ตอนที่ 8 คนไร้ค่าปะทะอัจฉริยะ

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

“แน่นอนว่าไม่ คนไร้ค่าอย่างเจ้า คิดว่าคู่ควรจะมาแข่งกับข้าอย่างนั้นหรือ ?”

มู่เฉียนซีตอบกลับเสียงเย็น ทุกคนที่ได้ฟังก็ได้แต่ถอนใจ แม้ยามนี้รูปโฉมและใบหน้าของท่านผู้นำตระกูลจะโดดเด่นมาก แต่คนไร้ค่าก็คือคนไร้ค่า คนไม่เอาไหนจะงามอย่างไรก็ยังเป็นคนไม่เอาไหนอยู่วันยังค่ำ

คุณหนูรองมู่หรูอวิ๋นเป็นถึงอัจฉริยะผู้โด่งดังแห่งแคว้นจื่อเยี่ย อายุเพียงสิบเจ็ดปีก็เป็นถึงผู้ฝึกยุทธ์ระดับห้าได้แล้ว ท่านผู้นำตระกูลที่แม้แต่จะฝึกยุทธ์ยังทำไม่ได้ เช่นนี้จะเทียบกับนางได้อย่างไร

มู่หรูอวิ๋นต่อรอง “วันนี้ข้าอยากเดิมพันกับซีเอ๋อร์ เพื่อท่านพี่หลี่เทียนของข้า”

มู่เฉียนซีเลิกคิ้วเล็กน้อย “เดิมพันหรือ ? ไหนลองว่ามาสิ”

“ข้าขอประลองกับผู้นำตระกูลมู่ หากเอาชนะข้าได้ ท่านพี่หลี่เทียนก็จะได้เห็นความสามารถของเจ้า และคงเต็มใจแต่งงานกับเจ้า แต่หากว่าข้าชนะ ขอให้ท่านผู้นำตระกูลมู่โปรดเลิกตามราวีท่านพี่หลี่เทียนของข้า และถอนหมั้นกับเขาเสีย”

ได้ฟังดังนั้น ซวนหยวนหลี่เทียนก็เอ่ยขึ้นอย่างปวดใจ

“อวิ๋นเอ๋อร์ เจ้าไม่เห็นต้องทำเช่นนี้เพื่อข้าเลย เดิมพันกับคนไร้ค่าเช่นนาง ต่อให้เจ้าชนะ แต่ชื่อเสียงเจ้าก็จะต้องแปดเปื้อน”

“เพื่อท่านแล้ว จะให้ทำอะไรข้าก็ยอมทั้งนั้น มีเพียงทำเช่นนี้จึงจะคืนอิสระให้แก่ท่านได้”

“อวิ๋นเอ๋อร์ เมื่อข้าแต่งเจ้าเข้าตระกูลแล้ว ข้าจะดีต่อเจ้าแน่นอน” ซวนหยวนหลี่เทียนเอ่ยคำรักมั่น

“ก็ดี แค่ประลองกันยกหนึ่ง ข้าจะตกลงก็แล้วกัน หากเจ้าชนะก็ให้เป็นไปตามใจเจ้า แต่หากข้าชนะ มู่หรูอวิ๋นเจ้าต้องรับปากกับข้าเรื่องหนึ่ง” มู่เฉียนซีต่อรอง

“ข้าตกลง” มู่หรูอวิ๋นตอบตกลงทันทีอย่างไม่ต้องคิด นางเชื่อว่าตนไม่มีทางพ่ายแพ้แน่นอน

“ที่นี่แคบเกินไป ออกไปสู้กันข้างนอกดีกว่า”

มู่เฉียนซีเดินนำไปยังลานกว้างด้านนอก ทุกคนต่างก็พากันมองตามแผ่นหลังของนางอย่างตกตะลึง แม้ผู้นำตระกูลมู่จะรอดตายมาได้อย่างประหลาด แต่สมองกลับมีปัญหาเสียอย่างนั้น ‘ผู้ที่ไม่สามารถบำเพ็ญตบะได้ ไม่อาจฝึกฝนวรยุทธ์ได้อย่างนาง คิดอยากจะประลองยุทธ์กับอัจฉริยะอย่างมู่หรูอวิ๋น… นั่นไม่เท่ากับหาเรื่องเจ็บตัวหรอกหรือ ?’

