บทที่ 14 ข้าเป็นองค์ชาย มาเป็นพ่อครัวประจำตัวข้าสิ!

ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD

ทันทีที่นายน้อยสามเอาข้าวผัดไข่ช้อนแรกเข้าปาก รสชาติเข้มข้นก็พลันเข้าโอบล้อมต่อมรับรสของเขา ชายหนุ่มรู้สึกราวกับว่าข้าวไข่มุกนั้นกำลังกระเด้งกระดอนในปาก กลิ่นของข้าวที่ผสมกับไข่เปรียบเสมือนเมฆหมอกที่โอบล้อมร่างของเขาไว้ ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกราวกับกำลังลอยล่องอยู่ในทะเลของกลิ่นหอมหวนชวนฝัน

นายน้อยสามตื่นตะลึงเป็นอย่างมาก เนื่องจากไม่เคยกินข้าวผัดไข่ที่อร่อยถึงเพียงนี้มาก่อน เขาเชื่อแล้วว่าเซียวเสี่ยวหลงพูดจริง ที่ว่าพ่อครัวประจำตระกูลเขายังทำข้าวผัดไข่ได้ไม่อร่อยถึงเพียงนี้

หลังจากที่กลืนคำแรกลงท้องไปเรียบร้อย ช้อนที่สองก็ตามมาทันที สิ่งเดียวที่เขาคิดคือต้องกินอาหารรสเลิศตรงหน้านี้ให้หมดเกลี้ยง การให้เกียรติพ่อครัวที่อุตสาหะทำอาหารที่ดีที่สุด คือการดื่มด่ำกับรสชาติอาหารจานนั้นให้เต็มที่

เซียวเสี่ยวหลงมองภาพตรงหน้าด้วยความอิจฉา ความหิวพุ่งขึ้นมาเป็นริ้วๆ กลิ่นหอมของข้าวผัดไข่ช่างเหนือจินตนาการจริงๆ กลิ่นนั้นรวมอัดกันเป็นก้อน ก่อนจะระเบิดออกมาในคราวเดียว

ปู้ฟางมองนายน้อยสามกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อยด้วยดวงตาตายด้าน มุมปากข้างหนึ่งกระดกขึ้นเป็นรอยยิ้ม ไม่ว่าคนคนนั้นจะเป็นใครก็ไม่สำคัญเมื่ออยู่ต่อหน้าอาหารอร่อย แม้แต่จักรพรรดิเองยังต้องยอมสยบให้อาหารเลิศรส ปู้ฟางไม่รู้ว่านายน้อยสามเป็นใคร และไม่ได้มีความสนใจที่จะรู้ด้วยซ้ำ ในตอนนี้เขาคิดเพียงว่านายน้อยสามเป็นลูกค้าของเขาเท่านั้น

ไม่นานนักปู้ฟางก็กลับเข้าครัวไปอีกครั้ง เขาหยิบแป้งออกมานวด ก่อนดึงให้เป็นเส้นยาวแล้วแช่ลงในน้ำร้อน ชายหนุ่มนำเส้นที่ต้มสุกแล้วไปใส่ในชามที่มีเครื่องปรุงรสเตรียมไว้คอยท่า จากนั้นก็ใช้ตะเกียบคลุกเคล้าเครื่องปรุงให้เข้าเนื้อเส้นบะหมี่ เพียงเท่านี้บะหมี่แห้งคลุกก็เป็นอันเสร็จสมบูรณ์

หลังจากที่ทำบะหมี่แห้งคลุกเสร็จเรียบร้อย ปู้ฟางก็ยังไม่นำออกไปทันที แต่หยิบผักมากมายหลายชนิดออกมาจากช่องเย็น

ผักนี้มีสีเขียวน้ำทะเล ใบมันเงาเขียวขจี สดเสียจนบนใบมีหยดน้ำที่ยังไม่เหือดแห้งไปเกาะอยู่ หยดน้ำเหล่านี้สะท้อนล้อกับแสงจนเกิดเป็นไออุ่นออกมา

“นี่คือต้นหลิงม่วงที่เก็บมาจากบริเวณตอนกลางของเทือกเขาเทียนตั๋ง พืชชนิดนี้ได้รับแสงอาทิตย์เป็นประจำทุกวันวันละหนึ่งชั่วยามครึ่ง ทั้งยังได้รับความชุ่มชื้นจากฝนบนยอดเขาทุกวันวันละครึ่งชั่วยามด้วย ดินก็ได้รับน้ำจากแอ่งทะเลสาบเทือกเขาเทียนตั๋ง และเพื่อรักษาความสดใหม่กับสารอาหารให้ครบถ้วนเสมอ จะต้องเก็บเกี่ยวตอนเช้าตรู่ ยามที่น้ำค้างยังไม่ก่อตัวขึ้นเท่านั้น”

