บทที่ 16: โรเอลผู้นี้ไม่ได้พูดโกหก

ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END

บทที่ 16: โรเอลผู้นี้ไม่ได้พูดโกหก

นอร่า เซไซต์

นี่เป็นชื่อที่โรเอลจำได้ขึ้นใจ จากความทรงจำในอดีตชาติ เธอเป็นหนึ่งในบุคคลที่เขาอยากจะอยู่ห่าง ๆ หากเป็นไปได้

ในอนาคตนอร่าจะได้เป็นผู้นำของตระกูลเซไซต์ และจักรพรรดินีของจักรวรรดิเซนต์เมซิท หรือก็คือเธอนั้นจะกลายเป็นหนึ่งในมหาอำนาจของโลกใบนี้

นอร่า เซไซต์ เป็นตัวตนที่มักจะได้รับความเคารพนับถือเป็นพิเศษไม่ว่าเธอจะไปที่ไหนในเกมอาย ออฟ โครนิเคิล เหล่านักเรียนในสถาบันการศึกษาต่างเรียกเธอว่าราชินี ร่วมกันกับอลิเซีย พวกเธอทั้งสองมีฉายาร่วมกันในชื่อ ตะวันสีทองและจันทราสีเงินแห่งเซนต์เมซิท

แน่นอนว่าเธอเองก็เป็น 1 ใน 4 นางเอกหลักที่ผู้เล่นสามารถจีบได้

โชคไม่ดีนักที่ภาพลักษณ์ภายนอกในฐานะหญิงสาวผู้สมบูรณ์แบบนั้นไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของเธอ เพราะแท้จริงแล้ว นอร่า เซไซต์ เป็นพวกซาดิสม์ [1] สุดขีด

แม้ว่านอร่าจะมีท่าทีอันสง่างามต่อหน้าสาธารณะชนจนสามารถบังคับให้คนอื่นต้องคล้อยตามอำนาจของเธอได้

แต่ในความจริงเป็นแล้วนอร่านั้นชื่นชอบการสร้างความเจ็บปวดให้กับผู้อื่นเป็นอย่างมาก นั่นทำให้เธอมีอีกฉายาก็คือ ‘เทวทูตผู้กระหายเลือด’ ฉากการต่อสู้ทั้งหมดที่มีนอร่าเข้ามาเกี่ยวข้องจึงได้ถูกตัดออกไปจากตัวเกม เพื่อไม่ให้ผู้เล่นได้รับการกระทบกระเทือนทางจิตใจ

แนวคิดเรื่องความดีและความชั่วไม่ได้ต่างกันนักในมุมมองของนอร่า เซไซต์ เธอปฏิบัติต่อผู้คนรอบตัวเธอด้วยความกรุณา ไม่ลังเลที่จะยืนหยัดขึ้นต่อสู้กับความชั่วร้ายต่าง ๆ

ทว่ามันก็ยังยากเกินไปหากจะเรียกนอร่าว่าคนดี หลังจากที่ได้เห็นภูเขาซากศพและทะเลเลือด ที่เกิดจากการอาละวาดอย่างรุนแรงของเธอ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อได้รับรู้ว่าเธอชื่นชอบมัน

ความประทับใจอันลึกซึ้งที่สุดของโรเอลที่มีต่อนอร่า เซไซต์ มาจากภาพประกอบในเกมอาย ออฟ โครนิเคิล

ภาพของนอร่าผู้เปี่ยมไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์กำลังยืนอย่างสง่างาม กางปีกอันเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดออกมา ขณะจ้องมองมายังผู้เล่นด้วยใบหน้าที่ดูเคลิบเคลิ้ม​ องค์ประกอบที่ตัดกันระหว่างความดีและความชั่ว สอดประสานกันราวกับงานศิลปะอันน่าทึ่ง

แม้ว่างานศิลปะจะน่าชื่นชม แต่โรเอลก็ไม่ต้องการที่จะยุ่งเกี่ยวอะไรกับบุคคลเช่นนี้ในความเป็นจริง เขาควรจะอยู่ให้ห่างจากนอร่าเพื่อรักษาสติสัมปัญชัญญะของตนเองเอาไว้

