“พี่” เหยียนลิ่วหยวนถามเริ่นเสี่ยวซู่ “เมื่อบ่ายพี่รักษาคนอื่นแบบไม่คิดเงินจริงเหรอ ไม่เหมือนเป็นพี่เลยนะ”

“อย่าถามได้ไหม พูดแล้วอยากฆ่าตัวตาย” เริ่นเสี่ยวซู่พูดอย่างขมขื่น

บอกตามตรงเขาอยากโฆษณายาดำนี่ให้ทุกคนมาก เพื่อให้ได้รับคำขอบคุณ เขาต้องพึ่งพาวิธีนี้เป็นส่วนใหญ่ มิหนำซ้ำที่สำคัญคือยานี้ยังเป็นแผนการหาเงินในระยะสั้นของเขาด้วย

ดังนั้นเริ่นเสี่ยวซู่จึงได้แต่ปลอบใจตัวเองว่าตอนเริ่มมันยากเสมอแหละ คนคิดการณ์ใหญ่ ต้องไม่ยึดติดกับเรื่องเล็กน้อย ต้องรู้จักเป็นคนใจกว้าง!

เริ่นเสี่ยวซู่ถ้าจำเป็นก็ไม่ได้เป็นคนตระหนี่ถี่เหนี่ยว รู้ดีว่ายามใดต้องทำอะไร แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังอดปวดใจไม่ได้อยู่ดี

เสี่ยวอวี้ยิ้มปลอบใจ “วางใจเถอะ เธอต้องประสบความสำเร็จแน่”

พูดแล้วเสี่ยวอวี้ก็กลับไปพักผ่อนที่กระท่อมตัวเอง เมื่อก่อนนี้ยามค่ำคืนเธอมักนอนไม่ค่อยหลับ ทว่าตั้งแต่ย้ายมาพักที่นี่ ทุกวันก็หลับสนิทดี

ตอนเช้า เสียงระฆังดังหง่างเหง่งจากป้อมปราการ ราวย้ำเตือนทุกคนให้ทราบว่าถึงเวลาไปทำงานที่โรงงานแล้ว

เริ่นเสี่ยวซู่กลับมาพร้อมกับน้ำที่ได้รับแบ่งสันปันส่วน เขาประมาณการณ์ไว้ว่า หลังจากทายาดำลงแผลแล้ว ก็จะใช้เวลาราวๆ สิบสองชั่วโมงถึงจะตกสะเก็ด ดังนั้นจึงไม่รีบไปดูปฏิกิริยาของคนในเมืองนัก

พอทุกคนรู้ผลของยาแล้ว ทุกคนย่อมเข้ามาถามเขาเอง

แต่เริ่นเสี่ยวซู่ไม่คิดเลยว่า ตอนตนกลับมาพร้อมถังน้ำ หวังฟู่กุ้ยก็มายืนยิ้มรออยู่หน้าทางเข้ากระท่อม

“เหล่าหวังมาทำอะไรแต่เช้าน่ะ ช่วงนี้ฉันไม่ได้ออกไปล่านกกระจอกนะ” เริ่นเสี่ยวซู่พูดอย่างไม่รีบร้อน วางถังน้ำลงกับพื้น หันมองเข้าไปในกระท่อม เหยียนลิ่วหยวนที่หัวไวก็ยกมีดกระดูกขึ้นมากันท่าเหล่าหวังไว้ก่อนแล้ว พอเขาเห็นเริ่นเสี่ยวซู่กลับมา จึงลดมีดลงในที่สุด

พอหวังฟู่กุ้ยเห็นเริ่นเสี่ยวซู่ก็ตาทอประกาย “อ๊ะ เสี่ยวซู่กลับมาแล้ว! ที่มาแต่เช้าก็เพราะมาหาเธอน่ะสิ!”

“มาหาทำไม” เริ่นเสี่ยวซู่รู้สึกว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากล อะไรทำให้เหล่าหวังมีความสุขขนาดนี้ได้กัน เขากวาดตามองเหล่าหวังขึ้นๆ ลงๆ แล้วพูดขึ้น “เมามาเหรอ”

หวังฟู่กุ้ยหน้าเหยเก “เมาบ้าบอสิ ตอนนี้เหล้าเป็นของต้องห้ามไม่รู้เหรอ แค่อาหารทุกคนก็แทบไม่มีจะกิน ใครจะไปกล้าดื่ม”

“แต่จำได้ว่าก่อนหน้านี้ได้กลิ่นคุ้นๆ จากตัวลุงอยู่นะ…”

หวังฟู่กุ้ยได้ยินพลันสีหน้าเปลี่ยน รีบพูดขัด “อย่ามาพูดอะไรส่งเดชนะ!”

