บทที่ 9 มดแมลงหาที่ตาย

“มดแมลง…อย่างแก….กล้าดียัง…ไงถึงได้…มาส่งเสียงดัง…ต่อหน้าเทพผู้…นี้”

ถึงแม้ว่าถวนถวนจะยังคงเด็กอยู่ แต่เธอก็พอจะรู้ความว่าคำพูดไหนเป็นคำพูดที่หยาบคายคำพูดไหนเป็นคำพูดที่สุภาพ แต่เมื่อเธอเห็นสีหน้าที่จริงจังของพ่อเธอ ถึงแม้ว่าคำพูดที่พ่อของเธอสอนมันจะไม่สุภาพมาก ๆ เธอก็ยังเอ่ยออกมาเพื่อไม่ทำให้พ่อของเธอผิดหวัง

“ยอดมาก! ต้องแบบนี้สิถึงจะสมกับเป็นลูกสาวของอวี้ฮ่าวหรานผู้นี้ ฮ่าฮ่าฮ่า!” อวี้ฮ่าวหรานพูดขึ้นเสียงดังพร้อมกับลูบหัวถวนถวนอย่างชื่นชม

นี่ผู้ชายคนนี้เป็นบ้าอะไรของเขา!?

ครูหวางรู้สึกตกตะลึงจนพูดไม่ออก เธอไม่เข้าใจเลยว่าพ่อที่ไหนจะสอนให้ลูกพูดจาแบบนี้กัน?

ในทางกลับกัน หลิวเทียนอี้ก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาเช่นกัน เขาหันไปพูดกับลูกชายของตัวเองว่า “ฮ่าฮ่า เห็นไหมลูกพ่อ ต่อไปนี้ลูกต้องเอาแบบอย่างคนที่มีฐานะแบบพ่อเท่านั้น อย่าไปเอาแบบอย่างไอ้พวกคนจน ๆ ที่ไม่มีเงินจนสมองเพี้ยนแบบนี้เด็ดขาด นับจากนี้ลูกอย่าไปเข้าใกล้เด็กผู้หญิงคนนี้อีกเข้าใจไหม?”

ในระหว่างที่พูดหลิวเทียนอี้มองไปที่อวี้ฮ่าวหราน และถวนถวนอยู่ตลอดเวลาด้วยสายตาดูถูก

“จริงด้วยพ่อ คนพวกนี้อยู่คนละระดับกับพวกเราจริง ๆ เป็นพวกคนที่ผมไม่ควรคุยด้วยเลย!”

หลิวหลูพูดขึ้นพลางชี้นิ้วเล็ก ๆ ไปที่อวี้ฮ่าวหราน และถวนถวน น้ำเสียงของเขานั้นดูเป็นธรรมชาติมากราวกับว่าเขาเป็นฝ่ายที่พูดถูก

“เอาล่ะ ถวนถวนปล่อยพ่อสักเดี๋ยว เดี๋ยวพ่อขอเวลาแป๊บหนึ่งสั่งสอนไอ้พวกมดแมลงพวกนี้หน่อย เพื่อที่ในอนาคตพวกมันจะได้ไม่กล้าส่งเสียงดังต่อหน้าพวกเราอีก!”

ในทันทีที่อวี้ฮ่าวหรานพูดจบ เสียงของหมัดและแข้งก็ดังขึ้นรัวในห้องพักครู

“เพี้ยะ!”

“ผลั่ก!”

“ตู้ม!”