ในเกมอาย ออฟ โครนิเคิลนั้น แม้แต่ตัวเอกเองก็ยังต้องใช้เวลาถึงสามภาคการศึกษา เพื่อไล่ตามจีบ ต่อสู้ล้มลุกคลุกคลานกับนอร่า เซไซต์ จนเกือบจะเอาชีวิตไม่รอด ก่อนที่จะสามารถชนะใจเธอได้สำเร็จในที่สุด

เรียกได้ว่าขนาดตัวเอกยังต้องลำบากเจียนตาย มันจึงแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ใครคนอื่นในโลกใบนี้จะเอาชนะใจเธอได้!

หากโรเอลซึ่งเป็นตัวร้ายหลักของเกมพยายามจะทำเช่นเดียวกันกับตัวเอกล่ะก็ เขาจะต้องถูกนอร่าฆ่าตายในพริบตาอย่างแน่นอน!

เอาเถอะ อย่างน้อย ๆ โรเอลก็ยังมีทีมงานมืออาชีพคอยจัดการพิธีศพให้กับเขาในกรณีที่มันเกิดขึ้น!

เมื่อนึกถึงกองทัพโครงกระดูกผู้หาบหีบศพที่เขาแลกมาจากร้านค้าเปลี่ยนแต้มความสนใจ ทันใดนั้นโรเอลก็รู้สึกได้ถึงลางสังหรณ์ไม่ดีในช่องท้องของเขา โดยเฉพาะเมื่อนอร่านั้นมีบทบาทสำคัญอย่างมากในเกมเกี่ยวกับการตายของโรเอล!

เด็กชายยืนยันความมุ่งมั่นกับตัวเองอีกครั้งว่า เขาจะต้องไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงคนนี้!

—————————————–

“องค์หญิงนอร่า ชาแดงนี้ถูกปากไหมเพคะ”

“อืม มันอร่อยมาก ขอบคุณนะอลิเซีย”

ณ ห้องรับรอง นอร่า อลิเซียและโรเอล กำลังจิบชาอยู่ด้วยกันพลางพูดคุยกันอย่างมีความสุข นับตั้งแต่ที่พวกเขาพบกันครั้งแรกในห้องโถง​ เวลาได้ล่วงเลยไปกว่าหนึ่งชั่วโมงแล้ว กลุ่มของโรเอลจึงได้แยกออกมาจากคาร์เตอร์และเคน โดยทางฝั่งพวกผู้ใหญ่เองก็กำลังอยู่ระหว่างการสนทนาลับ ๆ ภายในห้องรับรองอีกห้องหนึ่ง

โรเอลไม่รู้เลยว่าพ่อของเขากับองค์ชายเคนกำลังคุยเรื่องอะไรกันอยู่ แต่มันก็น่าจะเป็นเรื่องสำคัญ จนพวกเขาต้องแยกออกไปคุยกันตามลำพัง

อย่างไรก็ตามการที่เคนพานอร่ามาด้วยกัน ก็ถือเป็นการบอกนัย ๆ ว่าตระกูลเซไซต์นั้นมีความสัมพันธ์อันดีกับตระกูลแอสคาร์ด

จะมีวิธีสานสัมพันธ์ไหนดีไปกว่าการให้ลูก ๆ ของตัวเองได้เล่นด้วยกัน

ตระกูลแอสคาร์ดนั้นเป็นที่รู้จักในฐานะหนึ่งในห้าตระกูลขุนนางที่มีชื่อเสียงเลื่องลือในจักรวรรดิ ที่แม้แต่เหล่าตระกูลขุนนางในเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ก็ยังยอมรับ

การรวบรวมตระกูลแอสคาร์ดเข้ามาในฝั่งของตน จะทำให้ตระกูลเซไซต์ได้รับผลประโยชน์มากมาย ซึ่งวิธีที่ได้ผลที่สุดก็คือการเอาชนะใจโรเอล ผู้สืบทอดวัยเยาว์ของตระกูลแอสคาร์ด