ณ ลานกว้างแห่งจวนสกุลมู่

มู่หรูอวิ๋นก้าวไปยืนประจันหน้ากับมู่เฉียนซีพร้อมเอ่ย “ข้าจะลงมือแล้ว ท่านผู้นำตระกูลโปรดระวัง”

ยังไม่ทันสิ้นเสียง กระบี่ยาวก็ถูกชักออกจากฝัก ร่างของมู่หรูอวิ๋นพุ่งเข้าใส่มู่เฉียนซีราวกับอสรพิษ ทว่ากระบวนท่าแรกที่นางใช้ออกไป กลับไม่อาจสัมผัสแม้ชายเสื้อของมู่เฉียนซีด้วยซ้ำ

ผู้คนต่างพากันขยี้ตา ‘นี่พวกเขาตาฝาดหรือ… จะเป็นไปได้อย่างไร ?’ ร่างกายของมู่เฉียนซีไม่มีพลังวิญญาณหรือพลังยุทธ์ไหลเวียนเลยสักนิด แต่กลับหลบหลีกเพลงกระบี่ของมู่หรูอวิ๋นได้

มู่หรูอวิ๋นทำหน้าราวกับเห็นผี นางคลุกคลีกับมู่เฉียนซีอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันมาเนิ่นนาน นางมีความสามารถมากน้อยเพียงใด มู่หรูอวิ๋นรู้ดียิ่งกว่าใครทั้งหมด

‘ความเร็วของนางพัฒนาถึงขั้นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ?’ กระบวนท่าของมู่หรูอวิ๋นเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นดุดันขึ้น วันนี้มู่เฉียนซีต้องตายสถานเดียว!

กระบวนท่าที่สอง

ที่สาม

ที่สี่…

มู่หรูอวิ๋นเหงื่อท่วมกาย แต่ไม่ว่าจะพยายามอย่างไม่คิดชีวิตเพียงใด ก็ไม่อาจทำให้มู่เฉียนซีได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย

ทุกคนในลานต่างปากอ้าตาค้าง ‘คนตรงหน้ายังเป็นผู้นำตระกูลผู้แสนไร้ค่าของพวกเขาจริงหรือ ?’

ดวงตาของมู่หรูอวิ๋นฉายแววเหี้ยมโหด พลังแห่งผู้ฝึกยุทธ์ระดับห้าระเบิดออก ผู้ถูกเรียกขานว่าคุณหนูรองตระกูลมู่เตรียมลงมือถึงชีวิต ทว่ายังไม่ทันที่นางจะได้งัดกระบวนท่าออกมาใช้ มู่เฉียนซีก็มาปรากฏตัวข้างกายของนางราวกับภูตผี มือคู่หนึ่งยื่นมาตรึงข้อมือของนางไว้และรัดแน่นราวคีมเหล็ก

“เจ้า… ปล่อยนะ…” เม็ดเหงื่อเย็น ๆ ผุดพรายออกมาเต็มใบหน้าของมู่หรูอวิ๋น นางร้องเสียงแหบพร่า

— กร๊อบ! —

มู่เฉียนซีเพียงบิดเบา ๆ กระดูกข้อมือบางของมู่หรูอวิ๋นก็พลันแตกละเอียด

“กรี๊ด~…”

มู่หรูอวิ๋นกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ใบหน้าซีดขาวราวกระดาษ ซวนหยวนหลี่เทียนได้ยินเสียงของสตรีผู้เป็นที่รักก็ปวดใจยิ่งนัก

บุรุษผู้มีบรรดาศักดิ์สูงส่งตะโกนลั่นด้วยความโกรธเกรี้ยว

“มู่เฉียนซีหยุดเดี๋ยวนี้นะ อวิ๋นเอ๋อร์แพ้แล้วเจ้ายังจะลงมือโหดร้ายเพียงนี้อีก เจ้าช่างอำมหิตเกินไปแล้ว”

มู่เฉียนซีตีสีหน้าใสซื่อ “หลี่อ๋องเข้าใจผิดแล้ว แท้จริงแล้วข้านั้นใจดีมีเมตตา คนที่ใจดำอำมหิตคือนางต่างหากเล่า”

ในทันทีที่มู่เฉียนซีคลายมือออก มีดสั้นอาบยาพิษที่ซ่อนไว้ในแขนเสื้อของมู่หรูอวิ๋นก็ปรากฏอยู่ในมือของนาง มู่หรูอวิ๋นง้างมือเตรียมปักมีดลงที่หัวใจของมู่เฉียนซีทันที

