บทที่ 20 เนื้อตุ๋น

จางชุนเถาคิดไม่ถึงเลยว่าพี่สาวของตนจะเปลี่ยนไปมากขนาดนี้

ดูท่าแล้วการแต่งงานกับเจ้าของที่ดินเนี่ยก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร อย่างน้อยพี่สาวของนางก็ฉลาดขึ้น ไม่อย่างนั้นด้วยนิสัยของพี่นาง ไม่ว่าจะแต่งงานกับใครก็ต้องโดนรังแกเป็นแน่แท้

พอคิดมาถึงตรงนี้ จางชุนเถาก็มีรอยยิ้มอิ่มเอมใจขึ้นมา ในเวลานี้ จางชุนเถาดูเหมือนพี่สาวมากกว่าจางซิ่วเอ๋อเสียอีก

จางชุนเถากินเสร็จก็นำซาลาเปาออกไปส่ง

จางซิ่วเอ๋อกำชับแล้วกำชับอีกว่าให้ระวัง อย่าให้ใครเห็นทั้งนั้น ถ้าไม่เจอจางซานหยาจริง ๆ ก็กลับมาหานาง

แต่ใครจะรู้ว่าจางชุนเถาออกไปคราวนี้ ก็เจอจางซานหยาแบกหญ้าอาหารหมูอย่างหนักกำลังเดินทางกลับ…อะไรกัน นี่เพิ่งกลับเอาเวลานี้หรือเนี่ย?

จางชุนเถารีบหยุดจางซานหยาไว้ นางเอาของกินให้จางซานหยาแล้วช่วยขนของกลับด้วยกันกับจางซานหยา

ดีที่ท้องฟ้ามืดแล้ว มองจากที่ไกล ๆ ดูไม่ออกว่าใครเป็นใคร ไม่อย่างนั้นนางคงไม่กล้าช่วยแบบนี้หรอก

ที่จริงจางซิ่วเอ๋อตั้งใจส่งจางชุนเถาออกไป ไม่อย่างนั้นตอนนางเก็บข้าวเก็บของจางชุนเถาต้องไม่ยอมดูอยู่เฉย ๆ แน่

ส่วนเรื่องที่จะโดนแม่เฒ่าจางจับได้หรือไม่นั้น จางซิ่วเอ๋อไม่ค่อยกังวลเท่าไหร่ จางชุนเถาฉลาดจะตาย อีกอย่างฟ้าก็มืดแล้ว มองเห็นใครไม่ชัดนักหรอก ปกติแล้วเวลานี้ก็มีแต่คนบ้านสี่นี่แหละที่หาผักหาน้ำอยู่ข้างนอก

นางปูเตียงไว้อย่างเรียบร้อย ผ้าห่มผืนหนาปูไว้ด้านล่าง ผ้าห่มผืนบางปูไว้ด้านบน

ส่วนมุ้งกันยุงรอบเตียงนั้น นางยังไม่มีเงินซื้อในตอนนี้ เอาไว้ก่อนแล้วกัน

จากนั้นนางก็ตั้งหม้อบนเตา จางชุนเถาทำความสะอาดเตาไว้เรียบร้อยแล้ว และหากิ่งไม้แห้ง ๆ มาตั้งไว้ข้าง ๆ ด้วย

จางซิ่วเอ๋อเอาดินมาโปะรอบหม้อไว้และก่อไฟ

คืนนี้ท่าทางจะไม่ได้กินเนื้อแล้ว นางจึงเอาเนื้อหมูไว้ในถังไม้ และวางไว้ในบ่อน้ำ

กระดูกหมูนั้นเก็บยาก นางจึงตั้งใจจะต้มเลย

พอเก็บกวาดทุกอย่างเข้าที่เรียบร้อย จางชุนเถาก็กลับมา พอนางเข้ามาถึงในลานปุ๊บก็ถามขึ้นทันที “พี่ พี่ต้มอะไรเหรอ? หอมจัง”

วันนี้ตอนที่จางชุนเถาเก็บของ นางเจอตะเกียงน้ำมันตะเกียงหนึ่ง และเทียน 2 เล่ม แต่น่าเสียดายที่ในตะเกียงนั้นไร้น้ำมัน จึงได้แต่จุดเทียน