มันเป็นเรื่องปกติของเหล่าบุตรและบุตรีผู้สืบทอดในตระกูลชั้นสูงที่จะต้องเข้าร่วมการสังสรรค์ สร้างความสัมพันธ์ฉันท์มิตรกับตระกูลอื่น ๆ ด้วยเหตุนี้ผู้สืบทอดวัยเยาว์จึงมักจะมีบุคคลิกภาพที่เติบโตก่อนวัย เพื่อที่จะสามารถรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ในการเข้าสังคมได้

การรวบรวมขั้วอำนาจต่าง ๆ เพื่อสร้างกลุ่มนั้นมีมานานแล้ว โดยผู้ที่รู้ตัวช้ากว่าก็จะกลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ซึ่งแน่นอนว่าเด็กทั้งสามคนที่นั่งอยู่ในห้องรับรองล้วนรับรู้ถึงข้อเท็จจริงนี้เป็นอย่างดี

แม้ว่านอร่าจะมีฐานะสูงส่ง แต่ก็ไม่มีท่าทีหยิ่งผยองใด ๆ เธอชี้นำบทสนทนาด้วยความสง่างามและความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ในขณะที่เธอพยายามทำความรู้จักกับเพื่อนทั้งสองอย่างใกล้ชิด

ส่วนอลิเซีย ถึงเธอจะเข้าใจเจตนาของนอร่า แต่ด้วยประสบการณ์ในอดีตที่ผ่านมา จึงทำให้เด็กสาวยังคงสร้างกำแพงป้องกันคนรอบข้างนอกจากโรเอลอยู่เช่นเดิม

สำหรับทางด้านโรเอลนั้น …

เด็กชายได้แต่ปั้นหน้ายิ้ม และพยายามอย่างเต็มที่ ที่จะแสดงจุดยืนอย่าง​ชัดเจน ผ่านการกระทำของเขาว่าไม่ต้องการมีส่วนร่วม

นอร่านั้นถือได้ว่าเป็นดั่งสะพานเส้นหลักในการเชื่อมสัมพันธมิตรระหว่างตระกูลแอสคาร์ด และ ตระกูลเซไซต์ ซึ่งเป็นข้อเสนอที่น่าดึงดูดมาก หากมองถึงผลประโยชน์ของตระกูล การเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างสองตระกูลจะส่งผลดีต่อตระกูลแอสคาร์ดอย่างมาก

ทว่าตอนนี้โรเอลกำลังมองจากมุมมองของตัวเขาเอง

ในฐานะที่โรเอลเป็นตัวร้ายสำคัญในเส้นเนื้อเรื่องหลัก เขาจึงเป็นศัตรูที่ถูกเกลียดชังจากทั้งตัวเอกและเหล่าสาว ๆ เป้าหมายในการจีบของเกม ซึ่งสักวันหนึ่งจะต้องถูกพวกเขาเหล่านั้นฆ่า

เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงชะตากรรมอันน่าเศร้านั้น เป้าหมายเดียวของโรเอลในขณะนี้คือการหักเดธแฟล็กทั้งหมดของเขาทิ้งให้ได้ก่อนที่มันจะเกิดขึ้น

ตราบเท่าที่ประสบความสำเร็จเขาก็น่าจะอยู่รอดไปได้จนถึงวัยชรา

ถึงแม้ว่าแผนการดังกล่าวดูจะเป็นไปได้ แต่มันก็ยังมีปัญหาอยู่นั่นก็คือ…

โรเอลจะหักเดธแฟล็กของตัวเองทิ้งไปได้อย่างไร ในเมื่อเขายังไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่ามันคืออะไร? โรเอลไม่มีความรู้เกี่ยวกับเนื้อเรื่องทั้งหมดของเกมอาย ออฟ โครนิเคิลซะหน่อย!