— กร๊อบ! —

มีดยังไม่ทันได้ปักเข้าเป้าหมาย มืออีกข้างของมู่หรูอวิ๋นก็ถูกมู่เฉียนซีคว้าไว้ได้ ก่อนจะบีบจนแตกละเอียดอย่างไม่ต้องพูดจากันให้มากความ

— เคร๊ง!–

มีดสั้นหล่นกระทบพื้น มู่เฉียนซีเผยยิ้มพลางเอ่ย

“เห็นหรือยังเล่า เป็นข้าต่างหากที่ใจดีมีเมตตา ลอบเล่นงานผู้อื่นทีเผลอเช่นนี้ ข้าทำไม่ลงหรอก”

ซวนหยวนหลี่เทียนรู้สึกตะลึงไปเล็กน้อย ‘อวิ๋นเอ๋อร์ผู้อ่อนโยนของเขาแอบลอบทำร้ายผู้อื่นอย่างนั้นหรือ ?’ แต่เมื่อเห็นใบหน้าอ่อนแรงไร้สีเลือดของนางในดวงใจแล้ว ซวนหยวนหลี่เทียนก็ออกโรงปกป้องนางทันที

“เฉียนซี หากไม่ใช่เพราะเจ้าโหดร้ายกับนางก่อน มีหรือที่อวิ๋นเอ๋อร์จะทำเช่นนี้”

มู่หรูอวิ๋นส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวดทรมาน  “ท่านพี่หลี่เทียน ช่วยข้าด้วย”

กระดูกข้อมือแตกละเอียด นางเจ็บปวดเกินจะทานทน ไม่รู้ว่ามู่เฉียนซีแอบไปร่ำเรียนวิชาร้ายกาจเช่นนี้มาจากที่ใด

เมื่อเห็นภาพชวนปวดใจ ซวนหยวนหลี่เทียนก็เอ่ยขึ้น “การประลองครั้งนี้เจ้าชนะแล้ว ข้าจะแต่งกับเจ้า รีบปล่อยอวิ๋นเอ๋อร์ได้แล้ว!”

เพียงมู่เฉียนซีสะบัดมือ ร่างของมู่หรูอวิ๋นก็ถูกนางสะบัดออกไปราวกับเป็นผ้าขี้ริ้ว

“อวิ๋นเอ๋อร์…”

ซวนหยวนหลี่เทียนรับร่างนั้นไว้อย่างระมัดระวังราวกับของมีค่า ก่อนจะตะโกนก้อง…

“รีบไปเชิญหมอมาเดี๋ยวนี้!”

มู่เฉียนซีเดินมาหยุดเบื้องหน้าชายโฉดหญิงชั่วที่กำลังโอบประคองกันอยู่ แล้วกล่าว

“ท่านหลี่อ๋อง สตรีไร้ค่านั่นข้าคืนให้ท่านแล้ว เรามาคุยเรื่องระหว่างเรากันดีกว่า”

ใบหน้างามล้ำอยู่ใกล้แค่เอื้อม แววตาร้ายกาจทรงเสน่ห์แฝงความเย้ายวนอยู่ในที นี่ทำเอาท่านอ๋องแห่งแคว้นจื่อเยี่ยเผลอมองอย่างใจลอยโดยไม่รู้ตัว

“คุยเรื่องระหว่างเรางั้นหรือ หากเจ้าอยากจะรีบแต่งกับข้าล่ะก็ เรื่องนี้ข้าจะลองพิจารณาดู”

“ท่านพี่หลี่เทียน…”

เมื่อเห็นว่าซวนหยวนหลี่เทียนเริ่มหลงเสน่ห์มู่เฉียนซีเข้าแล้ว มู่หรูอวิ๋นก็รีบฝืนสังขารร้องเรียกเขา

ด้วยภาพของสาวงามอ่อนแอน่าสงสารที่ปรากฏก็สามารถกระตุ้นจิตใจที่อยากจะปกป้องของซวนหยวนหลี่เทียนขึ้นได้ บุรุษผู้มียศเป็นอ๋องรับเอ่ยออกไป “หากเจ้าอยากจะแต่งกับข้า ก็ต้องให้อวิ๋นเอ๋อร์ตอบตกลงเสียก่อน ไม่เช่นนั้นก็ฝันไปเถิด!”

ทันทีที่ได้ยินถ้อยคำนั้น แววแห่งความลำพองใจก็สาดประกายในดวงตามู่หรูอวิ๋น  ‘หึ! มู่เฉียนซี ข้าไม่มีทางให้เจ้าได้สมหวังหรอก’

.