึงคลินิก เขากลับไม่เห็นคนไข้แม้แต่คนเดียว ราคาค่าหมอแพงเกินจนไม่มีใครมีปัญญาจ่ายแหง
เริ่นเสี่ยวซู่มองหมอหนุ่มด้วยสายตาทิ่มแทง ก่อนจะกลับหลังหันเดินจากไป เจ้าหมอหนุ่มที่จิบชาอย่างไม่อนาทรร้อนใจเห็นเริ่นเสี่ยวซู่จ้องมาก็รู้สึกร้อนๆ หนาวๆ
เริ่นเสี่ยวซู่ที่หมดทางเลือกแล้ว ได้แต่หันไปหาโอกาสอื่นในเมือง กระทั่งหมดกะช่วงบ่ายของโรงงาน เริ่นเสี่ยวซู่ถึงเห็นชายร่างผอมคนหนึ่งมีรอยบาดที่มือ!
เริ่นเสี่ยวซู่หน้าระรื่นขึ้นทันที “พี่ชาย มือบาดเจ็บตอนทำงานเหรอ ฉันมียามหัศจรรย์อยู่ตัวหนึ่ง อยากลองไหม”
ชายร่างผอมมองเขาอย่างระแวดระวัง รู้สึกว่าน้ำเสียงของเริ่นเสี่ยวซู่ดูไม่น่าเชื่อถือเอาซะเลย “ไม่เอา”
“มาๆ มาลองหน่อย” เริ่นเสี่ยวซู่รุดเข้าไปกดตัวชายร่างผอม เพื่อที่จะโฆษณายาตัวเอง หลักการสำคัญอะไรต่างๆ ของตนสามารถเอาไว้ทีหลังได้ “เดี๋ยวฉันลดราคาให้!”
แต่ชายร่างผอมยังไม่ยอม อย่างไรของสีดำทมิฬบนมือเริ่นเสี่ยวซู่นั่นก็ดูน่าสงสัยฉิบ
เริ่นเสี่ยวซู่กัดฟันกรอด “เพื่อการโฆษณา รอบนี้ฉันจะรักษาแผลนายโดยไม่คิดเงินแล้วกัน!”
“ได้ๆ เอามีดออกไปก่อน…”
ตอนที่เริ่นเสี่ยวซู่ออกมาหาคนไข้ เขาพกมีดกระดูกมาด้วย…
[1] **แบกหม้อดำ (背黑锅)**หมายถึง การเป็นแพะรับบาป