บทที่ 17 อย่าปล่อยให้โอกาสหลุดมือ

ไหปีศาจ

บทที่ 17 อย่าปล่อยให้โอกาสหลุดมือ

สามวันต่อมา

ที่หน้าศาลาไป่หยู่

คนงานในทั้งสามคนกำลังพยายามต่อรองกับลั่วอู๋ “เจ้าของร้านขอรับ พวกเราขอไม่ตะโกนได้ไหม”

“พวกเจ้าต้องตะโกน!” ลั่วอู๋ มีความมุ่งมั่นมาก

“แต่มันน่าอาย…”

“ข้าจะหักเงินเดือนพวกเจ้า ถ้าไม่ตะโกน” ลั่วอู๋ขู่

พอทั้งสามคนได้ยินดังนั้นก็ตะโกนออกไปที่ถนนอย่างไม่เกรงกลัว

“เข้ามาดูกันได้ขอรับ ลูกแมงป่องทรายสีเหลืองที่ถูกทำให้เชื่อง”

“เข้ามาดูสิขอรับ ถ้าท่านพลาดไปล่ะก็ ไม่มีโอกาสหน้าแล้วนะ”

“แมงป่องทรายที่ถูกทำให้เชื่องด้วยฝีมือ เจ้าของร้านรับประกันคุณภาพนั้นเหนือกว่าสัตว์วิญญาณในระดับเดียวกัน มีมันแต่ไม่มีเงินยังคุ้มกว่า”

“วันนี้ท่านให้ความไว้วางใจกับเรา ในวันพรุ่งนี้เราจะทำให้ท่านประหลาดใจ ผลิตภัณฑ์ของศาลาไป่หยู่ การันตีคุณภาพ”

……

ผู้คนบนถนนพากันหันมามองดูทั้งสามคนราวกับว่ากำลังดูคนเสียสติ

พวกเขาสามคนทั้งละอายและโกรธ แต่เพราะคำว่า “เงินตราและศักดิ์ศรี” ของเจ้าของร้านใหม่ ยังไง ๆ พวกเขาก็ต้องขายให้ได้เท่านั้น

ในเวลาปกติ ร้านค้าสัตว์วิญญาณทำเพียงแค่รอให้ลูกค้าเข้ามาหาพวกเขา มันช่างน่าอัปยศนักที่พวกเขาต้องออกไปเรียกลูกค้าเหมือนนางโลมที่คอยเรียกหาแขก

แต่มันได้ผลกว่าที่คิด…

มันเป็นความจริง เพราะมีลูกค้าหลายคนเข้ามาด้วยเสียงด้วยเสียงเร่ขาย เข้าไปในร้านแล้วดูแมงป่องทรายที่ “น่าทึ่ง” พวกนี้

“ขายราคาเท่าไหร่” มีลูกค้าคนหนึ่งถามขึ้น

ชายสามคนชี้ไปที่ป้ายไม้ที่ปักอยู่ข้างๆ บนป้ายไม้เขียนบอกไว้ว่า

“ส่วนลดใหม่ล่าของร้านค้าของเรา ลูกแมงป่องทรายจาก 2000 หินวิญญาณ ตอนนี้เหลือเพียง1000 หินวิญญาณ ไม่รีบซื้อระวังหมด”

“อะไรเนี่ย!”

“หน้าเลือดชะมัด”

“1000 วิญญาณเพื่อลูกแมงป่องทรายเนี่ยนะ”

“เจ้าจะซื้อหรือไม่ซื้อ”

พอได้ยินคำย้อนดังนั้น ลูกค้าชายผู้นั้นก็เดินจากไปด้วยความโกรธ

ลูกค้าหลายคนกำลังชี้มือชี้ไม้ไปยังป้ายราคา และกล่าวคำติฉินนินทาตรงหน้าศาลาไป่หยู่ นอกจากนี้ยังมีหลายคนที่เคยได้ยินเรื่องโง่ ๆ ของเจ้าของร้านที่ซื้อแมงป่องทรายในราคาตัวล่ะ300 หินวิญญาณ