ระบบอธิบายคุณสมบัติของผักให้ปู้ฟางฟังทันที เขาตกใจกับความยิ่งใหญ่อลังการของผักตรงหน้ามาก ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดผัดผักจึงมีราคาเป็นร้อยเหรียญทองได้

เทือกเขาเทียนตั๋งเป็นเทือกเขาที่มีชื่อเสียงโด่งดังของทวีปมังกรซ่อนเร้น บนยอดเขาเป็นแอ่งทะเลสาบ น้ำในทะเลสาบเป็นศูนย์รวมพลังปราณเข้มข้นจากทั่วโลก หากใครได้ดื่มน้ำดังกล่าวเข้าไปแล้วละก็ เส้นปราณในร่างกายจะได้รับการบำรุงอย่างล้ำลึก จนทำให้ระดับพลังปราณเพิ่มขึ้นได้

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ปู้ฟางทำอาหารจานนี้ ฝีมือของเขาในการทำผัดผักจัดได้ว่าอยู่ในขั้นเซียน เนื่องจากฝึกปรือมานับครั้งไม่ถ้วน

ปู้ฟางนำผักออกจากกระทะมาจัดใส่จาน ผักนั้นมีหน้าตาเหมือนก่อนที่เขาจะเริ่มประกอบอาหารไม่ผิดเพี้ยน ดูราวกับว่าไม่ได้นำไปผัดเลยแม้แต่น้อย

ความจริงที่เกิดขึ้นก็คือ ปู้ฟางใช้กรรมวิธีการควบคุมความร้อนที่พิถีพิถันเพื่อรักษาความชุ่มชื้นภายในผักให้คงเดิมไว้ได้

เขานำทั้งบะหมี่แห้งคลุกและผัดผักออกจากครัวมาวางลงตรงหน้าเซียวเสี่ยวหลง

“บะหมี่แห้งคลุกกับผัดผักที่สั่งได้แล้ว กินให้อร่อย” ปู้ฟางพูดหน้าตาย

ดวงตาของเซียวเสี่ยวหลงเป็นประกายขึ้นทันที เขารีบหยิบบะหมี่แห้งคลุกขึ้นมากิน ชายหนุ่มทนความหิวมานานแสนนานตั้งแต่เห็นนายน้อยสามกินให้ดูตรงหน้าแล้ว

กว่าเซียวเสี่ยวหลงจะได้เริ่มกิน นายน้อยสามก็กินเสร็จเรียบร้อยแล้ว ปริมาณของข้าวผัดไข่จัดว่าน้อยไป มันจึงหมดลงอย่างรวดเร็ว แต่แม้ปริมาณจะน้อย คุณภาพกลับไม่ได้น้อยตามลงไปเลย!

“อร่อยมาก!” นายน้อยสามพยายามต่อต้านความต้องการที่จะเลียชามให้สะอาดหลังกินเสร็จ แล้วหันไปยกนิ้วโป้งให้ปู้ฟาง

“เถ้าแก่ ข้าวผัดไข่ของเจ้าอร่อยเลิศจริงๆ ข้ามั่นใจว่าวัตถุดิบต้องไม่ธรรมดาแน่ ข้ารู้สึกได้ถึงพลังปราณที่ข้าวผัดไข่ชามนี้ส่งออกมา ขณะกินอยู่ข้ายังรับรู้ได้ด้วยว่าระดับพลังปราณเที่ยงแท้ในกายข้าเพิ่มสูงขึ้น แม้จะไม่มากแต่ก็เกิดขึ้นได้ยากนักกับระดับขั้นปราณของข้า”

นายน้อยสามออกปากชม แม้แต่ผู้ฝึกตนระดับห้าขั้นราชันยุทธการอย่างเขายังมีพลังปราณเพิ่มขึ้นเล็กน้อยหลังจากกินเสร็จ แปลว่าข้าวผัดไข่ชามนี้จะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน

“หากข้าเดาไม่ผิด ไข่นี้ต้องเป็นไข่จากอสูรเวทระดับห้า ลูกอินทรีทะเลลึกเป็นแน่!”