“ก็ได้ๆ ไม่พูดแล้ว ลุงมาหาฉันทำไม” เริ่นเสี่ยวซู่ถาม

“เมื่อวานเธอไปรักษาแผลให้เถี่ยโถว (เจ้าหัวเหล็ก) ที่อยู่ตัวเมืองตะวันออกไม่ใช่เหรอ” หวังฟู่กุ้ยเล่นหูเล่นตาใส่แล้วพูดขึ้น

“อ้อ เขาชื่อเถี่ยโถวนี่เอง…แต่ฉันว่าหัวเขาดูไม่แข็งเลยนะ ทำไมถึงได้ชื่อนั้นมาล่ะเนี่ย” เริ่นเสี่ยวซู่สงสัย

“อย่าเพิ่งพูดขัดสิ” หวังฟู่กุ้ยว่า “บอกมาก็พอว่ารักษาจริงหรือเปล่า”

“จริง!” เริ่นเสี่ยวซู่เริ่มมีกำลังใจขึ้นมา หวังฟู่กุ้ยไม่ใช่คนที่มาหาผู้อื่นเฉยๆ ต้องเป็นเพราะเขาเห็นผลลัพธ์จากฤทธิ์ยาดำแล้ว และเห็นช่องทางทำกำไรแน่นอน ไม่อย่างนั้นเขาจะมาพูดเกรงอกเกรงใจกับตนทำไม

แบบนี้หมายความว่ากิจการขายยาดำของเขากำลังเปิดแล้ว!

หวังฟู่กุ้ยได้ยินเริ่นเสี่ยวซู่ยอมรับก็ยินดีมาก “ยานั่น…ยังมีอยู่ไหม เอามาให้ฉันสิ เดี๋ยวฉันขายให้!”

“จะขายให้เหรอ ไม่ได้” เริ่นเสี่ยวซู่ส่ายหัว “ฉันไม่อยากได้คนกลางมาตักตวงกำไรไปหรอกนะ เมืองก็เล็กแค่นี้ ฉันขายเองดีกว่าไหมลุง ใช่ว่าฉันจะไปขายยาตัวเองให้กับทุกป้อมปราการสักหน่อย แถมถ้าฉันมีกิจการใหญ่โตจริง ลุงก็ดูแลไม่ไหวหรอก”

หวังฟู่กุ้ยโดนคำของเริ่นเสี่ยวซู่ทำเอาจนนิ่งอึ้งไป ใช่แล้ว เมืองก็เล็กแค่นี้ ทำไมเริ่นเสี่ยวซู่จะต้องการตนให้ไปขายยาให้ด้วย

แต่หวังฟู่กุ้ยก็ยังคงพูด “ขายให้ฉันสักหน่อยสิ”

“เอ๋?” เริ่นเสี่ยวซู่มองสำรวจหวังฟู่กุ้ย “ลุงก็ดูไม่บาดเจ็บอะไรนี่ จะเอายาไปทำไม”

หวังฟู่กุ้ยยิ้มลึกลับ แล้วเอ่ย “เธอยังไม่รู้สินะ เมื่อวานเถี่ยโถวกลับบ้านไปก็รู้สึกสงสัยมาก อยากรู้ว่าเธอทาอะไรใส่แผลเขา เถี่ยโถวลองดม แต่ก็ไม่ได้กลิ่นอะไร หลังจากนั้นเลยลองเลียชิมรสดูว่าทำจากอะไร เธอรู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น”

เริ่นเสี่ยวซู่กำลังคิดว่าเจ้านั่นสมองกลับไปแล้วเหรอ ถึงกับเลียชิมรสชาติยาเนี่ย…

ผลจากยาดำไม่มีอะไรผิดปกติแน่นอน คืนนั้นเถี่ยโถวลองสังเกตแผลตัวเองแล้ว ก็รู้ว่าเริ่นเสี่ยวซู่ไม่ได้โกหก มันเป็นยาดีมากจริงๆ แต่ก็ยังทิ้งความสงสัยเอาไว้ เขาเลยอยากจะรู้ว่าตัวยาทำจากอะไร

หวังฟู่กุ้ยพูดต่อ “สุดท้ายคือเขากับภรรยาทำเรื่องอย่างว่ากันทั้งคืนจนถึงเช้าแน่ะ! ยาของเธอยอดเยี่ยมเกินไปแล้ว!”

เริ่นเสี่ยวซู่ตะลึงไปเลย!

เหยียนลิ่วหยวนที่อยู่ในกระท่อมก็ตะลึงไปเช่นกัน!

เริ่นเสี่ยวซู่ก็สงสัยอยู่ว่าถ้าทานยาดำไปจะมีผลข้างเคียงอะไรไหม เขารู้สึกว่าน่าจะใช้เป็นยาภายในได้ แต่ไม่กล้าลองด้วยตัวเอง

ตอนนี้รู้แล้วว่าถ้าเอาไปรับประทานจะเกิดอะไรขึ้น! ทำเรื่องอย่างว่าตั้งแต่กลางคืนจรดเช้า นี่มันยาบ้าอะไรกันแน่เนี่ย!