ทว่าตอนนี้มันถูกขายในราคา 1000 หินวิญญาณ การกระทำแบบนี้ทำให้คนทั่วไปพากันเย้ยหยัน

เจ้าของร้านคนใหม่คงกำลังล้อเล่นอยู่แน่ ๆ ศาลาไป่หยู่ซึ่งเคยมีธุรกิจพอไปรอดได้เรื่อย ๆ นั้นกำลังจะล้มละลายเพราะมือเขาอย่างแน่นอน

แมงป่องทรายเป็นแค่สัตว์วิญญาณระดับทองแดง ซึ่งใคร ๆ ก็อยากจะทำสัญญากับสัตว์วิญญาณที่มีระดับสูงกว่านี้มากกว่า

อย่างไรก็ตามสัตว์วิญญาณระดับทองแดงสามารถทำสัญญาวิญญาณและกลายเป็นระดับเงินได้ตามทฤษฎีแล้ว

ดังนั้นราคาตลาดของสัตว์วิญญาณระดับทองแดงจึงไม่ค่อยผันแปรนัก ผู้ใช้พลังวิญญาณที่ไม่มีพรสวรรค์หรือมีเงินในกระเป๋าไม่มาก จึงสามารถทำสัญญากับพวกมันได้สบาย ๆ

ลั่วอู๋เร่ขายมาเกือบตลอดทั้งวัน แต่กลับไม่มีผู้ซื้อเลย

ลูกค้าต่างก็ถามเกี่ยวกับราคาที่เขาเขียน จากนั้นก็ออกไปด้วยความโกรธราวกับว่ากำลังถูกล้อเล่น

คนงานทั้งสามคนเริ่มกระหายน้ำและวิตกกังวล อาฟู และ เสี่ยวชา มองกะพริบตาไปที่ มู่เถา

“เจ้าสนิทกับเจ้าของร้านคนใหม่ที่สุด เจ้าถามเขาหน่อยสิ”

มู่เถายิ้มอย่างขมขื่น แล้วยกถ้วยชาสมุนไพรขึ้นดื่มเพื่อดับกระหาย จากนั้นก็เดินมาที่ฝั่งของลั่วอู๋แล้วพูดขึ้นอย่างระมัดระวัง

“เจ้าของร้านราคาของพวกเรา แปลกเกินไปหรือเปล่า “

“ก็คงเป็นอย่างนั้น” ลั่วอู๋ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง

“ข้าก็รู้สึกว่ามันต่ำเกินไป ข้าใช้พลังงานไปมากในการฝึกฝนมัน ข้าควรจะรวมค่าธรรมเนียมในการสูญเสียพลังวิญญาณด้วย”

“ไม่ไม่ไม่” มู่เถารีบค้าน

“อะไรนะ”

“ข้าหมายถึงมันสูงเกินไป … “

“ราคาสูงงั้นเหรอ”

มู่เถาพยักหน้าให้แบบส่งๆ

“ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่ต้องกังวลไป ข้าสัญญาว่าพวกเราขายได้แน่”

ลั่วอู๋ยืนยันกับมู่เถาเต็มด้วยความมั่นใจ

มู่เถาพูดไม่ออก

เขาได้แต่สงสัยว่า เจ้าของร้านคนใหม่ไปเอาความมั่นใจมาจากที่ไหน

……

……

ขณะเดียวกันเฉินจิงกำลังดื่มชาและเล่นหมากรุกอยู่ ห่างออกไปไม่กี่ช่วงตึก

“นายท่าน มีข่าวใหม่เกี่ยวกับศาลาไป่หยู่” คนงานชายคนหนึ่งพูดขึ้นมา

เมื่อทั้งคู่พูดคุยเกี่ยวกับศาลาไป่หยู่เสร็จ เจ้าของร้านเฉินก็หัวเราะ

“แน่นอนสิ เจ้าคิดว่าลูกชายที่ถูกทิ้ง ถูกเนรเทศจะเป็นคนแบบไหนกัน”