ปู้ฟางมองนายน้อยสามด้วยความประหลาดใจ ชายหนุ่มไม่ได้คาดคิดว่าชายตรงหน้าจะเดาที่มาของไข่ที่เขาใช้ถูก

“ข้าวผัดไข่สูตรปรับปรุงนั้นใช้ไข่ฟองแรกของอสูรเวทระดับห้าลูกอินทรีทะเลลึก ไข่นี้มีพลังปราณเข้มข้นมากด้วยพลังปราณสมุทรจากทะเลลึกที่หล่อเลี้ยงอสูรใต้ทะเล ข้าวที่ใช้คือข้าวหลวงอู๋ฉางจากดินแดนรกร้างปักษ์ใต้ ข้าวนี้มีเมล็ดอ้วนหนา อัดแน่นไปด้วยสารอาหารมากมาย และยังเป็นเครื่องบรรณาการแก่จักรพรรดิอีกด้วย”

“ข้าว่าแล้วเชียว” นายน้อยสามคิด รอยยิ้มอ่อนโยนปรากฏขึ้นบนใบหน้า เขาเดาถูกจริงๆ เสียด้วยว่าไข่นั้นเป็นไข่ของอสูรเวทระดับห้าลูกอินทรีทะเลลึก นายน้อยสามเคยกินไข่ชนิดนี้มาก่อน แต่ไม่ใช่แบบที่เอามาประกอบเป็นข้าวผัดไข่ อาหารที่เขากินคราวนั้นคือไข่เจียว แต่รสชาติที่อร่อยเข้มข้นก็น่าเหลือเชื่อยิ่งนัก

นายน้อยสามไม่ได้สนใจข้าวแต่อย่างใด เนื่องจากคุ้นเคยกับข้าวชนิดนี้เป็นอย่างดี เขาหันไปเห็นผัดผักที่เซียวเสี่ยวหลงสั่งมา และจำได้ทันทีว่าราคาจานละร้อยเหรียญทอง

ราคานั้นจัดว่าแพงเลยทีเดียว เขาจึงเริ่มสงสัยว่าผัดผักจานนี้มีสิ่งใดพิเศษกันแน่

“ผัดผักจานนี้มีอะไรพิเศษกว่าปกติหรือไม่” นายน้อยสามถามด้วยความใคร่รู้

“ผักที่ใช้คือต้นหลิงม่วงที่เก็บมาจากบริเวณตอนกลางของเทือกเขาเทียนตั๋ง การเก็บเกี่ยวต้องทำตอนเช้าตรู่เพื่อรักษาระดับพลังปราณในผักให้คงเดิม” ปู้ฟางเอ่ยตอบ

เมื่อนายน้อยสามรู้ว่าผักในผัดผักจานนี้คือต้นหลิงม่วง ก็เข้าใจทันทีว่าเหตุใดราคาถึงสูงเพียงนี้

ต้นหลิงม่วงเป็นผักราคาแพงจับใจที่เจริญงอกงามในเงื่อนไขภูมิประเทศและภูมิอากาศที่เฉพาะเจาะจงอย่างยิ่ง จัดว่าเป็นวัตถุดิบที่ยอดเยี่ยม อัดแน่นด้วยสารอาหารและช่วยบำรุงเส้นปราณในร่างกาย

หากเป็นต้นหลิงม่วงแล้วละก็ หนึ่งร้อยเหรียญทองจัดเป็นราคาที่ย่อมเยาเสียด้วยซ้ำ

“มันยอดเยี่ยมถึงเพียงนั้นเชียวรึ” เซียวเสี่ยวหลงปากมันด้วยน้ำมันจากบะหมี่ เมื่อได้ยินบทสนทนาระหว่างปู้ฟางและนายน้อยสาม ดวงตาของเขาก็เป็นประกายวาบ ชายหนุ่มพูดพึมพำกับตนเอง

ชายหนุ่มหน้าสวยกลืนบะหมี่ที่เหลืออยู่ในปากลงท้อง ก่อนใช้ตะเกียบคีบต้นหลิงม่วงที่มันเงาหน้าตาเหมือนยังไม่สุกขึ้นมา

“นี่สุกแล้วหรือ” เซียวเสี่ยวหลงถามด้วยสีหน้าเคลือบแคลง

เขามั่นใจว่าผักนี้ถูกปรุงสุกแล้วหลังจากที่ลองดมดู แล้วพบว่ามีกลิ่นเครื่องปรุงโชยออกมา

เซียวเสี่ยวหลงเอาผักเข้าปาก เสียงกัดกรอบกร้วมดังออกมาทันทีที่เขาขบฟันลงไป ดวงตาของชายหนุ่มเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ รู้สึกได้ถึงสายน้ำไหลเย็นที่ไหลเวียนอยู่ภายในปาก รสชาติของสายน้ำที่หวานอ่อนๆ เข้าเกาะกุมต่อมรับรสของเขาทันที และมอบความรู้สึกสดชื่นสบายให้ชายหนุ่ม สายน้ำไหลลงลำคอของเขาเข้าไปในบริเวณช่องท้อง จากนั้นก็กระจายตัวไปยังแขนขาทั้งสองข้าง ความรู้สึกนั้นสุขล้ำเกินบรรยาย ราวกับมีสาวงามมากมายนับไม่ถ้วนกำลังนวดเฟ้นร่างกายของเขาด้วยมือนุ่มนิ่ม