เริ่นเสี่ยวซู่ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “งั้นลุงจะซื้อยาจากฉันไปทำไม”

ที่ถามต้องมีเหตุผลอะไรบางอย่างแน่ ภรรยาของหวังฟู่กุ้ยเสียชีวิตไปเพราะโรคร้ายเมื่อหลายปีก่อนนู้น ดังนั้นไม่น่ามีเหตุอะไรให้ต้องใช้ยานี้

หวังฟู่กุ้ยพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ฉันขอมีความรักครั้งสองบ้างไม่ได้เหรอไง ก็แค่ว่าตอนนี้ร่างกายฉันอ่อนปวกเปียกไปหน่อยเท่านั้นแหละ”

“เอ๋? ลุงหาผู้หญิงได้แล้วเหรอ” เริ่นเสี่ยวซู่หัวเราะ

“ยังเฟ้ย” เหล่าหวังว่า “แต่ก็กำลังคิดๆ ดูอยู่ แต่คงไม่มีใครอยากแต่งกับชายนกเขาไม่ขันหรอกใช่ไหมล่ะ เพราะยังงี้ฉันถึงอยากซื้อยาจากเธอไง”

เริ่นเสี่ยวซู่หัวเราะ “ดีมากหวังฟู่กุ้ย อายุเยอะแต่ยังปึ๋งปั๋ง! ลุงอยากได้ภรรยาแบบไหน”

หวังฟู่กุ้ยตอบออกมาตรงๆ “ขอแค่เธอชอบฉันก็พอแล้ว”

เริ่นเสี่ยวซู่คิดตาม “…คำขอของลุงไม่ยากไปหน่อยเหรอ”

หวังฟู่กุ้ย “พวกเราสนิทกันมากเหรอ” จากนั้นหวังฟู่กุ้ยก็พูดด้วยสีหน้าอึมครึม “ฉันเป็นหนึ่งในคนที่รวยที่สุดของเมือง ทำไมพวกผู้หญิงจะไม่ชอบฉันเล่า”

“เฮ้อ” เริ่นเสี่ยวซู่พูดอย่างเศร้าสร้อยอยู่บ้าง “หนึ่งในคนที่รวยที่สุดของเมืองเป็นเจ้าของร้านขายของชำ ทำไมฟังดูขี้เหร่ชอบกล…”

“เอ็งเป็นใครมาวิจารณ์ฉันฟะ เลิกพล่าม จะขายไม่ขาย?!”

“ขาย!” เริ่นเสี่ยวซู่คิดพักหนึ่ง ก่อนจะพูดต่อ “คนกันเอง 600!”

“ไม่ปล้นกันเลยล่ะ!” หวังฟู่กุ้ยโวยอย่างโมโห

ตอนนี้ยาดำที่เริ่นเสี่ยวซู่มี เหลือรักษาแผลได้ครั้งเดียวเท่านั้น แต่ตามที่เหล่าหวังว่ามา ยานี่เลียทีเดียวก็ออกฤทธิ์ได้แล้ว จำนวนยาที่เหลือก็ใช้เลียได้หลายครั้งอยู่

แต่ฤทธิ์ยาจากการใช้ภายในนี้ไม่ควรใช้พร่ำเพรื่อ ดังนั้นไม่ควรขายด้วยจำนวนมากเกินไป

“จะซื้อไม่ซื้อ?” เริ่นเสี่ยวซู่แค่นเสียงใส่หวังฟู่กุ้ย

“ซื้อ!” หวังฟู่กุ้ยพูดจบก็นับเงินหกร้อยแล้วจ่ายให้เริ่นเสี่ยวซู่ ไม่ต่อรองราคาแม้แต่น้อย!

เริ่นเสี่ยวซู่ไม่เคยคิดเลยว่า กิจการยาดำของตนจะเปิดแบบนี้…

ไม่คิดเลยว่าจะเป็นแบบนี้ไปได้ แผนเดิมคือเป็นหมอเพื่อที่จะ ‘ฝึกฝนวิชาแพทย์ รักษาปวงประชา’ แต่กลายเป็นผู้ผลิตยาโด๊ปไปซะงั้น

หวังฟู่กุ้ยพลันหันกลับมาพูดกับเริ่นเสี่ยวซู่ “เรื่องนี้ขอบคุณมาก!”

[ได้รับคำขอบคุณจากหวังฟู่กุ้ย +1!]

เริ่นเสี่ยวซู่ “…”

ในที่สุดก็มีเหรียญคำขอบคุณสี่เหรียญแล้ว ถึงวิธีการได้เหรียญนี้มา จะต่างไปจากที่เริ่นเสี่ยวซู่คาดไว้นิดหน่อยก็เถอะ