“ดูเหมือนข้าจะคิดผิดจริง ๆ เรื่องงูทองคำ”

“กล้าขายลูกแมงป่องทรายในราคา 1000 หินวิญญาณ”

“ข้าไม่เชื่อว่าจะมีคนโง่ที่ไหนจะซื้อ ถ้ามันขายได้ข้าจะยอมกลืนชิ้นหมากรุกชิ้นนี้เลย”

เจ้าของร้านเฉินยังคงดื่มชาและเล่นหมากรุกต่อไป

“ต่อจากนี้ไปเจ้าไม่จำเป็นต้องแจ้งข่าวเกี่ยวกับ ศาลาไป่หยู่ อีกต่อไปแล้ว จับตาดูหอคอยหวงชาไว้ก็พอ ข้าได้ยินมาว่านักเล่นแร่แปรธาตุของหอคอยหวงชา ได้พัฒนายาเม็ดใหม่ออกมาเมื่อเร็ว ๆ นี้ ลองไปสืบสูตรของมันมาดูกันดีกว่า”

“รับทราบขอรับ!”

หอคอยหวงชาคือร้านที่เปรียบได้ดั่งไพ่ตายของ ทีมหวงชา แม้ว่าศาลาไป่เปาเองจะอยู่ภายใต้ร่มธงของทีมหวงชา แต่ทีมหวงชาของนัวต้า แต่ในนั้นเองก็ถูกแบ่งออกเป็นฝ่ายต่าง ๆ เช่นกัน

ทั้งเจ้าของร้านที่อยู่เบื้องหลัง ศาลาไป่เปาและที่อยู่เบื้องหลัง หอคอยหวงชา ต่างก็ไม่ใช่คนที่จะพลาดพลั้งกันง่าย ๆ

……

……

ในช่วงเย็น

ที่ศาลาไป่หยู่ยังคงไม่มียอดขายแถมยังแย่กว่าปกติเสียอีก

ผู้ที่จะมาซื้อยาเองก็เริ่มรู้สึกไม่เต็มใจที่จะเข้ามาที่ศาลาไป่หยู่

ชายในชุดคลุมสีดำคนหนึ่ง ท่าทางดูเป็นผู้ใหญ่และสุขุมเดินผ่านศาลาไป่หยู่ไป และเมื่อเขาได้ยินเสียงคนเร่ขาย ก็คิดว่ามันน่าสนใจจึงเดินเข้ามา

“เจ้าขายลูกแมงป่องทรายสีเหลืองที่เชื่องแล้วที่นี่ใช่หรือไม่” ถามโดยชายในชุดดำ

มู่เถาพยักหน้าอย่างรวดเร็ว “ใช่ขอรับ ใช่ขอรับ”

“นี่มันใกล้ถึงวันเกิดของลูกชายของข้า ข้าสัญญาว่าจะซื้อรถม้าให้เขา แต่เปลี่ยนเป็นสัตว์เลี้ยงลูกแมงป่องทรายก็คงจะได้” ชายในชุดดำเอามือแตะคางและครุ่นคิด

ทันทีที่ได้ยินดวงตาของมู่เถาก็เบิกโต ใช่แล้ว ใคร ๆ ก็สามารถซื้อสัตว์วิญญาณเป็นสัตว์เลี้ยงได้ โดยธรรมชาติแล้วคนเหล่านี้เป็นเพียงแค่คนธรรมดา ที่พลังวิญญาณไม่ได้ทรงพลังหรือร่ำรวย

“เชิญท่านกรุณาเข้าไปข้างในขอรับ”

มู่เถาเดินมาที่กรงพร้อมกับชายชุดดำ

แมงป่องทรายทุกตัวจะถูกเก็บไว้ในกรงแยกกัน ร่างของมันทุกตัวเป็นสีดำ แต่ยิ่งมันโตขึ้นก็จะยิ่งมีสีอ่อนลงและมีพิษมากขึ้น