 “นี่มันผักจริงๆ รึ” เซียวเสี่ยวหลงตกใจเป็นอันมาก นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาเคยกินผัดผักเช่นนี้ ชายหนุ่มถึงกับบรรยายความรู้สึกออกมาไม่ถูกเลยทีเดียว

“ผัดผักจานนี้ถือเป็นจานที่ทดสอบฝีมือของพ่อครัวอย่างแท้จริง ผักต้องยังครบถ้วนทั้งความชุ่มน้ำและสารอาหาร พ่อครัวที่จะปรุงจานเช่นนี้ออกมาได้ต้องมีความเชี่ยวชาญทั้งการควบคุมความร้อน และการกะเวลาที่พอดิบพอดีไม่ขาดไม่เกิน” นายน้อยสามอธิบาย ก่อนกลืนน้ำลายรับคำพูดตนเอง

ปู้ฟางพยักหน้ารับ นายน้อยสามพูดถูกต้องทุกประการ ผัดผักจานนี้คือจานที่ต้องใช้ทักษะการประกอบอาหารมากที่สุดจากทั้งสี่รายการที่ร้านนี้ขาย

“ข้าขอรู้ชื่อแซ่ของเจ้าได้หรือไม่” นายน้อยสามลุกขึ้นยืนแล้วยิ้มให้ปู้ฟางอย่างอ่อนโยน

“ข้าแซ่ปู้ ชื่อตัวคือฟาง” ปู้ฟางตกใจ ก่อนเอ่ยตอบห้วนๆ ตรงไปตรงมา

“เถ้าแก่ปู้นี่เอง ข้าประทับใจความสามารถในการประกอบอาหารของเจ้ามาก ข้าจะพูดตรงๆ กับเจ้าเลยก็แล้วกัน ข้ามีนามว่าจีเฉิงเสวี่ย องค์ชายสามแห่งจักรวรรดิวายุแผ่ว” นายน้อยสามพูดพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน ความมั่นใจในตนเองของราชวงศ์แผ่ไอออกจากร่างกาย

เซียวเสี่ยวหลงตกใจ “จู่ๆ นายน้อยก็เปิดเผยตัวตน เป็นเพราะเหตุใดกัน”

“อ๋อ” ปู้ฟางมองจีเฉิงเสวี่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ไอ้หมอนี่เป็นองค์ชาย องค์ชายนี่… เป็นอะไรที่น่าประทับใจใช่ไหมนะ”

เมื่อจีเฉิงเสวี่ยเห็นว่าปู้ฟางไม่ตกใจกับสถานะของตน ก็พลันประหลาดใจเล็กน้อย

“เถ้าแก่ปู้อยากมาเป็นพ่อครัวประจำตัวของข้าหรือไม่ วางใจได้เลยว่าเงินเดือนของเจ้าพอกินพอใช้แน่นอน เดือนละร้อยผลึกเป็นอย่างไร” จีเฉิงเสวี่ยพูดด้วยรอยยิ้ม เขามั่นใจมากว่าปู้ฟางจะไม่ปฏิเสธข้อเสนอนี้แน่

การได้มาเป็นพ่อครัวประจำตัวขององค์ชายนั้นเป็นความใฝ่ฝันของพ่อครัวมากมายหลายคนในจักรวรรดิ เนื่องจากเป็นโอกาสงามที่จะได้ทั้งชื่อเสียงและหน้าตา

ยิ่งไปกว่านั้น เงินเดือนเดือนละร้อยผลึกยังจัดว่ามากกว่าพ่อครัวหลวงเสียอีก

เซียวเสี่ยวหลงชะงักทันทีกับการกระทำที่ไร้จริยธรรมของนายน้อยสาม นายน้อยพยายามจะดึงปู้ฟางไปทำงานด้วยรึ แล้วเขาจะไปหาข้าวผัดไข่ที่ทั้งอร่อยและช่วยเพิ่มพลังปราณให้จากที่ใดอีกกันเล่า!

“เถ้าแก่ปู้ ตั้งสติเอาไว้! อย่ายอมสยบให้กับความโลภของตนเองเชียวนะ!” เซียวเสี่ยวหลงตะโกนก้องในใจ

ปู้ฟางมององค์ชายสามจีเฉิงเสวี่ยผู้มั่นใจในตนเองด้วยใบหน้าเรียบเฉย  ส่วนองค์ชายจีเฉิงเสวี่ยนั้นก็กำลังจ้องเขากลับด้วยความคาดหวัง

“อ๋อ… อยากได้ข้าไปเป็นพ่อครัวประจำตัวรึ”

“ถูกต้องแล้ว!”

“ขออภัยนะ แต่เจ้าคุณสมบัติไม่พอ”

ปู้ฟางตอบกลับสายตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวังของจีเฉิงเสวี่ย

…………………………….