ซึ่งวิธีแก้ปัญหาที่โรเอลคิดขึ้นมาได้ เพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกนี้นั้นง่ายมาก อย่าทำอะไรแบบเดียวกับที่โรเอลอีกคนทำ !

หากโรเอลคนก่อนโหดร้ายกับอลิเซีย โรเอลคนปัจจุบันก็จะใส่ใจดูแลเธอเป็นอย่างดี อะไรทำนองนั้น

ในกรณีของวันนี้ เป็นไปได้ว่าโรเอลคนเดิมอาจจะเข้าใจถึงความปรารถนาดีของนอร่า และได้ทำการยื่นมือออกไปรับข้อเสนอของเธอ ดังนั้นโรเอลในปัจจุบันจึงตัดสินใจว่าเขาจะอยู่ห่างจากนอร่าให้มากที่สุด

พยายามที่จะผูกมิตรงั้นเหรอ? ขอโทษด้วยนะไม่เข้าใจหรอก! พยายามทำให้มีความสุขด้วยคำชมงั้นเหรอ? ขอโทษด้วยเราหูหนวก!

พูดอะไรก็พูดไปเถอะ ฉันจะไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น ฉันจะนั่งอยู่ตรงนี้แสร้งยิ้มออกมาเหมือนแจกันดอกไม้ประดับ จะเกลียดฉันก็ได้เกลียดไปเลย ช่วยเกลียดฉันถึงระดับที่ไม่อยากจะมาที่นี่อีกได้ยิ่งดี!

“ข้าขอเรียกเจ้าว่าโรเอลได้ไหม?”

นอร่าผู้สง่างามถามด้วยน้ำเสียงอันจริงใจอย่างเป็นกันเอง ส่วนโรเอลนั้นทำท่าครุ่นคิดอยู่สักครู่ก่อนที่จะตอบกลับด้วยรอยยิ้ม

“แน่นอนฝ่าบาท ถือเป็นเกียรติของกระหม่อม​” เขาตอบรับด้วยท่าทีสุภาพ

ชิ หยุดทำตัวเหมือนพวกเราสนิทกันจะได้ไหม

สิ่งที่โรเอลพูดด้วยปากไม่ได้สอดคล้องกับความคิดในหัวของเขาเลยสักนิด เขายิ้มอย่างสุภาพและตอบคำถามของนอร่าอย่างเป็นทางการ

“โรเอล ให้ข้าเป็นเพื่อนของเจ้าได้รึเปล่า?” นอร่าเอ่ยกับเขาอีกครั้ง

“แน่นอนฝ่าบาท” เขาตอบรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแต่ภายในใจนั้น…

ใครมันจะไปอยากเป็นเพื่อนกับเธอกัน?

“ข้าทำให้เจ้าลำบากใจรึเปล่า?” นอร่ายังคงถามกับเด็กชาย

“ไม่แน่นอนฝ่าบาท ถือเป็นเกียรติของกระหม่อม” โรเอลตอบคำถามของเด็กหญิงพร้อมกับเสียงค้านในใจเช่นเคย….ถ้ารู้ว่าตัวเองเป็นปัญหาก็อย่าทำตั้งแต่แรกสิ

“… เจ้าคิดยังไงกับข้าหรือ?” เธอยังคงยิงคำถามใส่เขารัว ๆ เหมือนเธอกำลังสนุกกับมัน

“ความงามของฝ่าบาทเป็นดั่งแสงตะวัน ความเมตตาของฝ่าบาทท่วมท้นเหมือนอ้อมกอดของโลก ประเทศของเราจะเจริญรุ่งเรืองภายใต้การนำของบุคคลผู้ยิ่งใหญ่เช่นท่าน ขอให้เทพีเซียคุ้มครอง” โรเอลจำต้องกล่าวชื่นชมในตัวเธอ

แล้วตอนนี้ยังจะมาขอให้เราชื่นชมตัวเองอีกเหรอ? ชิ ไร้ยางอายชะมัด เขาได้เเต่คิดในใจ