แมงป่องทรายเมื่อโตเต็มวัยนั้นจะเป็นสีขาว พิษอันรุนแรงของมันจะพัฒนาจนถึงขีดสุด ซึ่งบางคนจะเลี้ยงมันให้เป็นยาม

“มันดูดีมาก” ชายในชุดดำดูเหมือนจะมีสายตาวิเคราะห์ที่ดี

มู่เถา พยักหน้าอย่างรวดเร็ว “ท่านช่างมีความเชี่ยวชาญจริง ๆ เจ้าตัวเล็กพวกนี้เจ้าของร้านของเราใช้พลังงานไปอย่างมากเพื่อฝึกฝนมัน”

ทันทีที่แขกคนอื่นเข้ามาในร้านพวกเขาก็จะถามถึงราคา ซึ่งเมื่อพวกเขาได้ยินราคาพวกเขาก็ไม่แม้แต่จะมอง ได้แต่รีบหันหลังกลับออกไปและสาปแช่ง

มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะเจอลูกค้าที่ไม่สนใจราคามากนัก แน่นอนว่าเขาคนนี้เป็นหนึ่งในนั้น

“เอ๊ะ อะไรน่ะ” ชายชุดสีดำพบเครื่องหมายสีดำขนาดเล็กบนหางของแมงป่องทราย แม้จะไม่ชัดเจน แต่จะเห็นได้ว่ามันเป็นคำเขียนว่า “ความมืด”

“นี่เป็นเครื่องหมายพิเศษโดยเจ้าของร้านของเรา” มู่เถากล่าว “เฉพาะสัตว์วิญญาณที่เขาฝึกฝนอย่างระมัดระวังเท่านั้นจึงจะมีตรานี้ได้”

ชายชุดสีดำขมวดคิ้ว

“ข้าว่าเจ้าของร้านของเจ้าไม่ธรรมดาซะแล้วสิ”

“ เขาคิดว่าเขาเป็นใคร ถึงกล้าทิ้งเครื่องหมายไว้บนสัตว์วิญญาณที่ฝึกไว้ จ้าวแห่งผู้ฝึกสัตว์ เครื่องหมายของเขานั้นหาได้ยากและมันก็ดูน่าเกลียดเกินไป”

มีผู้ปรับแต่งพลังวิญญาณเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะทิ้งตราของตนเองไว้บนสัตว์วิญญาณที่ตนฝึก

ตัวอย่างเช่น เฉินซังเทียน ผู้ปรับแต่งพลังวิญญาณคนแรกในราชวงศ์มังกรเร้นกายที่จะทิ้งตราอักษร “สวรรค์” ไว้บนสัตว์วิญญาณที่เขาฝึกฝนมาอย่างพิถีพิถัน

และตราอักษร “สวรรค์” เหล่านี้ก็เปรียบได้กับเครื่องรับประกันคุณภาพ ว่าสัตว์วิญญาณที่มีเครื่องหมายนี้จะเป็นสัตว์วิญญาณที่ทรงพลังวิญญาณในระดับเดียวกัน

เพียงแค่มีสัตว์วิญญาณที่มีตราอักษรเขียนว่า “สวรรค์” หลายคนก็สามารถอวดสัตว์วิญญาณของพวกเขาได้ตลอดชีวิต

มู่เถา ไม่กล้าตอบอะไรออกไป

ในความเป็นจริงแล้ว นั่นคือสิ่งที่เขาคิดเช่นกัน

เจ้าของร้านคนใหม่ค่อนข้างหยิ่งยโส

ซึ่งตอนนี้ ลั่วอู๋ก็ยังนั่งและดื่มชาอย่างสบาย ๆ

ในอนาคตอันไกลคงไม่มีใครเชื่อว่าเครื่องหมาย “ความมืด” ซึ่งจะถูกรู้จักกันในนามตราแห่งการอยู่ยงคงกระพันจะเคยถูกดูถูกอย่างเหยียดหยามอย่างน่าเกลียดเช่นนี้