เสียงรัวดังติดต่อกัน และท้ายที่สุดร่างของหลิวเทียนอี้ก็ลอยไปกระแทกกับกำแพงห้องพักครูอย่างจัง และร่วงลงมาบนพื้นทับข้าวของจนกระเด็นระเนระนาด

เมื่อเสร็จกิจอวี้ฮ่าวหรานเดินกลับมาหาถวนถวนด้วยสีหน้าอ่อนโยน และค่อย ๆ อุ้มเทพธิดาตัวน้อยของเขาขึ้นมาแนบอกอย่างนุ่มนวล

“เอาล่ะเสร็จแล้ว ตอนนี้ได้เวลาที่เราจะกลับบ้านไปกินข้าวที่น้าของลูกเตรียมเอาไว้แล้ว หนูรู้ไหมว่าวันนี้มีแต่ของโปรดของหนูทั้งนั้นเลยน้า ฮ่าฮ่า”

ในทางกลับกัน ถวนถวนที่ยังเป็นเด็กตัวเล็ก ๆ อยู่เธอน่าจะตื่นกลัวกับภาพความรุนแรงที่เกิดเมื่อครู่แท้ ๆ แต่ตอนนี้เธอกลับหัวเราะชอบใจพลางเลียนแบบท่าทางการออกหมัดของอวี้ฮ่าวหรานเมื่อสักครู่ด้วยสีหน้าตื่นเต้น

“พ่อเก่งที่สุดเลย ในอนาคตหนูต้องเก่งเท่าพ่อให้ได้คอยดู ย่าห์!”

เมื่อได้ยินเช่นนี้อวี้ฮ่าวหรานก็หอมลูกสาวของเขาฟอดใหญ่ด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข จากนั้นเขาก็หันกลับไปหาครูหวางที่กำลังแสดงสีหน้าตื่นตระหนก “ครูหวาง ผมขอบอกเอาไว้เลยว่านับจากนี้คุณควรจะเตือนนักเรียนทุกคนให้ดี อย่าให้ใครมาแกล้งลูกสาวของผมอีกเป็นอันขาด!”

เมื่อพูดจบอวี้ฮ่าวหรานก็เดินออกจากห้องพักครูไปอย่างใจเย็นพร้อมกับหยอกล้อลูกสาวของตัวเองไปด้วย

ครูหวางในเวลานี้รู้สึกกลัวจนทำอะไรไม่ถูกกับภาพที่เห็นเมื่อครู่ ผู้ชายคนนั้นเป็นมนุษย์หรือเปล่า?

ทางด้านของหลิวหลูตอนนี้ลงไปนั่งอยู่กับพื้นด้วยอาการหน้าซีดและสั่นงันงก เด็กน้อยคนนี้กลัวจนร้องไห้ไม่ออก ก่อนหน้านี้เขาเคยมองว่าพ่อของเขาเก่งกาจเปรียบได้ดั่งกับเทพพระเจ้า แต่ตอนนี้มันกลับกลายเป็นว่าพ่อของเขาโดนอัดซะเละ ซึ่งมันคงจะเป็นแผลในใจของเขาไปจนชั่วชีวิตแน่นอนสำหรับเหตุการณ์ครั้งนี้

หลิวเทียนอี้ค่อย ๆ ยันกายขึ้นมานั่งพร้อมกับครวญครางด้วยความเจ็บปวด เขาค่อย ๆ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอย่างยากลำบากและต่อสายออกไป

“ฮัลโหล…พี่เปียวหรือเปล่า?…อ่า อูยย..นะ นี่ผมเอง หลิวเทียนอี้…เผอิญว่าผมเกิดเรื่อง…อ่า…ที่โรงเรียนอนุบาลแอปเปิ้ลแดง…อ่าใช่ ๆ อะ โอย…เป็นคู่พ่อกับลูกสาว ใช่ผมแซ่หลิว…”

ตัดกลับมาทางด้านของอวี้ฮ่าวหราน

ตอนนี้อวี้ฮ่าวหรานกำลังอุ้มลูกของเขาเดินกลับไปที่คอนโด ซึ่งอันที่จริงแล้วคอนโดของเขาอยู่ห่างจากโรงเรียนอนุบาลไปเพียงแค่ 10 นาทีหากนับเป็นเวลาเดิน

“ถวนถวน พ่อไม่อนุญาตให้ลูกทะเลาะกับเพื่อนร่วมชั้นอีกในอนาคตลูกเข้าใจไหม?” อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง

“ตะ…แต่…หลิวหลู..บอกว่า…พ่อ…” ถวนถวนก้มหน้าพูดขึ้นตะกุกตะกักด้วยน้ำเสียงขมขื่น เธอไม่กล้าเถียงออกมาเสียงดังเพราะกลัวว่าพ่อของเธอจะหายไปอีกหากเธอพูดไม่เข้าหู

อย่างไรก็ตามในใจของเธอรู้สึกไม่ยินยอมเป็นอย่างมาก หากเป็นเมื่อก่อนเธอคงจะอดกลั้นกับคำล้อเลียนของเพื่อนร่วมชั้นที่บอกว่าเธอไม่มีพ่อแม่เพราะไม่อยากให้หลี่หรงเดือดร้อน

แต่ตอนนี้พ่อของเธอกลับมาแล้ว เธอรู้สึกยอมไม่ได้จริง ๆ กับการที่เพื่อนร่วมชั้นของเธอมาบอกว่าเธอไม่มีพ่อ!

อวี้ฮ่าวหรานสัมผัสได้ถึงอารมณ์ที่ขุ่นมัวของลูกสาวเขาเช่นกัน เขาลูบหัวเธอเบา ๆ และพูดอย่างอ่อนโยนว่า “พ่อไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น ที่พ่อต้องการจะบอกลูกก็คือลูกไม่ควรไปหาเรื่องใครก่อน แต่ถ้าหากลูกเป็นฝ่ายโดนรังแกลูกสามารถอัดไอ้คนผู้นั้นให้หมอบลงแทบเท้าลูกได้ทันทีเลย ลูกเข้าใจไหม?”

เขาคือผู้ที่ปกครองสวรรค์ชั้น 33 มาก่อน ในตอนนั้นมันไม่มีใครสักคนที่กล้าหายใจแรงเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา ไม่ต้องพูดถึงเรื่องมาล่วงเกินคนใกล้ชิดของเขา ฉะนั้นในตอนนี้หากมีใครกล้ามาทำให้ลูกสาวของเขาร้องไห้อีก คนผู้นั้นมันก็สมควรที่จะถูกอัดจนจมดิน

แต่แล้วในระหว่างที่คู่พ่อลูกกำลังพูดคุยกันอยู่จู่ ๆ เสียงเบรกของรถก็ดังลั่นขึ้นไม่ห่างจากพวกเขานัก

เอี๊ยดดดดด….

หลังจากเสียงเบรกสิ้นสุดลง ผู้ชายร่างกำยำ 5 คนก็กรูกันออกมาจากรถ suv หรูสีดำ

ชายใส่แว่นดำที่เหมือนจะเป็นผู้นำกลุ่มเดินเข้ามาหาอวี้ฮ่าวหรานด้วยสีหน้าดุดัน และตะคอกถามขึ้นเสียงดัง “แกคือ อวี้ฮ่าวหรานใช่ไหม?”

“ถูกต้อง พวกแกมีอะไร?” อวี้ฮ่าวหรานขมวดคิ้วและตอบกลับไป

“ดีเลย ฉันกำลังอยากหักแขนแกอยู่พอดี!”

ทันทีที่ผู้นำกลุ่มเอ่ยจบ ลิ่วล้ออีก 4 คนก็วิ่งเข้ามาล้อมอวี้ฮ่าวหรานเอาไว้

มันไม่เหมือนกับในละครทีวีที่พวกตัวร้ายจะต้องพูดจาอารัมภบทมากมาย ลิ่วล้อทั้ง 4 เมื่อได้ยินว่านี่คือคนที่พวกมันตามหาอยู่พวกมันก็กระโจนเข้าใส่อวี้ฮ่าวหรานทันที โดยไม่สนใจเลยว่าเป้าหมายของพวกมันจะอุ้มเด็กอยู่หรือไม่