“…เจ้าคิดอย่างไรกับตระกูลเซไซต์ของเรา” นออร่าเริ่มใช้สายตาจ้องมองเด็กชายอย่างเปิดเผย

“ตระกูลแอสคาร์ดของกระหม่อม​ พร้อมจะเป็นผู้สนับสนุนที่ภักดีที่สุดของฝ่าบาท ไม่มีใครในจักรวรรดิเซนต์เมซิทที่ไม่รู้ถึงความภักดีอันแน่วแน่ของพวกเราที่มีต่อราชวงศ์และ…”

ก่อนที่โรเอลจะทันได้พูดจบ

“เอาล่ะพอได้แล้ว”

นอร่าตัดบทคำพูด​ของโรเอลลง ด้วยการโบกฝ่ามือของเธอ ทำให้เด็กชายต้องตกใจกะพริบตาอยู่ครู่หนึ่ง และหยุดคำพูดอันไร้สาระที่ออกมาจากปากของเขาลง

ในที่สุดเธอก็รู้สึกเบื่อหน่ายกับคำชมไร้สาระแล้วสินะ? ถ้าเป็นแบบนั้นพวกเราก็กลับไปนั่งดื่มชากันอย่างสงบสุขกันดีกว่าไหม?

โรเอลคิดพลางยกถ้วยน้ำชาขึ้นมาจิบ แต่แล้วนอร่าก็หยิบจี้สีแดงออกมาจากใต้แขนเสื้อของเธอ

“โรเอล เจ้าคิดยังไงกับจี้ชิ้นนี้ของข้า” พร้อมกับโชว์จี้ในมือ

“มันงดงามมากขอรับ องค์หญิง” เขาพูดพร้อมกับจ้องมองจี้ในมือนอร่า

“ใช่ ข้าเองก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน ข้าชอบจี้นี้มาก เมื่อแสงส่องเข้ามา มันสามารถหักเหแสงนั้นออกมาเป็นแสงสีแดงเข้มที่แตกต่างกันออกไปสิบหกเฉดได้” เธอเริ่มอวดความสามารถของมัน

“ช่างน่าประทับใจยิ่งนัก”

โรเอลเหลือบมองไปยังจี้สีแดงเข้มแล้วตอบกลับด้วยคำชม

ขณะเดียวกันนอร่าก็โน้มตัวมาข้างหน้าแล้วพูดต่อพร้อมกับหรี่ตา

“จะบอกให้ว่าจี้นี้มีความสามารถพิเศษที่น่าสนใจมากเสียด้วย เจ้าอยากรู้ไหมว่ามันคืออะไร?” เด็กสาวยิ้มพร้อมกับปรายตามองมาที่เขา

“ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่ง หากกระหม่อม​จะได้รู้เรื่องของมันจากฝ่าบาท” โรเอลเอ่ยเสียงเรียบ

“ใช่แล้ว แน่นอน”

รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของนอร่า จากนั้นเธอก็ใช้นิ้วกระดิกเรียกเด็กชายให้เข้ามาใกล้ ๆ

นี่ทำให้โรเอลรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับท่าทางของเธอ

มีบางอย่างไม่ถูกต้อง…

เขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่หลังจากลังเลชั่วครู่เขาก็เลือกที่จะโน้มตัวลง ฟังสิ่งที่เด็กสาวจะพูด

ทันทีที่พวกเขาหลุดออกจากมุมมองของอลิเซีย รอยยิ้มของนอร่าก็เริ่มเย็นชาขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เธอเปิดเผยความลับเบื้องหลังจี้สีแดงเข้มด้วยน้ำเสียงอันเยือกเย็น

“ความสามารถพิเศษของมันก็คือ…การจับโกหก”

“…”

โรลเอลในตอนนี้ราวกับถูกสาปให้กลายเป็นหิน….

[1] ซาดิสม์ : Sadism คือพฤติกรรมที่มีความสุขหรือความพึงพอใจในความเจ็บปวดและความทุกข์ของผู้อื่น