ในห้องสว่างขึ้นมามาก ทั้งในเตายังมีไฟสีแดงฉานลุกโชน

ถึงแม้อากาศจะเย็นนิดหน่อย แต่ในห้องก็อบอุ่นอย่างมาก

แสงไฟสาดส่องบนหน้าจางซิ่วเอ๋อ และอดคิดในใจไม่ได้ว่าชีวิตก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น

“ข้าต้มกระดูกไว้น่ะ แถมของแบบนี้ยังสุกยาก เอาหม้อต้มไว้ทั้งคืน พรุ่งนี้เช้าค่อยเพิ่มไฟอีกหน่อยก็น่าจะสุกแล้วล่ะ” จางซิ่วเอ๋อบอกยิ้ม ๆ

จางชุนเถาเลิกฝาไม้บนหม้อด้วยความน้ำลายสอ นางมองอย่างอยากกิน ก่อนจะสูดหายใจลึก

เมื่อก่อนนางไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะได้กินของดีขนาดนี้

คิดมาถึงตรงนี้ จางชุนเถาก็ตึงเครียดขึ้นมา “พี่ ตำลึงเราใช้จะหมดแล้วใช่ไหม?”

จางซิ่วเอ๋อหัวเราะแห้ง ๆ “ก็…ประมาณนั้นแหละ”

จางชุนเถามีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมา “แต่น่าเสียดาย เราสองคนเป็นผู้หญิง ไม่มีที่นา…เราต้องหาทางหาเงินเพิ่ม ไม่อย่างนั้นคงไม่มีเงินกินข้าวแน่”

คนในหมู่บ้านนี้ มีบ้านไหนที่ไม่กินของที่ตัวเองปลูกบ้าง น้อยนักที่จะออกไปซื้อของมากิน

ต่อให้ซื้อก็เป็นเพราะบ้านตัวเองไม่ได้ปลูกสิ่งนี้ จึงขายของที่ปลูกในบ้านตัวเองแล้วค่อยซื้ออย่างอื่น

ที่แม่เฒ่าจางเกลียดสามพี่น้องขนาดนี้ ก็เป็นเพราะสามพี่น้องเป็นผู้หญิง ในยุคสมัยนี้ผู้หญิงไม่สามารถมีที่นาได้

เห็นได้ชัดจากเรื่องนี้เลยว่า ในยุคสมัยนี้ผู้หญิงมีสถานะต่ำต้อยมาก

จางซิ่วเอ๋อเห็นท่าทางกลัดกลุ้มของจางชุนเถาที่อย่างกับยายแก่ก็อดพูดขึ้นไม่ได้ “ชุนเถา เจ้าไม่ต้องกังวลนะ ข้าจะหาทางหาเงินเอง”

เมื่อจางซิ่วเอ๋อพูดจบ ชุนเถาก็ถอนหายใจออด ไม่รู้ว่าฟังเข้าหูนางหรือเปล่า?

ตอนนี้จางซิ่วเอ๋อก็ไม่พูดอะไรมาก นางรู้ว่าตัวเองพูดมากไปก็เปล่าประโยชน์ เว้นแต่ว่าจะนำเงินกลับมาจริง ๆ จางชุนเถาถึงจะวางใจได้

ตกตอนกลางคืน พอมีผ้าห่มใหม่ทั้งสองก็นอนหลับกันสนิท

ถึงแม้จะยังมีลมพัดลอดหน้าต่างเข้ามา แต่ถึงอย่างไรนี่ก็หน้าร้อนแล้ว ตอนฝนไม่ตก ต่อให้หนาวสุด ๆ ก็ไม่ได้หนาวเท่าไหร่นัก

วันรุ่งขึ้นฟ้าเพิ่งเริ่มสว่าง จางซิ่วเอ๋อก็ตื่นขึ้นมา

ตอนนี้เวลามีจำกัดมาก นางไม่อยากปล่อยเสียไปเปล่า ๆ ถึงแม้แบบนี้จะเหนื่อยหน่อย แต่ก็ยังดีกว่าอีกหน่อยต้องอดตาย