พวกมันไม่สนใจอะไรอยู่แล้วเพราะงานแบบนี้พวกมันเคยทำมาก่อนบ่อยครั้ง หากทั้งพ่อทั้งลูกตายขึ้นมาจริง ๆ เดี๋ยวมันก็จะมีคนมาเก็บกวาดให้พวกมันเองเหมือนที่แล้ว ๆ มา

“เดี๋ยวก่อน! ขอเวลาเดี๋ยว!” อวี้ฮ่าวหรานตะโกนกลับทันที

เมื่อได้ยินอวี้ฮ่าวหรานตะโกนขึ้น ผู้นำกลุ่มนักเลงยกมือขึ้นเป็นสัญญาณให้ลูกน้องของตัวเองหยุดก่อน และตอบอวี้ฮ่าวหราน “ว่าไปไอ้ตัวปัญหา”

อวี้ฮ่าวหรานยิ้ม จากนั้นเขาหันไปหาถวนถวน และถามขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ถวนถวน ลูกจำได้ไหมว่าในโรงเรียนพ่อสอนประโยคอะไรให้ลูก? ไหนลูกลองพูดมันออกมาอีกรอบตอนนี้ได้ไหม?”

เมื่อได้ยินคำถามของพ่อเธอแบบนี้ ถวนถวนก็มองไปที่พวกนักเลงอยู่แวบหนึ่งด้วยสีหน้าหวาดกลัว ก่อนจะหันกลับมาตอบพ่อของเธออย่างตะกุกตะกักว่า

“มะ…มดแมลง…อย่างแกกล้าดียังไงถึงได้มาส่งเสียงดัง…ต่อหน้าเทพผู้นี้?”

แต่แล้วเมื่อพูดจบถวนถวนก็มองไปที่บรรดานักเลงที่ล้อมรอบอยู่อีกรอบ ซึ่งพวกนักเลงก็แสดงสีหน้าน่ากลัวกว่าเดิม แน่นอนว่ามันทำให้เธอขวัญกระเจิงจนร้องไห้เสียงดัง “ฮือ….พ่อจ๋า…หนูกลัว…คนพวกนี้น่ากลัวจังเลย…หนูจะไม่ทะเลาะกับใครอีกแล้ว….ฮือ…”

อวี้ฮ่าวหรานรีบลูบหัวลูกสาวของเขาทันทีพลางปลอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ถวนถวน ลูกจำคำพ่อเอาไว้นะ ไม่ว่าใครในโลกนี้ที่บังอาจทำให้ลูกร้องไห้ พ่อจะทำให้พวกเขาเจ็บปวดมากกว่าลูกเป็นพันเป็นหมื่นเท่า และจากนี้ไปลูกไม่จำเป็นต้องกลัวใคร พ่อจะคอยปกป้องลูกไปตลอดกาล”

“แม่งเอ๊ย ไอ้เวรนี่มันกวนโอ๊ยสุด ๆ ไปเลย!”

“ไอ้โง่เอ๊ย ยังจะทำเก่งอยู่อีก แกรู้ตัวไหมว่าชีวิตแกมันขึ้นอยู่กับพวกเรา!”

“ไอ้นี่มันคงกลัวจนสติกระเจิงไปหมดแล้ว มันถึงได้พูดอะไรไร้สาระแบบนี้!”

บรรดานักเลงต่างตะโกนใส่อวี้ฮ่าวหรานด้วยท่าทีดูถูกและเย้ยหยัน พวกมันไม่คิดว่าเหยื่อของพวกมันจะสามารถทำอะไรพวกมันได้

“ถวนถวน เดี๋ยวพ่อขอวางลูกลงก่อนนะ พ่อขอเวลาแป๊บเดียวในการสั่งสอนมดแมลงพวกนี้ จากนั้นพวกเราค่อยกลับบ้านไปกินข้าวฝีมือน้าของลูกกัน”

ในทันทีที่อวี้ฮ่าวหรานปล่อยถวนถวนลงไปที่พื้น ร่างของเขาก็หายไปจากสายตาของทุกคนอย่างน่าอัศจรรย์!