จางซิ่วเอ๋อนำเลือดหมูกลับมา ซึ่งบ้านของลุงขายหมูอยู่แค่หมู่บ้านข้าง ๆ เท่านั้นตอนกลับมาฟ้าก็เพิ่งจะสว่าง

ตอนนี้มีคนเริ่มไปทำนาแล้ว ทุกคนยุ่งอยู่กับงานของตัวเอง ไม่มีใครสนใจจางซิ่วเอ๋อ

คนอย่างจางซิ่วเอ๋อ เมื่อก่อนก็คงเป็นคนไร้ตัวตนในหมู่บ้านนั่นแหละ

ตอนจางซิ่วเอ๋อกลับมา จางชุนเถาก็เพิ่งตื่นนอน

นางเริ่มทำงานบ้านแล้ว ความขยันของนางมักจะทำให้จางซิ่วเอ๋อรู้สึกอาย รู้สึกว่าตัวเองยังทำงานสู้เด็กอายุ 12-13 ปีคนนี้ไม่ได้เลย

“ตายแล้ว พี่เอาเลือดหมูพวกนี้มาทำไมเนี่ย?” จางชุนเถามองจางซิ่วเอ๋ออย่างตกใจ

จางซิ่วเอ๋อเอ่ยเสียงเบา “เอามากิน”

“ของนี่มีอาถรรพ์นะ กินไม่ได้” จางชุนเถาเอ่ยด้วยท่าทางตึงเครียด

จางซิ่วเอ๋อเห็นท่าก็รีบบอก “ข้าทำให้ของนี่อร่อยได้ เมื่อวานตอนข้าไปที่แคว้นก็เห็นมีพวกคนรวยซื้อมัน บอกว่าบำรุงดีมาก”

พูดมาถึงตรงนี้ จางซิ่วเอ๋อชะงักไปนิดหน่อย “ส่วนเรื่องอาถรรพ์ แม้แต่บ้านผีสิงพวกเรายังอยู่ได้แล้วจะกลัวอะไรอีก ไม่แน่อาจจะใช้พิษขับพิษได้ด้วย”

จางชุนเถามองเลือดหมูถังนั้นและเอ่ยขึ้น “อย่างนั้นข้าก็จะเชื่อพี่ แต่อย่าให้ใครรู้นะว่าเรากินไอ้นี่”

“รู้แล้วน่า ยายแก่เอ๊ย” จางซิ่วเอ๋อยื่นมือไปจิ้มหน้าผากจางชุนเถา

จางชุนเถามองจางซิ่วเอ๋อด้วยความเคืองทันที “พี่สิยายแก่ พี่เป็นพี่ข้านะ แก่กว่าข้า”

สองพี่น้องหยอกล้อกัน จนจางซิ่วเอ๋อเหมือนตกอยู่ในภวังค์ อย่างกับนางก็คือจางซิ่วเอ๋อที่เกิดในยุคโบราณ มีน้องสาวที่น่าเอ็นดู

บางที นางอาจจะเริ่มชินกับชีวิตที่นี่แล้วก็ได้

จางซิ่วเอ๋อตักเอากระดูกขึ้นจากหม้อ ให้จางชุนเถาเขี่ยเนื้อออก ส่วนนางเองก็ตักน้ำมันที่ลอยอยู่บนซุปออกมาและใช้ซุปกระดูกนี้ทำเต้าหู้เลือด

แต่น่าเสียดายที่ทำไส้กรอกเลือดไม่ได้ ได้แต่กินแบบนี้ไปก่อน

หลังจากทำเต้าหู้เลือดเสร็จ จางซิ่วเอ๋อชิมไปชิ้นหนึ่ง ถือว่านุ่มอยู่ รสชาติก็ดี

ถ้ามีผักกาดดองก็คงทำอาหารตะวันออกเฉียงเหนือที่คนชอบกินที่สุดได้

แม่ของจางซิ่วเอ๋อในยุคปัจจุบันเป็นสาวตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนพ่อเป็นหนุ่มใต้ นางจึงชอบกินไปเสียทุกอย่าง